++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เรื่องของหลักการ 90/10

วันนี้หมออยากจะเล่าให้ฟังถึงเรื่องของหลักการ 90/10 ซึ่งหมอได้นำมาจาก บทความเรื่อง “The 90/10 Principle” ผู้เขียนคือ Stephen Covey คนเดียวกันกับที่เขียนหนังสือ The seven habits of highly effective people หนังสือที่ขายดีระดับเบสต์เซลเลอร์ทั่วโลกและได้แปลเป็นภาษาไทยด้วย หมออ่านเรื่องหลักการนี้แล้วคิดว่ามีประโยชน์ดี ใช้ได้ในชีวิตประจำวันทั่วๆไปรวมถึงการเลี้ยงเด็ก
หลักการนี้บอกเราว่า สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเรานั้นประกอบด้วย 10% ที่เราไม่ สามารถควบคุมได้ เช่น ฝนตกน้ำท่วม แผ่นดินไหว การเจ็บป่วย การสูญเสียต่างๆ หากมันจะเกิด มันก็ต้องเกิด ไม่มีใครห้ามได้
ส่วนอีก 90%นั้นเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้ คือ ปฏิกิริยาของเราที่มีต่อเหตุการณ์ 10%ที่เราควบคุมไม่ได้นั้นๆ เช่น ถ้าอุบัติภัยไฟไหม้บ้าน เราจะทำอย่างไร เราจะร้องไห้ฟูมฟาย ทำร้ายตัวเอง หรือจะอดทนและค่อยๆนั่งแก้ปัญหาไปทีละจุด ตรงนั้นหลักการ 90/10 บอกว่าอยู่ที่เราเลือกเอง
สตีเฟน โควีย์ ได้ยกตัวอย่างกรณีศึกษาอันหนึ่งซึ่งหมอคิดว่าเห็นภาพได้ชัดเจนดี
ครอบครัวหนึ่งกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่ บังเอิญว่าลูกสาวตัวเล็กปัดถ้วยกาแฟหกใส่เสื้อทำงานของพ่อ
การที่ถ้วยกาแฟหกใส่เสื้อพ่อ คือ สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือควบคุมได้ นั่นก็คือ 10% ของหลักการ 90/10
หลังจากนั้นปฏิกิริยาของพ่อที่เกิดตามมา ตรงนั้นพ่อเลือกได้ว่าจะทำหรือไม่ทำอย่างไร สิ่งที่พ่อทำคือ 90% ที่พ่อควบคุมได้
สมมติว่าอารมณ์ความรู้สึกขณะนั้นทำให้การควบคุมทำได้ไม่ดีนัก พ่อลุกขึ้นยืน ชี้หน้าและว่าลูกรุนแรงว่าทำไมทำแบบนี้ พ่อพูดคำหยาบ ปัดจานข้าวหกเลอะพื้น ลูกสาวร้องไห้เสียงดัง พ่อหันไปว่าแม่เสียงดังบอกว่าทำไมไม่วางถ้วยกาแฟให้ไกลๆลูก พ่อกับแม่ทะเลาะกันเสียงดัง หลังจากจะเสียเวลาในการทะเลาะ พ่อต้องขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อที่เลาะ เมื่อลงมาข้างล่าง แม่ซึ่งปกติต้องเป็นคนที่พาลูกไปส่งที่โรงเรียน แต่เพราะว่าโกรธเลยออกจากบ้านไปทำงานทันที่ ทิ้งลูกสาวนั่งร้องไห้อยู่ข้างล่าง พ่อต้องพาลูกไปโรงเรียนเอง และเนื่องจากใกล้เวลาทำงานของพ่อ ทำให้พ่อต้องรีบขับรถจนความเร็วเกินกำหนด ถูกตำรวจเรียกจอด ต้องจ่ายค่าปรับ พ่อรู้สึกหัวเสีย ส่วนลูกสาวก็นั่งร้องไห้ไปตลอดทาง พอไปถึงที่ทำงาน พ่อพบว่าตัวเองลืมเอากระเป๋าเอกสารไป ในนั้นมีงานที่ต้องส่งด่วน พ่อต้องขับรถกลับบ้านมาเอากระเป๋าอีกรอบ ตกเย็นเมื่อกลับบ้านไป ปรากฏว่าแม่ยังไม่กลับบ้าน ไม่มีใครทำอาหารเย็น ลูกสาวเห็นพ่อก็ไม่พูดด้วย พ่อรู้สึกว่าวันนั้นเป็นวันที่แย่มากในชีวิต
ในกรณีนี้เมื่อมาพิจารณาดูจะเห็นว่าสาเหตุของเรื่องทั้งหมดไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์กาแฟหกใส่เสื้อพ่อ แต่เป็นเพราะสิ่งที่เกิดตามมาหลังจากนั้นซึ่งเป็นผลกระทบจากสิ่งที่พ่อทำทั้งสิ้น จริงๆแล้วหากพ่อควบคุมอารมณ์ตนเองได้ ค่อยๆพูดกับลูกดีๆ และไปเปลี่ยนเสื้อ แม่ก็คงเป็นคนไปส่งลูกเหมือนปกติ และพ่อก็คงไม่ต้องรีบจนถูกตำรวจจับและลืมของ วันนั้นก็อาจเป็นอีกวันที่ดีๆ เป็นวันที่แฮปปี้ของครอบครัววันหนึ่ง
ไม่มีทางที่การเลี้ยงลูกหลานของเราจะราบรื่น มีปัญหาให้เราต้องแก้ไขจัดการอยู่เรื่อยๆ
หากเราควบคุม 90% ซึ่งเป็นปฏิกิริยาของเราได้ ชีวิตครอบครัวน่าจะสุขสงบขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องครอบครัว แต่รวมถึงชีวิตประจำวันอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น กับเพื่อนร่วมงาน คนอื่นๆที่อยู่รอบตัว ถ้าเราควบคุม 90%นี้ได้อย่างเหมาะสม ชีวิตเราน่าจะดีขึ้นกว่าเดิม ลองเริ่มตั้งแต่วันนี้ค่ะ...
#หมอมินบานเย็น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น