++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เอามาฝาก....จะสุขไม่เป็นถ้าไม่คิดบวก จริงไหม?



" เปลี่ยนนิสัยใหม่ด้วยแนวคิดเชิงบวกกับเหตุการณ์ต่างๆ
1 หลีกเลี่ยงการบ่น พูดในเรื่องที่สร้างสรรค์แทน
2 ลดเรื่องจินตนาการเชิงลบกับเหตุการณ์ต่างๆ
3 เลิกตัดสินผู้อื่น โดยใช้ความคิดของเราเพียงอย่างเดียว
4 เผชิญหน้ากับปัญหา เพื่อหาทางแก้ไข
5 เรียนรู้ที่จะปรับตัว เมื่อต้องอยู่ในที่อึดอัดใจ
6 เปลี่ยน “ข้อด้อย” ให้เป็นข้อเด่นของตัวเอง
7 มุ่งมั่น ไม่ท้อถอย แม้คิดว่าอาจทำไม่ได้ก็ตาม

การปรับเปลี่ยนแนวความคิดให้เป็นเชิงบวก และปฏิบัติตัวโดยการฝึกฝนอยู่ เรื่องๆ อุปนิสัยใหม่จะเกิดขึ้นเอง

@ หลีกเลี่ยงการบ่น

หลายคนเข้าใจว่าการบ่นเป็นการระบาย เมื่อพูดจบแล้วก็จะรู้สึกดีขึ้น แต่จริงๆ แล้วเราดีขึ้นชั่วคราว แต่จะจำเรื่องนั้นๆ ไปเลยว่าเราไม่ชอบ หากมีเหตุการณ์คล้ายๆกัน เกิดขึ้นอีกเราก็จะรู้สึกไม่ดีขึ้นมาโดยอัตโนมัติ จึงเรียนกว่าเป็น นิสัย ดังนั้นหากต้องการพูดเรื่องอะไรก็ควรให้มี่ความสร้างสรรค์ คือพูดแต่เรื่องดีๆ เราก็จะจำได้แต่เรื่องดๆ นิสัยเราก็จะปฏิบัติตามที่เราคิดนั่นเอง

@ ลดเรื่องจินตนาการเชิงลบ

การจินตนาการเป็นความคิดของเรา คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งยังไม่เกิดขึ้น หากเราคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เป็นเชิงลบ ย่อมทำให้เราเครียดและกังวลไปล่วงหน้า ทั้งๆที่จริงๆ แล้วเหตุการณ์เหล่านั้นอาจไม่เกิดขึ้น ก็ได้เพราะเป็นการคาดเดาของเราไปเอง แต่ถ้าเราจินตนาการเป็นเชิงบวกย่อมจูงใจให้เราลงมือปฏิบัติมากขึ้น เพราะเราคิดว่าถ้าทำแล้วจะเกิดผลดี และเป็นประโยชน์ ดังนั้นควรให้ความสำคัญ กับปัจจุบันให้มากที่สุด และถ้าคิดถึงอนาคต ก็ควรคิดว่าจะเกิดแต่สิ่งดีๆ นะครับ

@ เลิกตัดสินผู้อื่น

เราชอบสรุปว่าคนนั้นเป็นอย่างนี้ ซึ่งเราไม่ชอบเลยจริงๆ แล้วที่เราไม่ชอบเป็นเพราะเราใช้มาตรฐานความคิดของเราเป็นหลักในการพิจารณาผู้อื่น ซึ่งอาจถูก หรืออาจผิดได้ ทำให้ความสัมพันธ์ของเรากับเขาไม่ค่อยดี ในทางที่ถูกแล้ว ควรพิจารณาทั้ง 2 ด้าน คือในแง่ที่เรคิดและในแง่ที่ถ้าเราเป็นเขาเราจะปฏิบัติหรือคิดอย่างไร ก็จะทำให้เราเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น การปฏิบัติตัวต่อคนอื่นก็จะดีขึ้น

@ เผชิญหน้ากับปัญหา

ปัญหามีไว้เพื่อให้แก้ไข มิใช่มีไว้ให้เกิดความเครียด ดังนั้นหากพบเจอกับปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ก็ให้พิจารณาทางแก้ไขจะดีกว่า เพราะถ้าเครียดและกังวลกับปัญหาแล้ว เราย่อมหาทางออกได้ยากขึ้น แต่ถ้ายอมรับว่าเกิดปัญหาแล้ว จะแก้ไขอย่างไรดี เราก็จะจดจ่อกับ วิธีแก้ไข แทนที่จะจดจ่อที่ตัวปัญหา แนวโน้มก็จะมีวิธีแก้ไขได้แน่นอน

@ เรียนรู้ที่จะปรับตัว

ความอึดอัดใจเป็นความรู้สึกที่เราคิดว่า “เราไม่อยากอยู่กับสถานการณ์เช่นนี้” ซึ่งจริงๆ แล้ว ความคิดของเรานั้นเอง ที่คิดว่าเราไม่ชอบ ไม่มีประโยชน์ ไม่อยากเจอ อยากหนีไปให้ไกล ซึ่งถ้าเราจำเป็นต้องอยู่ในสถานการณ์นั้นอีกสักระยะหนึ่งเราก็ควรปรับตัวโดยการคิดว่า สถานการณ์ให้เราได้เรียนรู้เรื่องอะไรได้บ้าง มีประโยชนต่อเราอย่างไร เราเข้าใจผู้อื่นมากขึ้นแค่ไหนเมื่อเราสร้างความสนใจต่อเหตุการณ์เสียใหม่ ความอึดอัดใจก็จะลดไปเอง เพราะเริ่มมีเรื่องน่าสนใจสำหรับเราแล้ว

@ เปลี่ยน “จุดด้วย” ให้เป็นจุดเด่น

จุดด้อยหรือจุดเด่น อยู่ที่เราคิดว่าจะใช้ประโยชน์กับคุณสมบัตินั้นๆ ได้หรือไม่ ส่วนใหญ่แล้วจุดด้อยเป็ฯสิ่งที่ผู้อื่น พูดถึงเราว่าเป็นคุณสมบัติที่ไม่ดีและเราก็เห็นด้วย แต่ถ้าเราพยายามแก้ไขข้อด้อยนั้นๆ เพื่อหวังว่า ผู้อื่นจะได้รับการยอมรับเรานั้น เราจะไม่สามารถพัฒนาข้อด้อยนั้นได้นาน เพราะตัวเราเองไม่ถนัดและไม่ชอบ แต่ถ้าเราลองมองคุณสมบัติที่เราเป็นอยู่นั้น เกิดประโยชน์ในด้านใด เราก็นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น คุณสมบัตินั้นก็จะถูกใช้ไปในทางที่เป็นประโยชน์ต่อเรา และเราก็ได้พัฒนาตัวเอง ทำให้เราสามารถเปลี่ยนข้อด้อยของเราเป็นข้อเด่นไปได้

@ มุ่งมั่น ไม่ท้อถอย

คนสำเร็จต่างกับคนทั่วๆไป ตรงที่ว่าเขาไม่เลิกก่อนเวลา ถึงแม้ว่าอาจดูว่าเป็นเรื่องยากก็ตาม คนส่วนใหญ่เกือบทำสำเร็จเพียงแค่อดทน หรือมุ่งมั่นไม่พอเท่านั้นเอง เป้าหมายต่างๆ นั้นไม่ยากเกินไปหากเรามุ่งมั่น และไม่ท้อถอย แม้ว่าความคิด ความรู้สึกจะบอกไปในทางว่าอาจเป็นไปไม่ได้ก็ตาม เนื่องจากความคิดเชิงลบย่อมเกิดขึ้นเมื่อเจออุปสรรค แต่ถ้าเราปฏิบัติต่อไป เราก็จะสำเร็จได้อย่างแน่นอน

การปรับเปลี่ยนแนวความคิดของตัวเองเสียใหม่ โดยการปรับใช้กับสถานการณ์ต่างๆ เมื่อฝึกฝนมากขึ้น อุปนิสัยใหม่ๆ ที่เป็นข้อดีและเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเองก็จะเกิดขึ้น โดยที่เราไม่รู้ตัว แต่ผู้อื่นจะมองเห็นได้เอง และจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น บุคคลทั่วไปก็จะยอมรับเรามองขึ้นครับ"

ที่มา entraining.net

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น