++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556

ปัญหาเกี่ยวกับเพื่อนฝูง


ปุจฉา - กราบนมัสการ พระคุณท่าน ดิฉันมีปัญหาที่แก้ไม่ได้อยู่เรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับหมู่เพื่อนฝูง ซึ่งคิดหนทางเท่าไรก็แก้ไม่ได้เสียที เลยจะขอรบกวนสอบถามและนำหลักธรรมมาประยุกย์ใช้เพื่อไม่เกิดความเสียหายแก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

เรื่องมีอยู่ว่า น.ส.A ไม่ค่อยอยู่ในกลุ่มเพื่อน เลยไม่ค่อยได้คุยกับใครนอกจากดิฉัน ถ้ามีงานที่ทำส่งอาจารย์ นส.A จะจับคู่กับ นส.B เสมอ แต่ปัญหาที่เกิดคือ นส.A เรียนเก่งกว่า นส.B มาก แต่งานส่วนใหญ่ นส.B เป็นคนทำ เหตุผลเพราะ นส.B ชอบนำกลับไปทำที่บ้าน ทำให้นส. A ไม่ได้ทำอะไรเลย ทำให้เวลาทำงานคู่กันทีไรจะมีปัญหาสะสมอย่างนี้เรื่อยมา.....

จนอยู่มาวันหนึ่ง สอบเสร็จใกล้ปิดเทอม อาจารย์มอบหมายงานให้ทำเป็นงานคู่ กำหนดส่ง อีกห้าวัน เนื่องด้วย นส.A ต้องรีบกลับบ้านเพื่อไปฝึกงาน(ฝึกงานใกล้บ้าน) เลยนัด นส. B ทำ แต่นส.B ก็อยากกลับบ้านก่อนไปฝึกงาน (ฝึกงานไกลบ้าน) นส. B เลยรับปากว่าจะทำส่ง เวลาผ่านไป 2 วันทุกคนเข้าฝึกงาน งานหนัก ไม่มีเวลาทำงานส่งอาจารย์ นส. A โทรมาให้นส. B ทำ แต่นส. B ไม่ตอบเลย ส่งข้อความมา นส. B ก็ไม่สนใจ แต่นส.B ก็ตั้งใจจะทำอยู่แล้ว แต่ไม่ยอมบอก นส.A เพราะด้วยเหตุผลที่ว่าอยากดัดนิสัย นส.A ที่ไม่ค่อยช่วยงานเท่าไหร่

เหลือเวลาส่งงานอีกหนึ่งวันจะต้องส่งงาน กำหนดส่ง เที่ยงคืน ขณะนั้นเวลา สี่ทุ่ม นส.B มีความจำเป็น(อย่างมาก)ต้องไปทำธุระเลยยังไม่ได้ทำ ขณะนั้น นส.A โทรมาบอกว่าถ้าอย่างนั้นจะทำเอง เวลาประมาณ 30 นาทีผ่านไป นส.A โทรมาบอกว่า "นส.B ทำเถอะเราทำไม่ได้" (อันที่จริงเธอทำได้แต่ยังไม่สมบูรณ์เธอคิดว่าจะดัดนิสัย นส.B ที่รับปากแล้วแต่ไม่ยอมทำ) นส.B ก็รับปากว่าจะทำ เหลือเวลาอีก ชั่งโมงครึ่งต้องส่ง นส.A ก็ส่งข้อความหานส.B เธอไม่ยอมตอบกลับ

ในระหว่างนั้นเองด้วยความโมโหของ นส.A เธอเลยส่งข้อความไปต่อว่า นส.B ที่ไม่ทำงานเสียทีทั้งๆที่รับปากแล้วว่าจะทำ ในขณะเดียวกันหลังจากที่นส.B กลับมาจากทำธุระที่สำคัญเสร็จ เธอก็ตั้งใจว่าทำงานที่รับปากไว้ให้เสร็จ แต่พอมาอ่านข้อความที่นส.A ส่งมาทำให้เธอโมโหและตอบกลับไปอย่างรุนแรงจนกระทั่งว่า จะไม่ยอมเป็นเพื่อนจะจงเกลียดจงชังกันตลอดไป...

เรื่องทั้งหมดเพื่อนทั้งสองคนโทรมาหาดิฉัน ซึ่งดิฉันก็รับฟังทั้งสองคน ปัญหาของเรื่องนี้นั้น ตามความเข้าใจของดิฉัน คือต่างฝ่ายต่างไม่บอกเหตุผลความจำเป็นของตนให้อีกฝ่ายรับรู้ เลยทะเลาะกัน และยังมีอีกหลายกรณีสับสนปนเปกันไป

ดิฉันควรทำอย่างไรกับปัญหานี้ดีใน ฐานะคนกลาง เพราะไม่อยากเห็นเพื่อนเกลียดกัน พระคุณท่านโปรดเมตตาช่วยชี้แนะแนวทาง หลักธรรม หรือข้อคิดเพื่อดิฉันจะได้นำไปแก้ไขต่อไป กราบนมัสการ ขอบพระคุณค่ะ (T/\T)

พระไพศาล วิสาโล - ปัญหาที่เกิดกับเพื่อนของคุณทั้งสองนั้น เป็นเพราะขาดการสื่อสารกัน ต่างพูดกันคนละที (ด้วยวิธีการส่งข้อความทางโทรศัพท์) ก็เลยเกิดความเข้าใจผิดกัน ที่จริงก่อนเกิดเหตุดังกล่าว ก็มีมูลที่จะทำให้เกิดความบาดหมางใจหรือเข้าใจผิดกันอยู่แล้ว นั่นคือ ความไม่พอใจที่สะสมในใจของ B เรื่องแบบนี้หากบอกให้ A รับรู้ตั้งแต่แรก และช่วยกันหาทางแก้ไข B ก็คงไม่รู้สึกเก็บกดจนคิดจะดัดนิสัย A ด้วยวิธีดังกล่าว ยิ่งมีปัญหาการสื่อสารในระหว่างการทำรายงานด้วยแล้ว ผลที่ออกมากลับเลวร้ายกว่าที่ B คาดคิด คือแทนที่ A จะถูกดัดนิสัย กลับกลายเป็นการทะเลาะเบาะแว้งจนตัดเพื่อนกัน สร้างความเจ็บปวดแก่ทั้งสองฝ่าย

ในฐานะที่เป็นเพื่อนของทั้งสอง คุณสามารถทำให้ทั้งสองรู้ว่าปัญหาเกิดจากความเข้าใจผิดกัน เพื่อนไม่ได้มีเจตนาร้ายหรือทำผิดข้อตกลง แต่เพราะการสื่อสารที่ไม่ดี จึงทำให้ปัญหาบานปลาย แม้จะมีการใช้ถ้อยคำที่รุนแรง แต่การขอโทษและการให้อภัยก็สามารถเกิดขึ้นได้ มิตรภาพนั้นมีคุณค่ามาก ไม่ควรตัดรอนกันเพราะความเข้าใจผิด หรือเพราะเหตุเล็กน้อยเช่นนี้

อย่างไรก็ตามการคืนดีจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อไม่ยึดติดกับเรื่องถูก-ผิดมากนัก ถ้าหากต่างคนต่างยืนยันว่าฉันถูก อีกคนผิด ก็จะไม่มีทางคืนดีกันได้เลย มีแต่จะเถียงกันหนักขึ้นกลายเป็นการเอาแพ้เอาชนะกัน

กรณีนี้เป็นอุทธาหรณ์ว่าเมื่อมีความขุ่นเคืองใจกัน ควรสื่อสารอีกฝ่ายให้รับรู้ (โดยคำนึงถึงเวลา สถานที่ และใช้วาจาที่สุภาพ) หาไม่แล้วก็จะเกิดการสะสมหมักหมมจนกลายเป็นเรื่องราว ควรยอมพูดในสิ่งที่ไม่สบายใจแม้อีกฝ่ายไม่อยากฟัง ดีกว่าเก็บเอาไว้แล้วระเบิดใส่กันจนกลายเป็นศัตรูคู่เวรในที่สุด

ที่มา http://www.facebook.com/visalo?fref=ts

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น