..เราอยู่กับความนึกคิดอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเวลาไหนๆ เราก็คิดได้ทั้งดีและไม่ดี แต่คนโดยมากทุกวันนี้เป็นทุกข์มากกว่าสุข เป็นทุกข์เพราะความคิดของตัวเราเอง ทุกข์เพราะย้ำคิดในสิ่งที่ผ่านมาแล้วในอดีต ทุกข์เพราะสิ่งที่ยังมาไม่ถึงในอนาคต ทุกข์เหล่านี้ล้วนแต่ทำร้ายทำลายจิตใจให้หมองเศร้าในขณะปัจจุบัน
เหรียญมีสองด้าน คมมีสองคม ทุกอย่างอยู่ที่มุมมองด้านใดของเรา ความสุขหรือความทุกข์นั้น อยู่ที่เราเลือกมองมุมใดมุมหนึ่งมากกว่ากัน รู้จักมองในแง่ดีบ้างเพื่อจรรโลงใจให้ใฝ่ดี ทำดี จิตใจจะได้เบิกบาน มีกำลังใจในการกระทำดีในสิ่งต่างๆ ในดีมีเสีย ในเสียก็ย่อมมีดี
เราเกิดมาก็เสมือนเทียนเล่มหนึ่ง ที่มีอายุการอยู่ของมันตามกาลเวลาที่เกิดมา ไม่มีใครไม่จากลา ไฟบนเทียนไขมันส่องสว่างเสมือนปัญญา ให้เรามีปัญญาส่องนำทางในการดำเนินชีวิตให้มากๆ การอยากมี อยากได้ ความมั่งมีหรือยากจน ล้วนเสมือนลวดลายบนเทียนที่ส่องสว่าง ลวดลายจะมากหรือจะน้อย จะปราณีตสวยงามวิจิตรบรรจง หรือเกลี้ยงเกลาไร้ความงามใดๆ ก็ล้วนต้องหมดอายุไขไปตามปัจจัยที่เกิดขึ้นของตัวมันเอง
เราต่างมุ่งแสวงหาสิ่งต่างๆ มาตลอดชีวิต เพื่อสนองความอยากมี อยากได้ สนองกิเลส ตัณหา ในความไม่พอของตัวเราเอง แสวงหาความสุขในแบบที่ยังมีและเป็นทุกข์อยู่โดยมาก
ขอให้หมั่นดูจิต ดูใจ รู้จักตนเองให้มากกว่ารู้จักผู้อื่น รักษาศีลในเบื้องต้น พัฒนาสติ อยู่ ที่นี่ ตรงนี้ ณ ปัจจุบันให้มาก อย่ามัวแต่จมกับความทุกข์ในอดีต กังวลทุกข์ในอนาคต หมั่นทำความดี ลดละ กิเลสไปวันละนิดละหน่อยก็ยังดี
ความสุขมันมีอยู่แล้ว แต่เราไม่มีเวลาให้มันเอง หากรู้จักมองสุข เราก็มีมันอยู่แล้ว ณ ตอนนี้รอบตัว ในตัวเราเอง รู้จักนำปัจจัยภายนอก มาพัฒนาจิตใจภายในให้มากกว่าที่จะมุ่งแสวงหาแต่ทรัพย์ จนสุดท้ายก็เกิดมาตายเปล่า เสมือนเทียนไขที่มีแต่ไฟกิเลสตัณหา หลอมละลายตัวมันเองอย่างไร้ค่า
ชีวิตนี้มันสั้นนัก อย่างพระอาจารย์ท่านว่า ไม่มีสิ่งใดคงทนแน่นอน ทุกอย่างล้วนมีการเปลี่ยนแปลง อดีตที่ล้มเหลวล้วนเป็นทางที่แข็งแกร่งให้เราเดินต่อไป ขอให้ทุกท่าน มีกำลังใจ เดินทางด้วยแสงสว่างของปัญญา นำธรรมะเป็นแผนที่ในการเดินทาง นำธรรมะมาใช้ให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตของเรา แล้วเราจะเดินตามรอยพระพุทธบาทของพระพุทธองค์อย่างแท้จริง...
(คติธรรมนำชีวิต)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น