"บ้านขวาง" เป็นตำบลเก่าแก่ อยู่ในกรุงเก่า อยุธยา ชื่อนี้มาจากน้ำในลำคลองบางแก้ว ที่ไหลมาจากแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านขวางหมู่บ้าน จึงเรียกชื่อว่า "ตำบลบ้านขวาง" จากการที่พื้นที่มีน้ำท่าถึงตลอด ประชาชนมีอาชีพหลัก คือ ทำนา ทำไร่ และประกอบอาชีพเสริม
เมื่อทำนา ทำไร่ มีผลผลิตอุดมสมบูรณ์ เรื่องปากท้องไม่ขัดสน เรื่องสุขภาพก็ได้รับความใส่ใจจากหน่วยงานในชุมชนตามมา
แต่เดิมตำบลบ้านขวาง มีโครงการบ้านขวางแข็งแกร่งซึ่งมีแพทย์เป็นผู้ดูแล และชาวบ้านร่วมมือช่วยเหลืองานโครงการเป็นอย่างดี ส่วนราชการระดับจังหวัดจึงต้องการให้โครงการมีความต่อเนื่อง จึงเสนอตำบลนี้เข้าร่วมกองทุนหลักประกันสุขภาพฯ เพื่อให้มีทุนจากภายนอกชุมชน เข้ามาสนับสนุนการทำงานด้านสุขภาพได้ยั่งยืนอีกแรงหนึ่ง
เมื่อเริ่มต้นกองทุนฯ คณะกรรมการกองทุนฯ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่เข้าใจแนวการดำเนินงานของกองทุนฯ นัก อาจจะเปรียบได้กับเด็กที่เพิ่งหัดเดิน โดยเฉพาะเรื่องการเบิกจ่ายเงินเป็นปัญหาหลัก เพราะฝ่ายบริหารยังไม่เข้าใจชัดเจน จึงไม่กล้าที่จะเบิกจ่าย และคณะกรรมการเข้าใจว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ งานจึงไปอยู่ที่สถานีอนามัยฝ่ายเดียว
แต่เมื่อได้เรียนรู้ร่วมกัน และคณะกรรมการมีความเข้าใจในกองทุนฯ มากขึ้น ประกอบกับทีมงานสถานีอนามัยซึ่งเป็นผู้คลุกคลีอยู่กับสุขภาพของคนในชุมชนช่วยผลักดัน งานกองทุนฯ จึงเคลื่อนไปได้ด้วยดี " ถ้าเราเข้าใจวิธีใช้เงินแล้ว จะทำให้การบริหารง่ายขึ้น ซื้อใจชาวบ้านได้ และลดการร้องเรียนได้" หัวหน้าสถานีอนามัยบ้านขวางเล่าอย่างอารมณ์ดี
"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" ประโยคนี้ยังใช้ได้เสมอ คณะกรรมการจึงได้จัดทำโครงการอบรมด้านสุขภาพแก่นักเรียน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหลายๆหน่วยงาน ทั้งแพทย์ เภสัชกร พยาบาล ครู และประชาชนทั่วไป โดยจัดกิจกรรมให้ความรู้วนเป็นฐาน
การจัดกิจกรรมนั้นต้องทำงานประสานกัน ทั้งครูอาจารย์ ชาวบ้าน เมื่อมีหลายฝ่ายหลายแรงจึงเกิดพลังกลุ่มช่วยผลักดันการทำงานให้เคลื่อนไปได้
" ถ้าเราจัดเป็นแบบนั่งเรียนชั่วโมงต่อชั่วโมงนั้น วิทยากรที่มาสอน ถ้าสอนเสร็จแล้วก้กลับ สุดท้าย คนที่อยู่ร่วมงานกับเราจริงๆ เหลืออยู่ไม่กี่คน ถ้าเราจัดคนเป็นฐาน ทั้งนักเรียนและวิทยากรอยู่ครบไม่มีหาย" เสียงจากฝ่ายจัดการอบรมกระซิบมา
กรุงศรีอยุธยาไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว ความสำเร็จของกองทุนฯ ชาวกรุงเก่า ตำบลบ้านขวางก็ใช่จะได้มาง่ายๆ แต่เป็นไปได้ด้วยกำลังกายใจของผู้ที่ทีส่วนเกี่ยวข้องและประชาชนในชุมชน
อาจพอสรุปสั้นๆ ได้ว่า ปัจจัยที่สนับสนุนความสำเร็จของกองทุน ได้แก่
- การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพ เป็นการร่วมมือกันทั้งในส่วนของสถานีอนามัย, ภาคการศึกษาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
- มีกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน
- หน่วยงานภายนอก ทั้งภาครัฐและเอกชน ให้การสนับสนุน
การเรียนรู้จากการดำเนินงานกองทุนฯ คือ ในการทำงานไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ทั้งหมดในทีเดียว จึงต้องคิดหาทางบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินงาน โดยรวบวัตถุประสงค์ของโครงการต่างๆ แล้วจัดทำโครงการหลักที่มีทิศทางตามวัตถุประสค์ร่วมกัน
มีการเปรียบเทียบกองทุนฯ นี้ว่าเป็น "กำแพงกันข้อร้องเรียน" ของชาวบ้าน ในขณะเดียวกันกองทุนฯ ยังเป็นทั้งกำแพงล้อมความสมานสามัคคีกับชุมชนได้อีกด้วย อย่างนี้ไม่ใช่หรือที่เขาเรียกว่า "ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว"
ข้อมูลพื้นฐานประกอบการเขียนโดย
จรีย์ สะอิ้ง
เสน่ห์ ขุนแก้ว
ทิพาวรรณ สมจิตร
จีรวัฒน์ เศรษฐบุตร
วิทยาลัยเทคโนโลยีทางการแพทย์และสาธารณสุขกาญจนาภิเษก นนทบุรี
ที่มา ถอดบทเรียน การดำเนินงานระบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่
(กองทุนหลักประกันสุขภาพ อบต. และเทศบาล) ในพื้นที่ต้นแบบทั่วประเทศ กรณีศึกษา ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง
เลข ISBN : 978-974-379-047-8
ธันวาคม 2551
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น