++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

"7 มหัศจรรย์เขาดิน" แพนด้าแดง-เก้งเผือก ตัวชูโรง

"7 มหัศจรรย์เขาดิน" แพนด้าแดง-เก้งเผือก ตัวชูโรง

โดย : หนุ่มลูกทุ่ง

ชม 7 มหัศจรรย์ได้ที่สวนสัตว์ดุสิต
ตั้งแต่เริ่มเดินทางท่องเที่ยวในเมืองกรุงมาหลายปี
นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ฉันพามาเที่ยว "สวนสัตว์ดุสิต"
โดยครั้งแรกนั้นพาเด็กๆลูกๆหลานๆ มาเที่ยวสวนสัตว์ในวันเด็ก
พอครั้งที่สองก็พามาส่องสัตว์ตอนกลางคืน เพราะเขาชวนให้มา "ยามเย็น
เดินเล่นในเขาดิน" กับโครงการ Dusit Evening Zoo

แต่ที่ต้องพามาอีกเป็นครั้งที่ 3
เพราะได้ยินว่าสวนสัตว์ดุสิตนี้เขามี "7 มหัศจรรย์สวนสัตว์ดุสิต"
มาเป็นตัวชูโรง ในช่วงนี้ที่ใครๆ
ก็อยากไปดูแพนด้าน้อยที่สวนสัตว์เชียงใหม่ แต่ฉันขอมาดู 7
สิ่งมหัศจรรย์ที่สวนสัตว์ดุสิตแทนดีกว่า

แพนด้าแดงขนปุย
มหัศจรรย์สิ่งแรก เริ่มต้นกันที่ "แพนด้าแดง" กันก่อนเลย
สวนสัตว์เชียงใหม่มีแพนด้าขอบตาดำ
ที่สวนสัตว์ดุสิตก็มีแพนด้าแดงขนฟูน่ารักน่าเอ็นดูไม่แพ้กัน
แพนด้าแดงนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศเนปาล จีน แถบเทือกเขาหิมาลัย
เป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ของโลกซึ่งได้รับการคุ้มครอง
สำหรับในเมืองไทยหาชมได้ที่สวนสัตว์ดุสิตที่เดียวเท่านั้น

เจ้าแพนด้าแดงขนปุกปุยน่ากอดนี้กินใบไผ่อ่อนเป็นอาหารหลัก
และกินได้มากถึงวันละ 200,000 ใบต่อวัน โดยจะออกหากินในช่วงใกล้ค่ำ
และใช้เวลาถึง 12 ชั่วโมงต่อวันในการกินอาหาร
ส่วนในตอนกลางวันมันก็จะนอนอาบแสงแดดอุ่นๆ
แหม...ชีวิตช่างน่าอิจฉาเสียนี่กระไร
หากใครอยากรู้ว่าแพนด้าแดงกับแพนด้าสีขาวดำมีความเหมือนและต่างกันอย่างไร
บ้าง ก็ต้องลองมาดูกันที่นี่

ค่างห้าสี มูลค่าตัวละไม่ต่ำกว่าสิบล้าน
มหัศจรรย์ที่สอง อยู่ข้างกรงแพนด้าแดงกันเลยทีเดียว นั่นก็คือ
"ค่างห้าสี" ค่างที่มีสีสันสวยงามที่สุดในโลก โดยตามตัวจะมีสีตัดกันถึง 5
สี ตัวและหัวมีสีเทา หน้าผากมีสีเทาดำออกแดง หนวดเคราสีขาว
หางและก้นสีขาว ใบหน้าสีเหลือง และส่วนขามีสีน้ำตาลแดง
ค่างสีสวยชนิดนี้มักถูกลักลอบล่าเพื่อนำลูกค่างมาขาย
ทำให้ค่างห้าสีมีจำนวนลดลงจนองค์กรอนุรักษ์สัตว์ป่าโลกต้องจัดให้ค่างชนิด
นี้อยู่ในบัญชีแดง ซึ่งหมายถึงสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ ห้ามซื้อ ขาย และล่า

แม้จะเป็นสัตว์ที่หาได้ยาก
แต่สำหรับที่สวนสวนสัตว์ดุสิตแล้วถือเป็นศูนย์เพาะพันธุ์ค่างห้าสีที่ใหญ่
ที่สุดในโลก มีการเพาะเลี้ยงเพาะพันธุ์ค่างห้าสีจนตอนนี้มีจำนวนมากกว่า
30 ตัวด้วยกัน โดยแต่ละตัวนั้นก็มีมูลค่าตัวละไม่ต่ำกว่า 10
ล้านบาทเลยทีเดียว

ภายในหลุมหลบภัย
จากกรงค่างห้าสี เราเดินกันต่อมาเรื่อยๆ ผ่านค่างแว่น
ผ่านลิงอุรังอุตัง และผ่านส่วนจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลาน
ฉันเองไม่ค่อยถูกโฉลกกับพวกสัตว์ไร้ขาสักเท่าไร
แต่เผอิญข้างในติดแอร์เย็นฉ่ำก็เลยชะแว้บเข้าไปดูเสียหน่อย
แล้วก็ได้ตื่นตาพร้อมกับขนลุกขนพองไปกับงูอนาคอนด้า งูหลาม งูเหลือม
งูเห่า และสัตว์เลื้อยคลานอื่นๆอีกมากมายก่อนจะมาพบกับมหัศจรรย์ที่สาม
ที่ "หลุมหลบภัย" ใกล้ๆ กับบ่อน้ำของแม่มะลิ ฮิปโปโปเตมัสนั่นเอง

หลุมหลบภัยในสวนสัตว์แห่งนี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อให้นักท่องเที่ยว
ได้ใช้หลบภัยกรณีมีเหตุการณ์เสือหลุดจากกรงแต่อย่างใด
แต่หลุมหลบภัยนี้สร้างขึ้นในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเพื่อให้นักท่อง
เที่ยวที่มาเที่ยวสวนสัตว์รวมถึงประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงเข้ามาหลบลูกระเบิด
ที่เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรจะเข้ามาโจมตี
โดยหลุมหลบภัยนี้ถือเป็นหลุมหลบภัยสาธารณะสมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่ยัง
สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย

หลังจากที่สงครามสงบก็ได้มีการปรับปรุงพื้นที่
โดยมีการสร้างภูเขาจำลองครอบทับทำเป็นกรงเลี้ยงเลียงผา
ก่อนที่จะมีการปรับปรุงอีกครั้ง
โดยฟื้นฟูสภาพของหลุมหลบภัยกลับคืนให้คนในปัจจุบันได้เห็น
ภายในมีการจัดแสดงหุ่นจำลองประชาชนที่เข้ามาหลบลูกระเบิดด้านใน
ส่วนด้านนอกนั้นก็มีการจัดนิทรรศการแสดงภาพถ่ายและข้อมูลเกี่ยวกับสงครามโลก
ครั้งที่สองในประเทศไทย

เก้งเผือกสีขาวสะอาดทั้งตัว
มหัศจรรย์ที่สี่นั้นอยู่ข้างๆ หลุมหลบภัยกันเลย นั่นก็คือ
"เก้งเผือก" เก้งขนสีขาวสะอาดทั่วทั้งตัวที่มีรายงานการพบที่เดียวในโลกคือที่ประเทศไทย
โดยเก้งเผือกตัวแรกที่พบนั้นก็คือ "เพชร"
เก้งเผือกเพศผู้พบที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
และจากการผสมพันธุ์เจ้าเพชรก็ทำให้เราได้ลูกเก้งเผือกมาอีกถึง 5
ตัวด้วยกัน โดยเก้งเผือกตัวที่ 5 หรือ "หมอก" นั้นเพิ่งจะเกิดใหม่
และมีการเปิดตัวไปเมื่อช่วงวันเข้าพรรษาที่ผ่านมานี้เอง

ฝูงละมั่งพันธุ์ไทยฝูงสุดท้ายของไทย
และข้างกรงเก้งเผือกนั้นก็เป็นมหัศจรรย์ต่อมา คือ
"ละมั่งพันธุ์ไทย" สัตว์ป่าสงวนที่สูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติ
เมื่อก่อนนี้เคยพบอยู่ในแถบภาคตะวันออกและอีสานใต้ จังหวัดตราด จันทบุรี
และปราจีนบุรี แต่ปัจจุบันสามารถพบเห็นได้ที่สวนสัตว์ดุสิตแห่งเดียวเท่านั้น

ละมั่งพันธุ์ไทยตัวผู้เมื่อโตเต็มที่จะมีเขาโง้งสวยงาม
และพวกมันยังมีความปราดเปรียวว่องไว สายตาดี และรับกลิ่นได้ไวอีกด้วย
ละมั่งพันธุ์ไทยจะอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง
ดังนั้นฝูงละมั่งที่สวนสัตว์ดุสิตนี้จึงเป็นละมั่งพันธุ์ไทยฝูงสุดท้ายที่
ใหญ่ที่สุดในโลก

ทิวทัศน์ของพระที่นั่งอนันต์ฯเมื่อมองจากสวนสัตว์
เดินชมบรรดาสิงสาราสัตว์มาตลอดทางแล้ว
หันกลับมาชมทิวทัศน์อันงดงามในสวนสัตว์กันบ้างดีกว่า โดย
"จุดชมวิวพระที่นั่งอนันตสมาคม" นั้น ถือเป็นมหัศจรรย์แห่งเขาดินจุดต่อไป
โดยเมื่อมองจากริมสระน้ำภายในสวนสัตว์ดุสิตไปแล้วจะสามารถมองเห็นยอดโดมของ
พระที่นั่งอนันต์ฯ อยู่ท่ามกลางแมกไม้
ขณะที่ในสระน้ำก็มีจักรยานนาวาสีสดใสลอยไปมาทำให้ทิวทัศน์น่าชมมากยิ่งขึ้น
อีกทั้งบริเวณเกาะเล็กๆกลางสระน้ำของสวนสัตว์นั้น ก็ยังมีศาลาเรือนไทย
ที่เคยเป็นสถานที่ประทับพักผ่อนพระราชอิริยาบถของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5

ต้นสักที่เป็นดังอนุสรณ์สถานความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเดนมาร์ก
คราวนี้มาถึงมหัศจรรย์แห่งเขาดินสิ่งสุดท้าย มหัศจรรย์ที่ 7
ไม่ใช่สัตว์อีกเช่นกัน แต่เป็น "ต้นสัก"
ซึ่งนอกจากจะเป็นต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาแล้ว
ก็ยังถือเป็นอนุสรณ์สถานที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยและราช
อาณาจักรเดนมาร์กอีกด้วย
โดยสองราชอาณาจักรนี้ได้มีการติดต่อสัมพันธ์กันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
และมีความสัมพันธ์อันดีต่อมาจนถึงปัจจุบัน และในสมัยรัชกาลที่ 5
เจ้าชายวัลเดอร์มาร์ พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าคริสเตียนที่ 8
แห่งเดนมาร์ก ได้เสด็จมาเยือนประเทศสยามอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ.2443
การเสด็จเยือนในครั้งนั้น รัชกาลที่ 5
ได้พระราชทานเลี้ยงกลางวันที่สวนดุสิต
และได้ทรงปลูกต้นสักเป็นที่ระลึกในการเสด็จเยือน
และยังคงมีหลักฐานเป็นต้นสักทอง
และมีศิลาสลักอักษรจารึกไว้ให้เห็นจนปัจจุบัน

และนี่ก็เป็น "7 มหัศจรรย์สวนสัตว์เขาดิน"
ที่นอกจากจะมีบรรดาสิงสาราสัตว์ที่น่ารักหลากหลาย
บ้างก็เป็นหนึ่งเดียวในโลก บ้างก็หาชมได้ยากยิ่งแล้ว
ที่นี่ก็ยังมีประวัติศาสตร์น่าสนใจ สมกับเป็นสวนสัตว์แห่งแรกของเมืองไทย

* * * * * * * * * * * * *
* * * * * * * * * * * * * *
* * * * * * * * * * * * * *
* * * * * *

"สวนสัตว์ดุสิต" ตั้งอยู่บนถนนพระราม 5 เขตดุสิต กรุงเทพฯ
เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. ทุกวัน อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย
ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็กเล็ก-ปวช. 10 บาท ปวส.-มหาวิทยาลัย 30 บาท ครู ทหาร
ตำรวจ (ในเครื่องแบบ) 30 บาท ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ภิกษุ สามเณร
และคนพิการ เข้าชมฟรี มีรถประจำทางสาย 18, 28, 108
และรถประจำทางปรับอากาศสาย 515, 528, 539, 542 ผ่าน
สอบถามโทร.0-2281-2000, 0-2281-9027-8
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000079415

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น