++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เซ็งไปบ่นไป..

เซ็งไปบ่นไป..
โดย สำราญ รอดเพชร


ไม่ว่าจะชั่วดีถี่ห่างอย่างไร หรือเป็นนักการเมืองรุ่นเด็ก
หน้าใหม่หน้าไม่หล่อ (เท่านายกฯ) ก็ตาม แต่ส่วนตัวผมก็ให้ความชื่นชมกับ
ส.ส.กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ชื่อ

"เดอะแจ๊ค - วัชระ เพชรทอง"

* ชื่นชมในความยืนหยัดมั่นคงในเส้นทางการเมืองที่แม้จะผ่านการสอบตกมา
2 -3 ครั้งแต่ก็ไม่ยอมท้อถอย กระทั่งเลือกตั้งซ่อมเมื่อปลายปี 2551
ขณะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลและ
"เดอะแจ๊ค" ก็เป็นวิทยากร ผู้ปราศรัยขาประจำรอบดึกที่เราเรียกกันว่าช่วง
"ยามไทม์" ที่มิใช่ไพรม์ไทม์...

มิอาจปฏิเสธได้ว่า นอกเหนือจากเพราะกระแสพรรคประชาธิปัตย์
และความเป็นนักต่อสู้ที่หาญกล้าของเจ้าตัวแล้ว เวทีพันธมิตรฯ
ก็เป็นแรงหนุนส่งสำคัญประการหนึ่งที่ให้คนชื่อวัชระนำโด่งม้วนเดียวจบโดยไม่
ต้องมีพระนำหน้า...

* ชื่นชมในความสำนึกของวัชระที่เขายังไม่ลืมเวทีพันธมิตรฯ
ไม่ลืมพี่น้องพันธมิตรฯ และพูดเต็มปากเต็มคำเสมอว่าพันธมิตรฯ
เป็นผู้มีพระคุณกับเขา
ไม่แต่เท่านั้นเท่าที่ติดตามในบางโอกาสระหว่างการประชุมสภาฯ ผมได้เห็น
ส.ส.ชื่อวัชระนั่งปรึกษาหารือกับ ส.ส.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
แกนนำพันธมิตรฯ และได้ช่วยตอบโต้แก้ต่างให้กับพันธมิตรฯ ที่ถูก
ส.ส.อีกพวกอภิปรายใส่ร้าย

จริงอยู่บางคนอาจจะบอกว่า เพราะเขา (วัชระ) ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ
มีส่วนร่วมกับพันธมิตรฯ ตรงๆ จึงต้องญาติดีกับพันธมิตรฯ
อย่างไม่อาจเป็นอื่นไปได้ - เรื่องนี้ผมคงต้องแลกเปลี่ยนว่า
อันที่จริงคนชื่อวัชระจะไม่พูดถึงหรือนึกถึงพันธมิตรฯ
เลยก็ได้ถ้าเขาแคร์หรือมีหลักคิดว่า การพูดถึงหรือขอบคุณพันธมิตรฯ
จะทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเสียหาย ไม่เป็นกลาง
จะทำให้นักข่าวประทับตราเขาว่าเป็น ส.ส.สายพันธมิตรฯ
หรือมากไปกว่านั้นถ้าเขาคิดไปไกลว่าการที่เขาขึ้นเวทีพันธมิตรฯ
มันคือความกล้าหาญเสียสละของเขา พันธมิตรฯ ต่างหากที่ควรจะขอบคุณเขา....

แต่ "เดอะแจ๊ค" ไม่ได้คิด ไม่ได้เป็นคนเช่นนั้น ด้านหนึ่ง
อาจเพราะเขาเคยเป็นผู้นำนักศึกษาที่ผ่านการเรียกร้องต่อสู้
เคยมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับประชาชนในเหตุการณ์ต่างๆ รวมทั้ง 100
กว่าวันกับพันธมิตรฯ ก่อนจะลงจากเวทีไปเลือกตั้งซ่อม

พูด ให้ชวนหมั่นไส้กันหน่อยก็ต้องบอกว่าคนที่ได้ผ่านการต่อสู้กับพี่น้องประชาชน
ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขอย่างเอาจริงเอาจังนั้นเป็นคนที่ "มีประวัติศาสตร์"
และจะมองประชาชนอย่างมีคุณค่า
จะให้เกียรติกับประชาชนหรือไม่มองประชาชนเป็นเพียงผู้หย่อนบัตรออกเสียง
เลือกตั้งเท่านั้น...

ถ้าจะให้ยกตัวอย่างอีกสักท่าน..ผมก็ถือวิวาสะที่จะยกตัวอย่าง
คุณพิเชษฐ พัฒนโชติ ที่ แม้ว่าในรายการ "สภาท่าพระอาทิตย์" ทาง ASTV
เมื่อวาน (14 ก.ค.)
และเมื่อวันก่อนโน้นพวกเราในฐานะพิธีกรอาจจะแหย่ถามจี้ใจดำเรื่องที่เขาไม่
โดนหมายเรียกข้อหา "ก่อการร้าย" ทั้งๆ ที่เป็นผู้ปราศรัยที่ดอนเมือง
-สุวรรณภูมิ มากที่สุดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นไปตามบทบาทหน้าที่พิธีกร...

แต่ในฐานะเป็นมิตร เป็นคนรู้จักนักการเมืองที่ชื่อ "พิเชษฐ"
มากพอสมควร ก็ต้องแสดงความชื่นชมว่าคนอย่างพิเชษฐถึงแม้จะมีตำแหน่งแห่งหนเป็นที่ปรึกษา
รัฐมนตรี (สาธารณสุข)
แต่แทบทุกเวทีปราศรัยแทบทุกเวทีเสวนาวิชาการหรือแทบทุกวงเหล้าวงข้าว
คนชื่อพิเชษฐก็พูดถึงพันธมิตรฯ ด้วยความสำนึกและให้คุณค่า ให้กำลังใจ...

ส่วนเพื่อนมิตรที่ไปมีตำแหน่งแห่งหนเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีอีกคนที่ชื่อ
ประพันธ์ คูณมี เจ้า ของฉายา "ปากกล้าขาไม่สั่น" นั้น
ไม่ว่าใครจะคิดและมองเขาอย่างไร แต่ความหาญกล้าพูดผ่านรายการต่างๆ ของ
ASTV เพื่อตอบโต้การตั้งข้อหาเท็จของพนักงานสอบสวน และชกตรงไปที่บทบาท -
วิธีคิดของนายกรัฐมนตรี, รองนายกฯ เมื่อไม่กี่วันก่อน
น่าจะเป็นคำตอบที่เพียงพอว่าประพันธ์นั้นมีสำนึกต่อบุญคุณของพ่อแม่พี่น้อง
พันธมิตรฯ เพียงใด

และล่าสุดผมแว่วๆ ว่าเขาถูกผู้นำรัฐบาล "เฉ่ง" เรียบร้อยไปแล้ว
ความคืบหน้าจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามกันเอาเอง...

ครับที่หยิบยกประเด็นเล็กๆ มาหมายเหตุกันตรงนี้ในวันนี้
ต้องกราบเรียนตรงๆว่า
มันเป็นความรู้สึกตกค้างมาตั้งแต่วันที่ใครต่อใครรวมทั้งผมโดนยัดเยียดตั้ง
ข้อหา "ก่อการร้าย"

ไม่ได้กลัว แต่ยอมรับว่า "เซ็งโลก"

และแน่นอน..ผิดหวังพอประมาณกับบุคคลที่ผมเคารพเป็นการส่วนตัวคือ
ตัวท่านนายกฯ และรองนายกฯ ด้านความมั่นคง
ซึ่งแม้ผมจะเข้าใจได้ในวิธีคิดและเหตุผลในปฏิบัติการหนนี้ แต่ก็
"รับไม่ได้"....ซึ่งผมเชื่อว่ามาถึงนาทีนี้ทั้งสองท่านน่าจะสรุปได้แล้วว่า
การปล่อยผ่านให้เหตุการณ์ล่วงเลยมาถึงขั้นนี้ผลมันเป็นอย่างไร ..

สุดท้ายก็ต้องพลิกตัวตั้งหลักตั้งลำกันใหม่ กลับมายอมรับว่าข้อหา
"ก่อการร้าย"มันเกินกว่าเหตุ, กลับมาบอกว่าคนชื่อกษิต ภิรมย์ ทำงานดี
และกลับมาบอกว่าแค่ถูกหมายเรียกจะให้หยุดทำหน้าที่มันก็เกินไป....

นั่นยังไม่นับการให้สัมภาษณ์ในเชิงตั้งคำถาม (แขวะ) ของท่านนายกฯ
ใน 2 ประเด็นที่สำคัญ ทำนองว่า

- พันธมิตรฯ
ที่อยากสร้างการเมืองใหม่เรียกร้องให้รัฐบาลแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมแล้วมันจะไหวหรือ?
และ

- คนกลุ่มหนึ่งไม่เคารพตำรวจ คนอีกกลุ่มหนึ่งไม่เคารพศาล
บ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร..

ซึ่งทั้งสองประเด็นท่าน ส.ว.คำนูณ สิทธิสมาน ได้เขียนไว้ในคอลัมน์
"หน้ากระดานเรียงห้า" ไปแล้ว

ผมมานั่งคิดนอนคิดแล้ว ทั้งหลายทั้งปวงก็ต้องย้อนไป ณ จุดที่ว่า
ที่มันแลเห็นเป็นไปเช่นนี้ก็เพราะท่านนายกฯ
และผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์บางส่วน ติดกับดักและเกรงจนเกร็งกับข้อหา
"สองมาตรฐาน" ที่พวกเสื้อแดงทั้งนอกและในสภาตั้งธงหยิบยื่นให้
และที่สำคัญก็คือความเกร็งที่จะถูกมองว่า..รัฐบาลชุดนี้เป็นพวกเดียวกับพันธมิตรฯ

ซึ่งจะว่าไป ในมุมคิดของรัฐบาลก็อาจจะมองว่าเดินมาถูกทางแล้วก็ได้
เพราะการยัดข้อหา "ก่อการร้าย" วันนี้ทำให้สังคมมองว่าพันธมิตรฯ
กับรัฐบาลกำลังหันหน้ากันคนละทาง สร้างดาวกันคนละดวง สมใจใครบางคนแล้ว

แต่นั่นก็ใช่ว่าจะละลายลบเลือนข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ว่า
ถ้าไม่มีการต่อสู้ของพันธมิตรฯ 193 วัน ก็ไม่มีรัฐบาลอภิสิทธิ์
แม้จะมีการประดิษฐ์วาทกรรม "ไม่มีเขา (เนวิน) ก็ไม่มีเรา"
ขึ้นมากลบเกลื่อนก็ตาม

ยิ่งวิ่งหนีความจริงยิ่งฝันร้าย
ยิ่งไม่อยากเอ่ยอ้างหนี้บุญคุณก็ยิ่งจะเป็นหนี้ส่วนลึกทางใจ...

ยกเว้น ไม่เคยมีคำว่า..ประชาชนชาวพันธมิตรฯ
อยู่ในหัวใจท่านเลยแม้แต่น้อยนิด !!??


samr_rod@hotmail.com

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000079509

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น