++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ข่าวคราวสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 ณ 17 ก.ค.2552 จากสาธารณสุข

อภ.ลดราคายาต้านหวัดจาก 40 บ.เหลือ 25 บ. ลั่นเจออันตรายจากวัคซีนพร้อมจ่ายชดเชย

from MOPH-Hot news by ASTV ผู้จัดการออนไลน์

เมื่อ เวลา 13.00 น. วันที่ 16 ก.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.วิชัย
โชควิวัฒน ประธานคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม(บอร์ดอภ.) กล่าวว่า
องค์การเภสัชกรรม(อภ.)จะลดราคายาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ หรือชื่อการค้า
จีพีโอ เอ ฟลู ที่ใช้ในการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
จากเดิมเม็ดละ 40 บาทเหลือเม็ดละ 25 บาทเพื่อให้คนไทยได้เข้าถึงยาชนิดนี้
เนื่องจากปัจจุบันมีความต้องการใช้ยานี้เพิ่มมากขึ้น
ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีการกระจายยาชนิดนี้ไปยังโรงพยาบาลต่างๆแล้ว 5
ล้านเม็ดและอยู่ระหว่างการผลิตเพิ่มอีก 10 ล้านเม็ด
และเริ่มกระจายยาไปยังโรงพยาบาลทั่วประเทศแล้วตั้งแต่วันที่ 13
ก.ค.ที่ผ่านมา โดยจะลดราคาในล็อตการผลิต 10 ล้านเม็ด เพื่อรองรับผู้ป่วย
1.5 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอาจจะมีการพิจารณาสั่งสำรองยาเพิ่มเติม
ภายใต้หลักการให้มียาใช้อย่างเพียงพอแต่ไม่ใช้อย่างพร่ำเพรื่อเพราะอาจทำให้
เชื้อดื้อยา นพ.วิชัย กล่าวต่อว่า
สำหรับวัคซีนที่ไทยสั่งซื้อจากบริษัทในประเทศฝรั่งเศสจำนวน 2 ล้านโดส
ผลิตจากเชื้อตาย และเป็นชนิดฉีด
ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดในระลอกที่
2 โดยมั่นใจว่ามีความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานสากล
เนื่องจากเป็นวิธีการผลิตที่ได้ตามมาตรฐานสากล
มีการผลิตมาใช้ได้ผลในไข้หวัดตามฤดูกาล
โดยผ่านการทดลองในสัตว์ทดลองและมีการทดลองในคนจำนวนมากเพียงพอที่จะสร้าง
ความเชื่อมั่นได้ว่าวัคซีนมีความปลอดภัยด้วย นอกจานกี้
ก่อนที่จะมีการส่งมอบวัคซีนให้กับประเทศไทย
บริษัทจะต้องขึ้นทะเบียนยากับองค์การอาหารและยาของสหภาพยุโรป
สร้างความเชื่อมั่นได้ว่าหากผ่านการขึ้นทะเบียนดังกล่าว
วัคซีนย่อมมีความปลอดภัย และขณะนี้ทั่วโลกมีการสั่งจองวัคซีนแล้ว 600
ล้านโดส "วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ไทยสั่งจอง
หากได้รับการรับรองให้ขึ้นทะเบียนจากองค์การอาหารและยาของสหภาพยุโรปแล้ว
ก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ของไทยอีก
เพราะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 เดือน
จึงจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความปลอดภัยอีกเล็กน้อย
กับความเสี่ยงของประชาชนต่อโรคนี้"นพ.วิชัยกล่าว นพ.วิชัย กล่าวต่อว่า
ส่วนวัคซีนที่อภ.จะผลิตเองจากเชื้อเป็นโดยเป็นชยฃนิดพ่นนั้น
หลังจากมีการเพาะเชื้อในไข่และทดลองในสัตว์ทดลองได้ผลตามเป้าหมายแล้ว
จะต้องทดลองในคนโดยใช้เวลาอีกประมาณ 120 วัน
จึงจะสามารถนำมาฉีดให้กับประชาชนได้
ซึ่งการทดลองในคนจะดำเนินการโดยคณะเวชศาสตร์เขตร้อน
มหาวิทยาลัยมหิดลแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ
1.ระยะแรกจะพ่นวัคซีนให้กับอาสาสมัคร 30 คน
เพื่อวัดขนาดปริมาณวัคซีนที่เหมาะสมต่อการสร้างภูมิคุ้มกันให้เกิดขึ้นในตัว
บุคคล และระยะที่ 2 จำนวน 400 คน ทั้งกลุ่มเด็ก หนุ่มสาวและผู้สูงอายุ
เพื่อศึกษาว่ามีความปลอดภัยและกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันได้จริงหรือไม่
"วัคซีนที่อภ.ผลิตจะต้องมีการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานทุกล็อตการผลิตก่อนนำฉีด
ให้กับประชาชน โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะรับผิดชอบในการนำวัคซีนที่อภ.ผลิตได้ไปตรวจสอบ
คุณภาพเพื่อประกันความปลอดภัย
ซึ่งหากการดำเนินการเป็นไปอย่างดีตามที่มีการคาดการณ์ไว้จะสามารถผลิตได้
2.8 ล้านโดสต่อเดือนและในอีก 4 เดือนจะมีวัคซีน 10 ล้านโดส
ซึ่งยังไม่เพียงพอกับประชาชนแต่หากเปรียบเทียบกับหลายประเทศทั่วโลกถือว่า
ไทยดีกว่ามาก นอกจากนี้
ได้มีการประสานกับองค์การอนามัยโลกเพื่อที่จะขอเงินสนับสนุนอีกประมาณ 1.5
ล้านเหรียญสหรัฐฯในการที่จะปรับปรุงโรงงานวัคซีนของกรมปศุสัตว์ให้เข้าเป็น
ส่วนหนึ่งในการเร่งการผลิตวัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009ด้วย"
นพ.วิชัย กล่าว นพ.วิชัย กล่าวต่อว่า
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ถือเป็นหลักสากลทั่วโลกว่าไม่ต้องทดลองในคนถึงระยะที่ 3
ว่าสามารถป้องกันโรคได้หรือไม่
เพราะธรรมชาติของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในแต่ละปีจะเป็นคนละสายพันธ์
กัน หากรอให้มีการทดลองว่าป้องกันโรคได้จริง
วัคซีนนั้นก็ไม่ทันกับการนำมาใช้
อีกทั้งการฉีดวัคซีนป้องกันไขหวัดใหญ่หากสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้
จะมีผลให้ป้องกันโรคได้เองไม่เหมือนวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ที่จะต้องกระตุ้น
ภูมิคุ้มกันให้มากพอที่จะป้องกันโรคได้
ซึ่งโดยปกติของการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะเกิดผลข้างเคียงในอัตราที่ต่ำมาก
มีเพียงอาการไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัวเล็กน้อยเท่านั้น
เว้นแต่ในรายที่มีการแพ้ไข่ไก่อาจจะเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงเหมือนการทาน
ไข่โดยตรง นพ.วิชัย
กล่าวถึงกรณีที่บริษัทผู้ผลิตวัคซีนต้องระบุแนบท้ายสัญญาการสั่งจองวัคซีน
ว่าจะไม่รับรองผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นนั้นว่า
ถือเป็นหลักปฏิบัติสากลทั่วโลกของการสั่งจองวัคซีนในขณะที่มีสถานการณ์การ
แพร่ระบาดของโรค ที่บริษัทจะไม่รับประกันผลข้างเคียง
ซึ่งแต่ละประเทศต้องยอมรับเงื่อนไขดังกล่าว สำหรับประเทศไทย
หากประชาชนที่ได้รับวัคซีนเกิดผลข้างเคียงรุนแรง เช่น พิการ
หน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบคือสำนัก งานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)
โดยอาศัยตามมาตรา 41 ของพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545
ที่มีกองทุนชดเชยความเสียหายจากการรับบริการด้านสาธารณสุขโดยไม่ต้องมีการ
พิสูจน์ถูกผิด ซึ่งปัจจุบันก็มีการดำเนินการเช่นนี้ในผู้รับวัคซีนชนิดอื่นที่เกิดผลข้าง
เคียงขึ้นเช่นกัน ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล
อดีตรมว.สธ. ออกมาระบุว่าควรให้ประเทศอื่นทดลองใช้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์
ใหม่ 2009 ก่อนอย่างน้อย 3 เดือนนั้น นพ.วิชัย กล่าวว่า
หากจะรอความมั่นใจให้มีการใช้วัคซีนแล้ว 3
เดือนจึงค่อยนำมาฉีดให้กับคนไทย
เท่ากับต้องให้ประชาชนเสี่ยงป่วยและเสี่ยงชีวิตอีก 3 เดือน ดังนั้น
ต้องมีการชั่งน้ำหนักประโยชน์กับความเสี่ยง
ซึ่งเชื่อว่าประชาชนส่วนหนึ่งอาจเลือกทำตามคำแนะนำของนพ.สุชัยด้วย
การรอดูผลการฉีดวัคซีนก่อนเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนก็เป็นเรื่องธรรมดา
แต่ก็มีบางคนที่มั่นใจต้องการฉีดวัคซีนก่อนใคร
"การฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้กับผู้นำประเทศเป็นไปตามหลักสากลอยู่แล้ว
การที่นายกรัฐมนตรีพูดว่าอาจจะไม่รับวัคซีนที่อภ.ผลิตนั้น
คงเป็นการออกตัวที่จะไม่รับวัคซีนเพราะกลัวจะถูกหาว่ามีสิทธิพิเศษไม่ใช่การ
ไม่กล้าฉีดและคงอยากใช้สิทธิของประชาชนทั่วไป ซึ่งตามหลักการแล้ว
การฉีดวัคซีนเป็นเรื่องของความสมัครใจ ถ้าหาก
ปฏิเสธการฉีดวัคซีนก็ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล "นพ.วิชัยกล่าว ด้านนพ.วิทิต
อรรถเวชกุล ผอ.องค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า
ในการรองรับการใช้วัคซีนแบบพ่นที่อภ.จะผลิตได้ในประมาณเดือนต.ค.-พ.ย.นี้
ได้มีการสั่งจองเข็มฉีดพ่นเข้าจมูกจำนวน 3 ล้านชิ้นที่ผลิตในประเทศแล้ว
ขณะเดียวกันฝ่ายวิจัยและพัฒนาของอภ.ได้ทำการวิจัยสารสังเคราะห์วัตถุดิบใน
การผลิตยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ได้เอง
จากเดิมที่เคยสั่งวัตถุดิบจากอินเดีย
ทำให้เป็นประโยชน์ต่อการผลิตยาชนิดนี้ในอนาคต
เพราะปัจจุบันวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตยาโอเซลทามิเวียร์ขยับราคาสูงขึ้นกว่า
50 %แล้ว ซึ่งหากมีการขยับราคาขึ้นอีกถือว่าสูงเกินไป
จะต้องหารือกับบริษัทผู้จำหน่ายวัตถุดิบต้องหารือกับกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)
เกี่ยวกับราคาขายต่อเม็ดอีกครั้งหนึ่ง
===============================
สธ.ยืนยัน วัคซีนหวัดใหญ่ 2009 ที่สั่งซื้อจากต่างประเทศ เป็นของจริง
ประชาชนวางใจได้

from MOPH-Hot news by กรมประชาสัมพันธ์

กระทรวง สาธารณสุข ยืนยัน วัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
ที่ไทยสั่งซื้อจากต่างประเทศ เป็นของจริง ขอให้ประชาชนวางใจ นายวิทยา
แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่ แพทย์หญิง
มาการ์เร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก
เตือนให้ระวังวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ปลอม ว่า
ในเรื่องการจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นั้น
รัฐบาลได้มอบหมายให้องค์การเภสัชกรรม เป็นผู้จัดซื้อ ดูแลการเซ็นสัญญา
และรายละเอียดต่างๆ จึงไม่น่าเป็นห่วงว่าเป็นของปลอม
ส่วนประเด็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้วัคซีน
เนื่องจากเป็นการรีบเร่งผลิต
และไม่ได้มีการทดสอบประสิทธิภาพในคนมากพอนั้น
คณะทำงานด้านวิชาการโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ
ได้มีการพิจารณาเงื่อนไขและความจำเป็นในการให้วัคซีนกับประชาชนกลุ่มที่มี
ความเสี่ยงมากเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
===============================
สธ.แจกคู่มือรักษาหวัด แนะใหม่ไข้สูง48ชม.เสี่ยงรุนแรง

from MOPH-Hot news by เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น

สธ. เตรียมแจกคู่มือแพทย์ รักษาหวัดสายพันธุ์ใหม่ 3 หมื่นเล่ม แนะใหม่
คนไข้สูงไม่ลดนาน 48 ชม. ถือเป็นจุดเสี่ยงภาวะโรครุนแรง พญ.ศรีวรรณา
พูลสรรพสิทธิ์ หัวหน้าสำนักวิชาการสาธารณสุข
เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อจัดทำคู่มือแนวทางใน
การรักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพื่อแจกจ่ายให้กับแพทย์ทั่วประเทศ
ว่า ในการให้การรักษาผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ยังคงยึดตามแนวทางเดิม
รวมถึงการให้ยาโอเซลทามีเวียร์
และไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนจากแนวทางที่ได้วางไว้
เพียงแต่การจัดทำคู่มือการรักษาเพื่อให้ดูง่าย
ไม่เพียงแต่ใช้ในระดับโรงพยาบาลเท่านั้น
แต่แพทย์ที่ให้การรักษาที่คลินิกก็ใช้ได้ อย่างไรก็ตามพบว่า
ในการทบทวนอาการของผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก เห็นตรงกันว่า ควรแนะนำให้กินน้ำมากๆ
เพื่อขับความร้อนและไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้อาการทรุดลง
"ทางสำนักวิชาการจะมีการสรุปคำแนะนำในคู่มือ และจะรีบเร่งจัดพิมพ์จำนวน
30,000 เล่ม เพื่อแจกจ่ายให้กับแพทย์ทั่วประเทศในวันจันทร์ที่ 20 ก.ค.
นี้" พญ.ศรีวรรณา กล่าว พญ.จริยา แสงสัจจา
รองผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า
จากการพูดคุยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เห็นตรงกันว่า
ขอให้แพทย์สังเกตอาการผู้ป่วยเป็นสำคัญ โดยเฉพาะในรายที่มีไข้สูง 38
องศาเซลเซียส ติดต่อ 48 ชม. ไม่ลด
ซึ่งอาการนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนทำให้โรคไปสู่ภาวะรุนแรง
พร้อมกันนี้หากมีอาการหอบเหนื่อย อ่อนเพลีย ท้องเสีย
และโดยเฉพาะอาการขาดน้ำ จำเป็นต้องรับเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล พญ.จริยา
กล่าวว่า สำหรับกรณีเชื้อลงปอดผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว
ทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบนั้น
ยังไม่มีการสรุปในเรื่องนี้เพราะยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการที่ชัดเจน
เพราะโดยปกติเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลก็มีภาวะโรคเช่นนี้อยู่แล้ว
===============================
สธ. สำรองยา 6 แสนชุดช่วยน้ำท่วม ส่งพังงาแล้ว 5 พันชุดสั่งหมอพร้อมทุกสถานการณ์

from MOPH-Hot news by ASTV ผู้จัดการออนไลน์

"วิทยา" สั่งการสาธารณสุขในเขตเสี่ยงน้ำท่วมเกาะติดสถานการณ์
พร้อมเปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยช่วยเหลือด้านการแพทย์ 24 ชั่วโมง
ขณะนี้สำรองยาช่วยเหลือแล้ว 6 แสนชุด พร้อมจัดส่งให้พื้นที่ทันที
วันนี้ส่งให้พังงา 5,000 ชุด วันนี้ (15 ก.ค.) นายวิทยา แก้วภราดัย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
กล่าวถึงการเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาน้ำท่วมเฉียบพลันจากฝนตกหนักตามประกาศ
ของกรมอุตุนิยมวิทยาว่า
ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย
บริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มด้านบริเวณ
จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก
เพชรบูรณ์ หนองคาย เลย และกาญจนบุรี ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
เตรียมพร้อมการตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
เพื่อติดตามสถานการณ์และผลกระทบต่อสุขภาพ
และให้เตรียมจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่พร้อมออกให้บริการประชาชนตลอด 24
ชั่วโมง โดยสถานบริการสาธารณสุขที่อยู่ในพื้นที่ต่ำ มีโอกาสน้ำท่วม
ให้เตรียมการขนย้ายเวชภัณฑ์ อุปกรณ์การแพทย์ไปไว้ในที่ปลอดภัย
เพื่อป้องกันความเสียหาย รวมทั้งการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหากจำเป็น นายวิทยา
กล่าวว่า ในเบื้องต้นขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข
ได้สำรองยาช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมและยาตำราหลวงจำนวน 600,000 ชุด
สำรองยารักษาโรคน้ำกัดเท้า 200,000 ตลับ และถุงยังชีพจำนวนมาก
พร้อมส่งสนับสนุนพื้นที่ทันที
จังหวัดใดที่ประสบภัยให้รายงานความเสียหายและสิ่งสนับสนุนหากต้องการความ
ช่วยเหลือ ไปที่กระทรวงสาธารณสุข หากประชาชนที่ประสบภัยหรือบาดเจ็บ
เจ็บป่วยฉุกเฉินต้องการความช่วยเหลือ สามารถโทรแจ้งได้ที่หมายเลข 1669
ฟรีตลอดเวลา ซึ่งในวันนี้ได้ส่งยาช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่จังหวัดพังงาแล้วจำนวน 5,000 ชุด
===============================
สธ.มอบ สสจ.ทั่วประเทศลงให้ความรู้ประชาชนในการทำหน้ากากอนามัยใช้เอง

from MOPH-Hot news by กรมประชาสัมพันธ์

กระทรวง สาธารณสุข มอบสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
ให้ความรู้ประชาชนในการทำหน้ากากอนามัยใช้เอง
หลังประชาชนตื่นตัวโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
จนกระทั่งหน้ากากอนามัยขาดตลาด นายมานิต นพอมรบดี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
กล่าวถึงยอดผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า
สำนักระบาดวิทยา ยืนยันวันนี้ (15 ก.ค.52) ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม
โดยยอดผู้เสียชีวิตยังคงที่อยู่ที่ 24 ราย
ขณะที่ยอดผู้ป่วยติดเชื้อวันนี้พบเพิ่มอีก 412 ราย
ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมทั่วประเทศขณะนี้รวม 4,469 ราย
แต่จำนวนนี้หายดีแล้วถึง 4,021 ราย เหลือเพียง 10
รายเท่านั้นที่อาการยังน่าห่วงแพทย์ยังต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขจะปรับแผนการรายงานยอดผู้ป่วยและเสียชีวิตจากรายงาน
ทุกวันเป็นสัปดาห์ละครั้ง คือทุกวันพุธ
จะมีการรายงานยอดเพื่อให้ข้อมูลครบถ้วน
ไม่ใช่ให้ข้อมูลออกมาทีละนิดจนประชาชนสับสน
ย้ำไม่ใช่เป็นการปิดบังข้อมูลแต่ต้องการข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นไปในทิศทาง
เดียวกัน สำหรับการควบคุมโรคนั้นประชาชนเป็นส่วนสำคัญที่สุดหากรู้ตัวว่าไม่สบายแม้
เพียงเล็กน้อยก็ควรสวมหน้ากากอนามัย
เพราะมีคนจำนวนมากที่แข็งแรงแม้รับเชื้อแล้วแต่ก็ไม่แสดงอาการจึงไม่รู้ตัว
ว่าติดเชื้อทำให้ขาดการระวัง
ไม่ใส่หน้ากากอนามัยจึงเป็นสาเหตุสำคัญที่นำเชื้อไปแพร่แก่ผู้อื่นได้
ง่ายกว่าผู้ป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล
พร้อมแนะให้ประชาชนทำหน้ากากอนามัยผ้าขาวบางใช้เอง
โดยได้ประสานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศลงให้ความรู้ประชาชนในการทำหน้ากาก
อนามัย จะได้ไม่ต้องซื้อในราคาแพงช่วงที่หน้ากากอนามัยขาดตลาดเช่นปัจจุบัน
ทั้งนี้หากประชาชนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
สามารถสอบถามตรงมายังสายด่วน 1422 ได้ตลอด 24 ชม.
===============================
สธ.ปรับแผนรายงานยอดผู้ป่วย-เสียชีวิตหวัด 2009 ทุกวันพุธ

from MOPH-Hot news by ASTV ผู้จัดการออนไลน์

นาย มานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
กล่าวถึงผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในวันนี้ เพิ่มอีก
412 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมรวมอยู่ที่ 4,469 ราย
แต่ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม
ขณะที่ผู้ป่วยหนักที่แพทย์ต้องรอดูอาการอย่างใกล้ชิดมีเพียง 10 ราย
ที่เหลือหาย และสามารถกลับบ้านได้หมดแล้ว อย่างไรก็ตาม
กระทรวงสาธารณสุขจะปรับแผนการรายงานยอดผู้ป่วย และเสียชีวิตเป็นสัปดาห์ละ
1 ครั้ง เฉพาะวันพุธเท่านั้น เพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างละเอียด
ทั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการปิดบังข้อมูล แต่ต้องการให้ข้อมูลครบถ้วนที่สุด
สำหรับการควบคุมของโรคประชาชนเป็นส่วนสำคัญที่สุด
หากรู้ว่าตนเองป่วยแม้จะเพียงเล็กน้อย ต้องสวมหน้ากากอนามัย
พร้อมแนะนำให้ทำหน้ากากอนามัยจากผ้าขาวบางใช้เอง
โดยให้ประสานกับสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
ลงให้ความรู้ประชาชนในการทำหน้ากากอนามัยแล้ว ทั้งนี้
หากประชาชนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
สามารถสอบถามโดยตรงที่สายด่วน 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง
===============================
ที่ประชุมไข้หวัดใหญ่ระดับชาติปรับยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหารับมือการระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่

from MOPH-Hot news by สำนักโฆษก

พล ตรี สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี
เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุม
แก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ ครั้งที่ 3/2552 วันนี้ เวลา
14.50 น. ณ ห้องอรรถไกวัลวที สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ทำเนียบรัฐบาล พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี
เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุม
แก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ ครั้งที่ 3/2552
ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย นายวิทยา แก้วภราดัย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายมานิต นพอมรบดี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอรรคพล สรสุชาติ
รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และผู้ที่เกี่ยวข้อง
ภายหลังการประชุมในเวลา 17.20 น. นายอรรคพล สรสุชาติ
รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายแพทย์ปราชญ์ บุญยวงศ์วิโรจน์
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข
นายแพทย์ ม.ล.สมชาย จักรพันธ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค
ได้ร่วมกันแถลงผลการประชุม สรุปสาระสำคัญดังนี้
ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบปรับยุทธศาสตร์ 3
ยุทธศาสตร์คือ 1. ยุทธศาสตร์ด้านการบำบัดรักษาพยาบาล
โดยจะมีการจัดทำคู่มือสำหรับประชาชน สำหรับแพทย์ พยาบาล
เจ้าหน้าที่สาธารณสุข
จัดตั้งหน่วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยระดมแพทย์จากคณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อดูแลผู้ป่วย
และมีการส่งต่อผู้ป่วยในโรงแพทย์ต่างๆ
ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีการสำรองยา
ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ได้อนุมัติให้มีการสั่งซื้อยาต้านไวรัสอีก
10 ล้านเม็ด และจัดซื้อวัคซีน 2 ล้านโดส ด้านการรักษาพยาบาล
ก็ขอให้ผู้ที่ป่วยก็ขอให้พักอยู่ที่บ้านโดยให้ใช้หน้ากากอนามัย
ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการจัดหน่วยแพทย์และเจ้าหน้าที่ให้บริการใน
ส่วนนี้ และโรงพยาบาลต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัย
และกรุงเทพมหานคร จะเพิ่มช่องทางด่วนสำหรับผู้ป่วยที่เป็นไข้
หรือไข้หวัดใหญ่ นอกจากนี้จะให้ชุมชนต่าง ๆ
ร่วมดูแลผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่โดยใช้มาตรฐานเดียวกัน
คือคู่มือสำหรับแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข 2.
ยุทธศาสตร์การควบคุมป้องกันโรค
ในส่วนของโรงเรียนจะให้พิจารณาปิดโรงเรียนตามความเหมาะสมของพื้นที่
โดยมอบหมายให้เจ้าของพื้นที่นั้น ๆ มีอำนาจในการดำเนินการ
สำหรับโรงเรียนกวดวิชา
เนื่องจากมีคณะกรรมการร่วมดูแลระหว่างกระทรวงศึกษาธิการกับสมาคม
และกระทรวงสาธารณสุขในการใช้มาตรฐานดูแลนักเรียน
โดยจะมีการประชุมร่วมกันในวันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคมนี้
ซึ่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการดูแลเรื่อง
ไนท์คลับ ผับ บาร์
โดยจะขอความร่วมมือส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการ
ให้ดูแลทำความสะอาดจัดสถานที่ให้ปลอดจากเชื้อโรค มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
นอกจากนี้ได้ขอความร่วมมือเรื่องการจัดงานใหญ่ ๆ เช่น คอนเสิร์ต
ที่ขอความร่วมมือที่จะหยุดการจัดประมาณ 2 สัปดาห์
และให้มีการรณรงค์ใช้หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วย
3. ยุทธศาสตร์การประชาสัมพันธ์
จะมีการปรับด้านการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม
จะให้ความรู้เรื่องโรคไข้หวัดกับประชาชนทุกสัปดาห์ในวันพุธ
และประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ โดยขยายช่องทางการสื่อสาร
เสริมบทบาทท้องถิ่น ชุมชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น
และขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เปิดหมายเลขโทรศัพท์ 1422 (โทรฟรี)
เพื่อเป็นช่องทางการสื่อสารให้กับประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง "
โรคนี้เป็นโรคระบาดและมีการติดต่อระหว่างคนสู่คน ซึ่งไปค่อนข้างไว
สิ่งที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จได้ก็ด้วย 2 ส่วนคือ 1.
พี่น้องประชาชนเป็นตัวหลักในการที่จะดำเนินกิจกรรม
หรือกรณีที่รับรู้ว่าตัวเองป่วยก็ควรจะพักอยู่ที่บ้าน
ไม่เอาความป่วยของตนไปเผยแพร่ในที่ชุมชน
เมื่อไปพบคนจำนวนมากต้องใส่หน้ากากอนามัย 2.
ประชาชนที่ไม่ได้ป่วยจะได้รับองค์ความรู้จากสื่อมวลชน
ฉะนั้นต้องขอความร่วมมือสื่อมวลชนทุกแขนงได้ช่วยกันให้ความรู้กับประชาชน
ให้ช่วยกันปฏิบัติตนในการป้องกันไม่ให้เกิดโรคขึ้นมาได้
ขณะนี้เราสามารถที่จะควบคุมการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ให้อยู่ได้ในระดับหนึ่ง
แต่ว่ามาตรการของเราจะได้ผลหรือไม่ ควบคุมได้หรือไม่ สำเร็จหรือไม่
ก็อยู่ที่พี่น้องประชาชนด้วย " ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า
กรณีการตรวจผลแล็ปจากนี้ไปจะเป็นการตรวจเฉพาะผู้ป่วยรายที่มีอาการรุนแรงใช่
หรือไม่ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า
ขณะนี้สถานการณ์ไข้หวัดในประเทศไทยในผู้ป่วย 100
รายจะตรวจพบผู้ที่มีเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ประมาณ 80 ราย
ผู้ที่จะได้รับการตรวจจึงเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะต้องวางแผนการ
รักษา ถ้าเป็นจริงก็จะมีการเฝ้าระวัง ถ้ามีการส่งตรวจผลแล็ปเป็นจำนวนมาก
ๆ จะต้องรอผลการตรวจ 3- 4 วันแทนที่จะรู้ผลใน 24 ชั่วโมง
จึงไม่ได้ช่วยให้การรักษาเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ผู้สื่อข่าวถามว่า
เมื่อสักครู่ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีบอกว่าการจะปรับเปลี่ยนการรายงานตัวเลข
ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ เป็นรายวันหรือรายสัปดาห์
จะให้กระทรวงสาธารณสุขตัดสินใจ โดยในเรื่องนี้
รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองกล่าวว่า
มติที่ประชุมในวันนี้มีความชัดเจนในแนวทางการดำเนินการเรื่องการรายงานข่าว
ที่เกี่ยวข้องกับไข้หวัดใหญ่ 2009 จะเปลี่ยนไป
โดยจะมีผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข่าวสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
แต่ไม่ได้แปลว่าระหว่างนั้นถ้ามีเรื่องอะไรเราจะไม่บอก
ถ้าเหตุการณ์เป็นปกติมีพัฒนาการไปตามระบบที่มีอยู่เราก็จะใช้มาตรฐานของสากล
ที่ทุกประเทศใช้ดำเนินการในขณะนี้
ซึ่งการประชุมในวันนี้ก็มีตัวแทนจากองค์การอนามัยโลกเข้าร่วมประชุมพร้อมชี้
แจงต่อที่ประชุมถึงมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก
และทางคณะทำงานก็ได้รายการการดำเนินงานของประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ
ออสเตรเลีย และสิงคโปร์
ซึ่งทั้งหมดนี้เราได้พยายามปรับแผนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
จึงต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่าในช่วง 2 -3
สัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีการรายงานตัวเลขจำนวนผู้พบเชื้อ
ผู้เสียชีวิตเป็นรายวันว่ามีกี่คน จากนี้จะได้ตัวเลขแต่ไม่ใช่เป็นรายวัน
" ที่ถามว่าจะตอบประชาชนว่าอย่างไรว่าไม่ปิดบัง รัฐบาลปิดไม่ได้
เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของทางสาธารณสุขอย่างเดียว
มีทั้งเรื่องของทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
เพราะฉะนั้นในการปิดบังข้อเท็จจริงปิดบังไม่ได้
เพียงแต่ว่าการรายงานข้อมูลต้องเป็นระบบมากขึ้นกว่าในอดีต
คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องความเห็นตรงกัน
และเป็นการดำเนินการตามมาตรฐานสากล
วันนี้เมื่อคณะกรรมการมีมติเราจะนำไปปฏิบัติ โดยจะเริ่มในวันพุธหน้า
แต่ถ้ามีการดำเนินการในระหว่างนี้
มีอะไรที่เป็นความคืบหน้าของคณะอนุกรรมการ
ก็คงจะมีการรายงานให้ทราบเป็นระยะ ๆ อยู่แล้ว"
รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองกล่าว
===============================
ครม.มีมติให้ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานป่วยหยุดงานได้

from MOPH-Hot news by เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น

ครม. มีมติให้คงมาตรการเดิม ผู้ป่วยหวัด 2009 หรือมีบุตรหลานป่วย
ให้หยุดงานได้โดยไม่ถือเป็นวันลา
แต่การปิดโรงเรียนให้เป็นดุลพินิจของผู้บริหาร นายวิทยา แก้วภราดัย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.)
มีมติให้คงมาตรการเดิมให้ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
หยุดอยู่ที่บ้านเพื่อลดการแพร่เชื้อ
หากผู้ปกครองที่มีลูกป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
ไม่ว่าจะทำงานสังกัดใดให้ผู้บังคับบัญชาอนุญาตให้ลาโดยไม่ถือเป็นวันลา
เช่นเดียวกันแรงงาน
หากป่วยด้วยโรคนี้ให้นายจ้างให้หยุดโดยไม่ถือเป็นวันลาด้วย
จนกว่าสถานการณ์แพร่ระบาดจะดีขึ้น
ส่วนโรงเรียนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการให้ใช้ดุลพินิจของผู้บริหารโรงเรียน
เหมือนเดิม และที่โรงเรียนสังกัด กทม.ปิดเรียนวันที่ 15-19 กรกฎาคม
ก็สามารถทำได้ นอกจากนี้
สธ.ได้ให้คณะแพทยศาสตร์ทุกมหาวิทยาลัยเร่งจัดทำคู่มือดูแลรักษาผู้ป่วยให้
เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อแจกให้ทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศ
สำหรับข้อเรียกร้องโรงเรียนกวดวิชาที่ให้ลดวันปิดการเรียนลดลงนั้นจะมีการ
พิจารณาอีกครั้งในวันที่ 16 กรฎาคมนี้
===============================
ที่ประชุม ครม. อนุมัติงบประมาณ 850 ล้านบาท ในการจัดซื้อวัคซีนและยาโอเซลทามิเวีย

from MOPH-Hot news by กรมประชาสัมพันธ์

ที่ ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติงบประมาณ 850 ล้านบาท
จัดซื้อวัคซีนและยาโอเซลทามิเวีย ขณะที่
เรื่องประชาสัมพันธ์ไม่มีการอนุมัติงบประมาณตามกระแสข่าว นายมานิต
นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณ 850 ล้านบาท
แบ่งเป็นการจัดซื้อวัคซีนจำนวน 600 ล้านบาท และสั่งซื้อยาโอเซลทามิเวีย
250 ล้านบาท หรือ 10 ล้านเม็ด ทั้งนี้คณะรัฐมนตรี
ได้มีการหารือถึงสถานการณ์ทั่วไป ซึ่งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข
ไม่ได้มีการของบประมาณในการประชาสัมพันธ์
แต่เบื้องต้นสถานีวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย
ได้มีการให้เวลากับรัฐบาลวันละ 1 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูล
โดยนายกรัฐมนตรี และกระทรวงสาธารณสุข จะประเดิมการออกอากาศในวันที่ 14
ก.ค.52 เป็นวันแรก ในเวลา 20.30 -22.00 น. นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี
ยังได้มีการหารือการปรับปรุงคู่มือการปฏิบัติตัวของประชาชน
ที่กระทรวงสาธารณสุข กับอาจารย์มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศ
จะร่วมกันพิจารณา ส่วนเรื่องของการปิดโรงเรียน กระทรวงสาธารณสุข
ยังเห็นว่า ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ โดยโรงเรียนจะเป็นผู้พิจารณา
===============================
สธ.ยืนยันตายหวัด2009เพิ่ม3รายรวม24ราย

from MOPH-Hot news by เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น

นพ. ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข
เปิดเผยถึงรายละเอียดผู้เสียชีวิตยืนยันติดเชื้อไข้สายพันุ์ใหม่ชิดเอ เอช
1 เอ็น 1 หรือไข้หวัด 2009 ว่า วันนี้(14 ก.ค.) มีผู้เสียชีวิตรายที่ 22
เป็นหญิงวัย 57 ปี เป็นหญิงชาว กทม. เสียชีวิตวันที่ 12 ก.ค.
โดยผู้ป่วยรายนี้มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง และเบาหวาน มานานกว่า
3 ปี น้ำหนักตัวมากกว่า 100 กิโลกรัม เริ่มป่วยวันที่ 5
ก.ค.และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน วันที่ 10 ก.ค. ด้วยอาการไอ หอบ
เหนื่อย เจ็บคอ ผลการเอกซเรย์ปอดพบปอดอักเสบทั้ง 2 ข้าง
ส่วนผู้เสียชีวิตรายที่ 23 เป็นหญิงอายุ 67 ปี อยู่ กทม. เสียชีวิตวันที่
12 ก.ค.ด้วยโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย และติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
2009 เริ่มป่วยวันที่ 5 ก.ค.เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรัฐ วันที่ 6
ก.ค.ผลการเอกซเรย์ปอดพบปอดบวม แพทย์ได้ใส่ท่อช่วยหายใจ และให้ยาปฏิชีวนะ
แต่อาการไม่ดีขึ้นและเสียชีวิตในที่สุด ผู้เสียชีวิตรายที่ 24
เป็นหญิงอายุ 32 ปี จังหวัดสมุทรสาคร เสียชีวิตเมื่อเช้าวันนี้ (14 ก.ค.)
มีน้ำหนักตัว 120 กิโลกรัม มีประวัติเป็นโรคหอบหืด เริ่มป่วย 5
ก.ค.เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล วันที่ 11 ก.ค.ด้วยอาการไข้ ไอ หอบ
ผลเอกซเรย์พบปอดบวม นอกจากนี้พบว่าผู้เสียชีวิตที่จังหวัดเชียงใหม่
ซึ่งเป็นเด็กชายอายุ 7 เดือน เริ่มป่วยวันที่ 4
ก.ค.มีอาการปอดบวมและเสียชีวิตวันที่ 9
ก.ค.ขณะนี้จัดอยู่ในช่ายผู้ป่วยสงสัยยังไม่ยืนยันว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สาย
พันธุ์ใหม่ 2009 หรือไม่ ต้องรอผลการชันสูตรศพ ซึ่งจะทราบผลในเร็วๆ นี้
ขณะที่สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ล่าสุด
วันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม 176 ราย
รวมมีจำนวนผู้ที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั่วประเทศ 4,057
ราย
===============================
สธ.คุมเข้มเจลล้างมือพบปลอมแปลงลงโทษเด็ดขาด

from MOPH-Hot news by เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น

จาก กรณีมีกระแสข่าวว่า มีผู้โดยสารรถตู้ที่ใส่หน้ากากอนามัย
ร้องเรียนว่าถูกกีดกันไม่ให้โดยสารรถ หากจะโดยสารให้ถอดหน้ากากอนามัยออก
เพื่อไม่ให้ผู้โดยสารรายอื่นหวาดกลัวนั้น ความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า
การใส่หน้ากากอนามัย โดยเฉพาะในรายที่มีอาการของไข้หวัด ไอ มีน้ำมูก
เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่บุคคลอื่น เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องที่สุด
ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม ไม่ใช่เป็นบุคคลอันตราย
สามารถใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับคนที่ไม่ป่วยได้ตามปกติ
จึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการรถตู้ รถโดยสารทุกชนิด
อย่ากีดกันผู้ใส่หน้ากากอนามัยไมให้โดยสารรถ
เพราะการไม่ใส่หน้ากากอนามัยระหว่างที่เป็นไข้หวัด
จะสามารถแพร่เชื้อสู่บุคคลรอบข้างได้ ทั้งนี้ ได้ประสานกรมการขนส่ง
กระทรวงคมนาคม สนับสนุนหน้ากากอนามัยให้ผู้ประกอบการรถตู้
และขอความร่วมมือไม่ให้มีการกีดกันผู้ใส่หน้ากากอนามัยขึ้นรถโดยสาร
รวมทั้งให้มีการทำความสะอาดเบาะนั่ง มือจับที่ประตู
ด้วยน้ำผสมผงซักฟอกทั่วไป ก่อนวิ่งรับผู้โดยสารด้วย
ที่น่าห่วงอีกประการหนึ่งคือ มีการผลิตเจลแอลกอฮอล์ปลอมออกมาวางขาย
ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง
เพราะการล้างมือเป็นวิธีการกำจัดเชื้อโรคทุกชนิดไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย
ที่ได้ผลกว่าร้อยละ 80 โดยเฉพาะเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ
จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางวิชาการพบว่า ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่
ติดมาจากการสัมผัสเชื้อที่ปนเปื้อนในสารคัดหลั่งของผู้ป่วยทางมือ
มากกว่าการติดทางการหายใจ
ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงได้เน้นมาตรการการใส่หน้ากากอนามัยและการล้างมือ
เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการต่อสู้ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สาย
พันธุ์ใหม่ฯ โดยสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ออกตรวจสอบและสอดส่อง
หากพบมีการทำผิดให้ลงโทษอย่างเด็ดขาด ด้านนายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี
เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า
ผลิตภัณฑ์ล้างมือที่ไม่ต้องใช้น้ำ มีทั้งแบบที่เป็นเจลและแบบสเปรย์
หากต้องการประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อ ต้องเลือกที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม
ควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอนเชื่อถือได้
เพราะหากมีปัญหาสามารถติดต่อหาผู้รับผิดชอบได้ และต้องมีฉลากภาษาไทย
แสดงชื่อผลิตภัณฑ์ สารที่ใช้เป็นส่วนผสม
ชื่อและที่ตั้งผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า วันเดือนปีที่ผลิต
วิธีใช้และปริมาณสุทธิ ทั้งนี้ ผู้ที่ผลิตเจลหรือสเปรย์ปลอม
จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ
===============================
กรมควบคุมโรค ย้ำ
ไม่ควรรังเกียจผู้สวมหน้ากากอนามัยเพราะถือเป็นผู้มีความรับผิดชอบต่อสังคม

from MOPH-Hot news by กรมประชาสัมพันธ์

กรม ควบคุมโรค ย้ำ
ไม่ควรรังเกียจผู้สวมหน้ากากอนามัยเพราะถือเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อ
สังคม หวั่น กระทบการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
2009 นายแพทย์ คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ โฆษกกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
กล่าวถึงกรณีที่มีการรายงานข่าวว่ามีผู้ป่วยคาดหน้ากากอนามัยขึ้นรถตู้
โดยสาร แต่ถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้น ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
เพราะจะทำให้เกิดผลกระทบต่อการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สาย
พันธุ์ใหม่ 2009
ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายรณรงค์ให้ผู้ป่วยคาดหน้ากากอนามัยเมื่อมี
อาการไข้ รวมถึงให้นอนพักอยู่กับบ้าน
แต่ผู้ป่วยบางรายมีธุระที่จำเป็นที่ต้องเดินทางออกจากบ้าน
และคาดหน้ากากอนามัย ถือว่าเป็นความรับผิดชอบที่ดีต่อสังคม
ควรได้รับการยกย่องชื่นชม มากกว่าการรังเกียจ โฆษกกรมควบคุมโรค
กล่าวเพิ่มเติมว่า ในกรณีของการดูแลผู้ป่วยนั้น
หากผู้ป่วยอยู่ในข่ายกลุ่มเสี่ยง ขอให้มาพบแพทย์ทันทีหลังจากมีไข้สูง
ซึ่งที่ผ่านมาพบผู้ป่วยส่วนใหญ่มีความล่าช้าในการมาพบแพทย์
หรือแม้บางรายมาเร็วแต่ขั้นตอนการคัดกรองของแพทย์ไม่ละเอียด
จึงทำให้เกิดผลกระทบตามมา
ทั้งนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขจะจัดสัมมนาแนวทางการรักษา
เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันในสัปดาห์นี้
===============================

สธ.ร่วมกับ ม.แพทย์จัดทำคู่มือแนวทางการรักษาสำหรับแพทย์
พร้อมตั้งทีมรักษาหน่วยเคลื่อนที่เร็ว

from MOPH-Hot news by กรมประชาสัมพันธ์

กระทรวง สาธารณสุข ร่วมกับ มหาวิทยาลัยแพทย์
จัดทำคู่มือแนวทางการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่สำหรับแพทย์
พร้อมตั้งทีมรักษาหน่วยเคลื่อนที่เร็ว นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
เปิดเผยภายหลังการประชุมระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและคณบดีคณะแพทยศาสตร์
ของทุกมหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานคร อาทิ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์
วิทยาลัยคณะแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า และคณะแพทยศาสตร์วชิระพยาบาล
รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ประธานราชวิทยา ว่า
ที่ประชุมมีมติ 4 ข้อ คือ 1.
ให้มีการจัดทำคู่มือแนวทางการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่สำหรับแพทย์
ให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ และจะมีการประชุมเรื่องนี้ในวันพรุ่งนี้ต่อไป
โดยจะใช้เป็นคู่มือการทำงานของแพทย์และเจ้าหน้าที่ในทุกระดับ
2.ให้คณะแพทยศาสตร์ในแต่ละมหาวิทยาลัยตั้งทีมรักษาในแต่ละโรงพยาบาล
คล้ายกับหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ในการลงไปดูแลผู้ป่วยที่มีอาการน่าเป็นห่วง
3.จัดทำระบบส่งต่อผู้ป่วยโดยเฉพาะกลุ่มที่มีอาการหนัก
เพื่อส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่มีความพร้อม
4.การตั้งศูนย์ประชาสัมพันธ์การแพทย์ไข้หวัดใหญ่ 2009
ประกอบด้วยตัวแทนจากคณะแพทยศาสตร์ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข
เพื่อให้ข่าวสารด้านวิชาการต่อสาธารณะให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งแนวทางการรักษา การป้องกัน
รวมทั้งผู้ป่วยในรายที่เป็นปัญหาเหมือนกับขององค์การอนามัยโลก โดยมี
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา และ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข
เป็นผู้ประสาน ซึ่งจะเริ่มประชุมกันในวันพรุ่งนี้เช่นกัน
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า
การจัดตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็วนั้น
แต่ละโรงเรียนแพทย์จะแบ่งพื้นที่รับผิดชอบดูแล อาทิ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ
จะดูแลพื้นที่ภาคตะวันออก คณะแพทยศาสตร์ รามาธิบดี ดูแลพื้นที่ภาคเหนือ
และคณะแพทยศาสตร์ ศิริราช จะดูแลภาคใต้
โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยแพทย์ที่อยู่ในพื้นที่ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น