++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2552

"จิตตนาถ" เปิดใจถึง "พ่อ"-"สนธิ" เผยภูมิใจลูกชายมีเลือดนักสู้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มีนาคม 2552 05:12 น.

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - "จิตตนาถ ลิ้มทองกุล" ซีอีโอเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ
ขึ้นเวทีโชว์ลูกคอ งานคอนเสิร์ตการเมืองเกาะสมุย เปิดใจพ่อเป็นคนเข้มงวด
ไม่ตามใจ เผย ภูมิใจที่ร่วมต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม ด้าน "สนธิ" เผย
ต้องดุลูก เพื่อไม่ให้ดูเป็นคนพิเศษกว่าคนอื่น ย้ำ ลูกชายมีเลือดคนใต้
จึงมีใจสู้ โดยไม่หวั่นว่าจะมีอะไรสูญเสีย

วันที่ 4 มี.ค.เมื่อเวลาประมาณ 21.20 น.ที่เวทีคอนเสิร์ตการเมือง
ครั้งที่ 4 (เกาะสมุย) ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายจิตตนาถ
ลิ้มทองกุล ประธานบริหาร เครือเอเอสทีวีผู้จัดการ
ซึ่งเป็นบุตรชายคนเดียวของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล
หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีร้องเพลง
ก่อนที่ นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ พิธีการเอเอสทีวี และ นายพชร สมุทวณิช
บรรณาธิการบริหารนิตยสาร mars
จะร่วมกันสัมภาษณ์ถึงมุมมองที่มีต่อผู้เป็นพ่อ

นายจิตตนาถ กล่าวว่า พ่อจะไม่ค่อยพูดกับตน
แต่จะสื่อสารทางสายตาเสียมากกว่า ซึ่งการเลี้ยงดูของพ่อนั้น
จะไม่ค่อยตามใจ ในช่วงวัยรุ่นประมาณ ม.4-5
ได้รวบรวมความกล้าไปขอเรียนต่อเมืองนอก ก็ถูกส่งไปเมืองแม็กคาย
ประเทศออสเตรเลีย ที่มีประชากรทั้งเมืองราว 50,000 คน
และเต็มไปด้วยไร่อ้อย

เมื่อไปถึงได้ซื้อรถจักรยานให้หนึ่งคัน สิ่งแวดล้อมในเมืองนั้น
ต่างจากเมืองนอกในจินตนาการที่ต้องมีความทันสมัยอย่างสิ้นเชิง
แต่ก็สามารถเรียนที่นั่นได้ 2 ปี
ก่อนจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยในเมืองที่ใหญ่ขึ้น ที่เป็นเช่นนี้ คาดว่า
พ่อคงวางแผนที่จะให้ช่วยเหลือตัวเอง ห่างจากสิ่งยั่วยุต่างๆ
และตั้งใจเรียนมากกว่าสนใจสิ่งอื่นใด

นายจิตตนาถ กล่าวต่อว่า หลังจากที่เรียนจบมาตั้งใจจะหางานข้างนอก
แต่เพราะเป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ
จึงจำเป็นมาเป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน
หรือเป็นลูกจ้างของพ่อนั่นเอง เริ่มต้นด้วยเงินเดือนประมาณ 7,000
บาทเท่ากับพนักงานคนอื่นๆ เพราะพ่ออยากให้เรียนรู้ในระดับล่างๆ
ไม่มีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นๆ แต่หากเขียนข่าวผิดจะถูกปรับคำละ 100 บาท
ซึ่งมากกว่าพนักงานปกติ

สำหรับการเป็นลูกชายแกนนำพันธมิตรฯนั้น นายจิตตนาถ กล่าวว่า
ในตอนแรกพ่อซึ่งอยู่ในฐานะเจ้านาย ก็เชียร์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
แต่หลังๆ พบเรื่องไม่ชอบมาพากล สามารถรับรู้ได้ทันทีถึงความอึดอัด
ก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่ พ่อจะลุยเสียที
จนถึงวันหนึ่งที่พ่อประกาศตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง
ก็รู้สึกภูมิใจและตัดสินใจเข้าร่วมทันที

"ตอนนั้นไม่ได้ห่วงที่ประกาศเช่นนี้ไป
แค่ถ้าไม่ลุยนี่สิรู้สึกว่าเสียชาติเกิดมาก มันต้องอย่างนี้
ผมก็เห็นด้วย" นายจิตตนาถ กล่าว

ทั้งนี้ ในปี 2548-2549 ยังไม่ได้ขึ้นเวที แต่พอปี 2551
การต่อสู้มีความตึงเครียดและเห็นพี่น้องถูกทำร้ายจึงได้ขึ้นเวทีเป็นครั้ง
แรก เพื่อพูดถึงความอัดอั้น และให้กำลังใจพี่น้องพันธมิตรฯ
และที่ยืนหยัดอยู่จนถึงวันนี้ได้เพราะเชื่อในศรัทธาในสิ่งที่เราทำอยู่ว่า
ถูกต้อง วันหนึ่งเราก็ต้องชนะ

"คิดว่า การต่อสู้ครั้งนี้เรายังไม่ได้สิ่งที่ต้องการโดยตรง
แต่ทำให้สังคมตื่นตัวและมีเครือข่ายประชาชนที่รักชาติ
และอยากขอบคุณทุกคนที่เสียสละที่ทำเพื่อประเทศชาติปัจจุบันนี้
ผมได้มาช่วยงานใน ASTV
และวางแผนว่าจะช่วยเป็นสื่อกลางให้กับพี่น้องได้รู้จักซื้อ
รู้จักใช้มากขึ้น โดยเริ่มสร้างเป็นเครือข่ายและจะขยายต่อไปในอนาคต"
นายจิตตนาถ กล่าว

ด้าน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้เดินขึ้นมาบนเวที และกล่าวถึงลูกชาย
ว่า มีเลือดคนใต้อยู่ด้วย เพราะแม่เป็นคนตรัง ตนนั้นเลี้ยงลูกเหมือนทุกๆ
คน ที่อยากให้ลูกได้ดี
ซึ่งเขาเติบโตมาเหมือนกับพี่น้องพันธมิตรฯคนใต้นี่เอง
โดยวันที่ตนประกาศตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง หรือหากตนเสียชีวิต
หรือไม่เหลือสมบัติอะไรไว้ให้เลย
เขาก็บอกว่ารับได้เพราะเชื่อมั่นว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

"ส่วนตัวแล้วผมจะดุเขาแรงมาก เพราะเขาเป็นลูกชาย
ต้องไม่ให้เกิดภาพว่าเขามีอะไรพิเศษกว่าคนอื่น
แต่เราสองคนพ่อลูกได้ตัดสินใจสู้เพื่อชาติโดยไม่คิดถึงอะไร
ทั้งที่เขายังมีอนาคตแต่ก็ยังยอมรับที่จะเดินมาต่อสู้โดยไม่คิดว่าจะสูญเสีย
อะไรบ้าง เหมือนพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรฯ นี่แหละเลือดคนใต้ครึ่งหนึ่ง
และเลือดลูกเจ๊กอีกครึ่งหนึ่ง" นายสนธิ กล่าวต่อและว่า
สำหรับคำถามเรื่องคู่ครองนั้น นายสนธิ กล่าวสั้นๆ แต่ได้ใจความว่า
ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ขอให้เป็นคนดี และไม่เป็นลูกสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร เท่านั้น

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000025073

1 ความคิดเห็น: