โดย ผู้จัดการออนไลน์ | 18 พฤษภาคม 2550 07:58 น. |
ดังนั้น จึงเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายต้องหันมาขบคิดกันว่าเพราะเหตุใดคนไทยจึงยังไม่ลึก ซึ้งกับศาสนาที่ได้ชื่อว่าเป็นศาสนาประจำชาติเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่ามีหลายองค์กรพยายามที่จะคิดค้นวิธีการที่จะปลูกฝั งพระพุทธศาสนาให้แก่เด็กรุ่นใหม่ผ่านทางสื่อต่างๆ ซึ่งล่าสุดได้มีการผลิตภาพยนตร์การ์ตูนที่ให้ชื่อเรื่องว่า “ประวัติพระพุทธเจ้า” โดยมีภาคีร่วมได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และบริษัท มีเดียสแตนดาร์ด จำกัด | |||||
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพยายามที่จะหาวิธีในการเผยแพร่คำสอนของพระพุทธศาสนา แต่ยังไม่มีเวทีใดเปิดกว้างเท่าที่ควร อีกทั้งกลุ่มเป้าหมายที่อยากให้ได้เรียนรู้และปลูกฝังมากที่สุดคือเด็กๆ จึงนึกไปถึงการทำภาพยนตร์การ์ตูน เพราะเชื่อว่าเป็นสื่อที่เข้าถึงเด็กได้ง่าย และคิดว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ สำหรับเนื้อเรื่องของภาพยนตร์การ์ตูน “ประวัติพระพุทธเจ้า” นั้น ดร.วัลลภาได้อธิบายว่า เป็นเรื่องราวของพระพุทธเจ้านับตั้งแต่ประสูติ เสด็จออกบรรพชาอุปสมบท บำเพ็ญเพียร จนถึงตรัสรู้และเสด็จจาริก ออกแสดงธรรม โปรดสัตว์โลก ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมามีพุทธศาสนิกชนชาติต่างๆ อาทิ จีน ญี่ปุ่น รวมทั้งชาวยุโรป พยายามทำพระประวัติส่วนนี้ออกเผยแพร่ในรูปของการ์ตูนแต่ก็ยังไม่สมบูรณ์ บางเรื่องบางตอนก็มีเนื้อหาขัดแย้งกับคัมภีร์พระไตรปิฎกและอรรถกถาบาลี ซึ่งถือว่าเป็น แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับพระประวัติของพระพุทธเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดของโลก ดังนั้นในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ น่าจะได้มีการสร้างภาพยนตร์การ์ตูนเกี่ยวกับพระประวัติของพระพุทธเจ้าที่มีเ นื้อหาสอดคล้องกับพระไตรปิฎกและอรรถกาถาออก เผยแผ่เป็นพุทธบูชา | |||||
ดร.วัลลภา บอกข่าวดีว่า ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องนี้ถ่ายทำมาได้กว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว และคาดว่าจะพร้อมฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ อีกทั้งเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ ที่ในปี 2550 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษา ดังนั้น รายได้ทั้งหมดที่ฉายภายในประเทศก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศล “ตอนนี้ลงทุนไปแล้วกว่า 80 ล้านบาท คาดว่ากว่าภาพยนตร์จะแล้วเสร็จก็คงประมาณร้อยกว่าล้านต้องบอกว่า ถามว่า จะได้กำไรหรือคุ้มทุนไหม คงตอบว่า เราไม่ได้มองไปที่เรื่องของผลกำไรแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกลับเห็นแล้วว่าเรื่องนี้จะต้องขาดทุนแน่นอน แต่ได้กำไรทางใจแทน เพราะวัตถุประสงค์ที่แท้จริงคืออยากให้เด็กๆ ได้ดู ได้ซึมซับพระพุทธศาสนา หันมาสนใจกันมากขึ้นให้เหมือนนี่เป็นบันไดขั้นแรกที่จะทำให้พวกเขาก้าวเข้าไ ปอยู่ในพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิด” แม้ในแง่การตลาดของภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่มีใครกล้าคาดหวังผลกำไร แต่ ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโมโน เจนเนอร์เรชั่น จำกัด ซึ่งได้เสนอตัวเข้ามาทำหน้าที่ด้านการตลาดให้บอกว่า จริงๆ แล้วตลาดภาพยนตร์การ์ตูนนั้น ทางประเทศฝั่งยุโรป และสหรัฐอเมริกา เช่น วอลท์ ดิสนีย์ ตีตลาดไว้ทั่วโลกแล้ว แต่เรื่อง “ประวัติพระพุทธเจ้า” ยังมีจุดขายตรงที่เป็นภาพยนตร์การ์ตูนเกี่ยวกับศาสนาที่ยังไม่มีใครสร้างได้ สมบูรณ์แบบเพียงนี้ และสื่อการ์ตูนเป็นสื่อที่มีเสน่ห์ในตัวอยู่แล้ว ดังนั้น แนวทางในการประชาสัมพันธ์คงจะพยายามให้เข้าถึงเด็ก ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการขยายให้เข้าถึงผู้ใหญ่โดยทางอ้อมเพราะผู้ปกครองก็ต้อ งพาลูกหลานของตัวเองมาดูเมื่อเด็กอยากดู ส่วนในเรื่องของการโฆษณาพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่ให้เข้าโรงชนกับภาพยนตร์เร ื่องอื่นๆ ให้มากที่สุด “หนังเรื่องนี้จะเข้าฉายในเดือนธันวาคมซึ่งก็เป็นสิ่งที่น่ายินดีเพร าะเราได้เช็กรอบหนังดูแล้ว ในเดือนนั้นไม่มีภาพยนตร์เรื่องใดเข้าฉาย ซึ่งเราก็พยายามหลีกเลี่ยงที่จะปะทะเพราะเราไม่ต้องการให้เกิดการแข่งขันตรง นั้น อย่างเรื่องสมเด็จพระนเรศวรก็เลื่อนรอบฉายไปแล้ว และในวันที่ 26-28 พ.ค. นี้ก็จะนำไป “ประวัติพระพุทธเจ้า” ไปฉายที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ เพื่อให้เป็นที่รู้จักว่านี่คือฝีมือคนไทย แต่ก็อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าเราไม่ได้คาดหวังเรื่องผลกำไร เป็นเรื่องของความศรัทธามากกว่า ซึ่งผมเองก็นับถือในตัวของ ดร.วัลลภา ที่มีแนวคิดดีๆ แบบนี้จึงอยากเข้ามาช่วยอีกแรง” ดร.โสรัชย์สรุปทิ้งท้าย ที่มา http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000056916 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น