เพื่อนเจ้าสาวมีไว้ทำไม
เพื่อนเจ้าสาวเขาก็มีไว้ยืนเฉย ๆ นั่นแหละ
เพราะสมัยก่อนผู้หญิงไทยมักถูกเลี้ยงให้อยู่แต่ในบ้าน
จึงออกจะเก้อเขินหรือตกประหม่าเมื่อต้องออกงานสังคม
โดยเฉพาะในพิธีสมรสซึ่งเป็นวันสำคัญของชีวิต
การมีเพื่อนเจ้าสาวจึงทำให้สาวเจ้าอุ่นใจ
และไม่เคอะเขินจนเป็นลมไปเสียก่อน---นี่ว่าตามคอนเสปต์แบบไทย ๆ
ส่วนทางตะวันตกในยุคโบราณนั้น
เจ้าสาวกับเพื่อนเจ้าสาวมองดูเหมือนกันมากจนแทบจะแยกไม่ออก
เจ้าสาวเลือกเพื่อนเจ้าสาวที่รูปร่างหน้าตาคล้ายเธอที่สุด
และในวันงานเจ้าสาวกับเพื่อนเจ้าสาวก็ยังแต่งตัวด้วยชุดที่เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน
ความเหมือนนี้เป็นอุบายที่คนโบราณคิดขึ้นเพื่อลวงให้วิญญาณชั่วร้ายสับสน
เนื่องจากเชื่อกันว่าวิญญาณชั่วร้ายอาจริษยาในความสุขและโชคลาภที่กำลังจะมาสู่เจ้าสาว
ดังนั้นเจ้าสาวจึงแวดล้อมตัวเองด้วยเพื่อนเจ้าสาวซึ่งเหมือนเธอราวกับแกะ
ยิ่งเพื่อนเจ้าสาวมีจำนวนมากเท่าใด ยิ่งประกันความปลอดภัยของเจ้าสาวเพิ่มขึ้นเท่านั้น
(คล้ายกับคติความเชื่อของคนไทยที่ว่า “คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย”)
ตามกฎของอาณาจักรโรมัน การแต่งงานจำต้องมีสักขีพยาน ๑๐ คน
นักประวัติศาสตร์บางคนจึงเชื่อว่า
ธรรมเนียมเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวในปัจจุบันน่าจะสืบทอดมาจากยุคโรมันโบราณ
ในเวลาต่อมาเพื่อนเจ้าบ่าวเพื่อนเจ้าสาวมีภารกิจเพิ่มขึ้น
โดยต้องทำหน้าที่บอดี้การ์ดให้แก่คู่สมรสด้วย ทั้งนี้ดังปรากฏหลักฐานว่า
ในสมัยกลางนั้นถือเป็นเรื่องปรกติธรรมดาที่ชายผู้หมายปองเจ้าสาวแต่ไม่สมหวัง
มักพาสมัครพรรคพวกบุกเข้าชิงตัวเจ้าสาวไปในระหว่างพิธีแต่งงาน
เชื่อกันว่าหญิงสาวผู้ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวนั้น
จะนำทั้งลางดีและลางร้ายมาสู่ตนเอง ตัวอย่างเช่น
ถ้าเธอสะดุดล้มระหว่างทางเดินไปยังแท่นพิธี เธอจะหมดโอกาสแต่งงานโดยสิ้นเชิง
และถ้าหญิงสาวคนใดทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวครบสามครั้ง
เธอต้องอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต
ยกเว้นแต่ว่าเธอจะทำหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวอีกสี่ครั้งรวมเป็นเจ็ดครั้ง
ทั้งนี้เพราะสำหรับผู้ที่เชื่อถือโชคลางแล้ว
เลขเจ็ด---จำนวนวันของสัปดาห์ถือเป็นเลขนำโชค
เกี่ยวเนื่องกับการเปลี่ยนแปลงของระยะต่าง ๆ ของดวงจันทร์
ส่วนผู้ที่ไม่เชื่อถือโชคลางก็แย้งว่า
สำหรับหญิงสาวผู้บากบั่นทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวมาถึงเจ็ดครั้งเจ็ดคราแล้ว
การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อตัวเธอนั้นย่อมต้องเป็นไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน
ที่มา 108 ซองคำถาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น