++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ตกใจ

ในค่ำคืนหนึ่ง เม้ากำลังนอนหลับลึกด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการงานและหลังจากที่ได้ไปทำบุญที่วัดกับหลวงตาช้วน เจ้าอาวาสวัดแคนางเลิ้ง พระสุปฎิปันโนท่านหนึ่ง เมื่อตอนบ่ายแก่ๆ
หลวงตาก็บอกกับหลานทุกคน (เม้า เมียและลูก )ว่าอยู่ดีมีสุขไม่ต้องกลัวอะไร ธรรมะจารี สุขัง เสติ ผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุข ธรรมะข้อนี้หลวงตาแม้จะใช้หลายครั้ง แต่เท่าที่ได้ยินมาไม่มากนัก
หลังจากอิ่มเอิบออกจากวัดด้วยผลบุญกุศลที่ทำมากับมือและใจ ทานข้าวเสร็จและเข้านอน จนหลับสนิทดังกล่าว ลูกชายตัวน้อยก็มาปลุกเม้า แล้วบอกว่า
"พ่อเป็นอะไรก็ไม่รู้ หนูถ่ายเป็นเลือด หน้ามืดหัวไปโขกกับที่ใส่กระดาษชำระด้วย หนูเพลียๆขอไปนอนแล้ว เดี๋ยวคงหายนะพ่อ"
เม้ามองเจ้าตัวน้อยอย่างพิจารณา แล้วเห็นหน้าผากของเขาปูดเขียว ก็เลยรีบไปดูในห้องน้ำ เห็นเลือดนองอยู่เต็มพื้นห้องน้ำ และในชักโครกตาลานไปหมด จึงรีบกลับมาที่ห้องนอนแล้วปลุกเมีย พร้อมทั้งไปปลุกลูกโดยบอกเขาว่า
"เชื่อพ่อนะลูก เราไปโรงพยาบาลกัน อดทนหน่อย เพลียก็ให้พ่อประคองไป "
ภายหลังจากส่งลูกเข้าโรงพยาบาลแล้ว เจ้าตัวน้อยก็ยังไม่หยุดถ่ายเป็นเลือดอย่างน่าใจหาย จนเลือดเต็มที่นอนไปหมด หมอมาดูแลครั้งหนึ่งก็จากไป จนเวลาล่วงเลยมาเกือบสองวัน
โชคดีได้เจอกับหมอเวรที่มาดูแลเจ้าตัวน้อยต่อจากไอ้หมอเวรหมอเจ้าของไข้ที่ไม่ดูแลเลยหลังจากมาดูครั้งนั้นครั้งเดียว
ภายหลังจากปั๊มความดันของลูกชายที่ต่ำมากในห้องไอซียูจนขึ้นมาอยู่ในระดับที่น่าพอจะย้ายโรงพยาบาลได้แล้ว หมอเวรท่านนั้นก็หันมาแนะนำว่าย้ายเด็กไปโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือผ่าตัดที่ดีมากกว่าโรงพยาบาลนี้ดีกว่า เชื่อผมเถอะ
เม้าตัดสินใจย้ายลูกไปโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งหลังจากติดต่อหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว หมอเวรที่รับเรื่อง ของโรงพยาบาลแห่งใหม่ อยากจะให้ผ่าตัดให้เจ้าตัวน้อยในค่ำคืนนั้นเลย
แต่หมอผู้เชี่ยวชาญ (ขอเรียกว่าหมอธีร์ก็แล้วกัน )ที่เรามอบหมายให้ดูแลลูกชายตัวน้อยห้ามไว้ และลงมาดูแลเองทั้งหมด สั่งให้เลือดและเกร็ดเลือดต่อไปอย่างต่อเนื่อง แม้จะให้เลือดมามากแล้วก็ตาม.....
วันรุ่งขึ้นหมอธีร์สั่งให้ไปยิงนิวเคลียร์เพื่อหาจุดที่มีปัญหาของการเลือดออกของเจ้าลูกชายตัวน้อย หมอผู้ดำเนินการบอกเราว่ามีเวลาอย่างมากแค่ห้าชั่วโมงเท่านั้น
แต่ตอนที่หมอบอกเม้ามันเกือบสามชั่วโมงแล้วนะที่จะหาจุดแตกของเส้นเลือด เม้ากับเมีย ภายหลังจากที่ก้มหน้าก้มตาเดินถอนเงินในทุกธนาคารที่เรามีเงินฝากอยู่หรือที่มีเงินกู้โอดีเท่าที่เบิกได้ ออกมาเกือบครึ่งล้านบาทเพื่อจะจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลให้กับเจ้าลูกชายตัวน้อย แม้เราจะรู้ว่าเราหมดกระเป๋าหรือหมดตัวแล้วก็ตาม แต่เราก็ไม่ได้ยี่หระอะไรเลย
ในบ่ายวันนั้นที่วัดแคนางเลิ้ง ขณะที่เราก้มกราบหลวงตาเพื่อขอที่พึ่ง น้ำตาแห่งความรักเจ้าลูกชายตัวน้อยมันก็ไหลอาบแก้มเม้าแบบไม่ตั้งใจ ทั้งสงสารในความลำบากของเขาในตอนนี้ และรู้สึกติดคอที่จำคำพูดที่เขาพูดว่า"หนูจะไม่เป็นไรหรอกพ่อ อย่าให้แม่ร้องไห้อีกเลย หนูจะสู้ให้ถึงที่สุด"
ยิ่งคิดถึงคำพูดนี้ น้ำตาก็ยิ่งไหลปานเขื่อนแตก แล้วเม้าก็พูดกับตัวเองในใจว่า
"พ่อก็สู้กับลูกมามากแล้ว และพ่อก็จะสู้อยู่ข้างๆลูกในทุกอย่างที่พ่อทำได้...ลูกเอ๋ย"
หลวงตานับนิ้ว แล้วบอกว่า"แผลผ่าตัดอยู่ที่ลำไส้เล็ก จะผ่าตัดวันเสาร์กลับบ้านได้วันพุธ"
เมื่อกลับไปพบหมอที่ยิงนิวเคลียร์ในอีกหนึ่งชั่วโมงหลังจากกราบหลวงตา หมอท่านยังง่วนอยู่กับการทำงานอยู่เลย แล้วท่านก็แสดงอาการดีใจเพราะเจอแผลแล้ว ท่านร้องบอกว่าอยู่ที่ลำไส้เล็ก แล้วรีบตามหมอผ่าตัดให้แก้ไขในคืนวันเสาร์นี้เลย
เราสองคนผัวเมีย เพิ่งได้เห็นแสงสว่างจากปลายถ้ำทางตาและทางใจก็ตอนนี้แหละ แม้เราจะกำแดดมาหลายวันแล้วก็ตาม แต่มันช่างมืดมนเสียนี่กระไร จนกระทั่งได้ยินหมอร้องบอกว่าเจอแล้วที่ลำไส้เล็กตรงกับที่หลวงตาบอกไว้ทุกประการ
คืนนั้นหลังจากเขามาเข็นลูกชายตัวน้อยของเม้าเข้าไปยังห้องผ่าตัดแล้ว เม้าก็วูบสลบไปเลย โดยล้มทั้งยืนบนโซฟาที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้ญาติผู้ป่วยหน้าห้องผ่าตัด เพราะเม้าไม่ได้นอนมาหลายคืน
ถูกปลุกให้ตื่นเพื่อฟังผลการผ่าตัดที่เรียบร้อยดี หมอบอกว่าลูกชายตัวน้อยจะกลับบ้านได้วันอังคาร แต่ในวันอังคาร เจ้าตัวน้อยมีไข้ หมอก็เลยสั่งให้ยาแก้อักเสบจนไข้ลด แล้วจึงกลับบ้านได้ในวันพุธ เหมือนที่หลวงตาพูดไม่มีผิดเลยสักคำ
หลังจากนั้นให้หลังหนึ่งเดือนหลังผ่าตัด หมอผู้ผ่าตัดก็บอกว่าทุกอย่างดีหมดแล้วและหันไปบอกกับลูกชายตัวน้อยของเม้าว่า"พ่อแม่หนูเขาทำบุญมาเยอะนะ ถ้าหมอผ่าตัดให้ในวันแรก ก็อาจจะแย่ เพราะอาการหนักมากและช๊อค จึงต้องหาแผลให้เจอและให้ปลอดภัยที่สุด ที่คุณหมอธีรวุฒิ คูหะเปรมมะ ท่านไม่ผ่าตัดให้เอง เพราะคนไข้เป็นเด็ก ก็เลยส่งต่อให้หมอ (คุณหมอสุทธิพร จิตต์มิตรภาพ) ผ่าตัดให้แทน เพราะชำนาญด้านเนื้อเยื่อเด็กมากกว่า แต่ไม่มีอะไรแล้ว ขอให้โชคดีทั้งสามคนนะครับ
แม่ของเจ้าตัวน้อยบอกเม้าว่าใจแข็งดีมีสติแน่นหนาดีจังเลยนะพี่ แต่ในความเป็นจริงเม้าตกใจ...มากเหมือนกัน แต่ก็ดูมันจนเหตุการณ์ร้ายๆมันผ่านไป นี่กระมังสติที่หลวงตาพร่ำสอน ที่งัดมาใช้ได้ยามวิกฤตของชีวิต เม้าขอขอบคุณคุณหมอธีรวุฒิ คูหะเปรมะ คุณหมอสุทธิพร จิตต์มิตร ภาพ คุณหมอพรชัย ตั้งคนวณิชย์( หมอเวรผู้อารีย์ท่านนั้น ) และกราบขอบพระคุณหลวงตาช้วนแห่งวัดแคนางเลิ้ง ตลอดจนผู้ช่วยเหลือเจ้าตัวน้อยทุกท่านจากหัวใจ อีกครั้งหนึ่ง ณ.ตรงนี้ครับ
เม้า
ขอขอบคุณเม้าที่ส่งเรื่องความเจ็บป่วยและการเผชิญหน้ากับพญามัจจุราชนั้นเป็นทุกข์มาให้อ่านกัน ซึ่งต้องอาศัยสติแน่นหนาจริงๆ แต่ถ้ามองโลกนี้ว่างเปล่า ไหนเลยพญามัจจุราชจะตามเจอ ฝึกฝนกันได้แล้วครับ ไหว้พระสวดมนต์และปฎิบัติธรรมอื่นๆตามจริต และธรรมจารี สุขัง เสติ ผู้ประพฤติธรรม ย่อมอยู่เป็นสุขครับ

สะมะชัยโย
ใบโพธิ์แก่นธรรม ว.วชิรเมธี
เราเป็นเช่​นเราเชื่อ เราเชื่ออย่า​งไร เราก็จะใช้​ชีวิตของเรา​อย่างนั้น เชื่อผิด..​.ชีวิตก็ผิ​ด เชื่อถูก..​.ชีวิตดีงา​ม วันนี้เราเชื่​อ อะไร
ว.วชิรเมธี 10/6/54
หมายเหตุแก่นธรรม
๑.ผู้เขียนและคณะเป็นผู้เขลาทางปัญญา หากมีข้อผิดพลาดบกพร่อง ขอน้อมรับทุกประการ บุญกุศลที่เกิดจากบทความนี้ขอน้อมถวายแด่หลวงปู่ หลวงตา หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ และอุทิศให้แก่บรรพบุรุษ อันมีพ่อแม่ปู่ย่าตายายเป็นปฐม เจ้ากรรมนายเวร สรรพสัตว์ทั้งหลายในสากลโลกนี้ รวมทั้งท่านผู้อ่านทุกท่าน ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป
๒.แนบแวบลิงค์ของคุณหมอธีรวุฒิ คูหะเปรมะและคุณหมอสุทธิพร จิตต์มิตรภาพรวมทั้งคุณหมอพรชัย ตั้งคนวณิชย์ มาให้อ่านกันว่าท่านทั้งสามคนเป็นหมอที่ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่แค่ไหนในเรื่องใจครับ
http://www.jumkunjai.com/webboard/index.php?topic=8.0
http://www.nrct.go.th/index.php?mod=contents&req=view&id=829
http://www.tourdoi.com/general/health/waithong.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น