++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2554

โหวตโน-ก้าวแรกการปฏิรูปการเมืองไทย! โดย ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย

วันนี้...ไม่ร่วมกันปลูกต้นไม้ วันหน้า..จะมีร่มเงาให้ลูกหลานหรือ?

รัฐบาล “หน้าเหลี่ยม” เป็นบทเรียนสำคัญทั้งบวกและลบ ที่ทำให้ชาติไทยต้องย่ำเท้าอยู่ในวิกฤตการเมือง ที่ล้มเหลว..ตราบจนทุกวันนี้

รัฐบาล “หน้าเหลี่ยม” ทำให้การเมืองไทยกลายเป็นขุมทรัพย์ทำเงินที่คุ้มค่าต่อการลงทุนเหนือธุรกิจอื่นใด เพราะเศรษฐี “หน้าเหลี่ยม” ได้ทุ่มทุนซื้อเสียงเลือกตั้ง ด้วยเงิน 3 หมื่นล้านบาท เพื่อเป็นรัฐบาลนานถึง 4-5 ปี ก่อนจะใช้อำนาจรัฐที่อ้างว่า ได้มาตามกฎหมาย (ทั้งๆ ที่ผิดกฎหมาย) ทำการคอร์รัปชันชาติ จนมีเงินเข้ากระเป๋าตนเองกว่า 5 แสนล้านบาท!

แน่นอน...รัฐบาล “หน้าเหลี่ยม” ยังเป็นบทเรียนที่สอนให้นักธุรกิจและนักการเมืองชั่วให้รู้ว่า การใช้อำนาจรัฐคอร์รัปชันด้วยความเหิมเกริม ย่อม “ตกม้าตาย”จากความละโมบโลภมาก ตามความผิดของตัวบทกฎหมายเช่นกัน

กรรมชั่วในการคอร์รัปชันของรัฐบาล “หน้าเหลี่ยม” จึงถูกสื่อมวลชนไทยจำนวนหนึ่งแฉโพย โดยเฉพาะสื่อตรงไปตรงมาอย่างเอเอสทีวีที่เปิดโปงพฤติกรรมสามานย์ของรัฐบาล “หน้าเหลี่ยม” ออกสู่สาธารณชนอย่างต่อเนื่อง จนเกิดขบวนการประชาชนเรือนแสน ในนามพันธมิตรฯ ออกมาชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาล “หน้าเหลี่ยม” กันอย่างกว้างขวาง

ความผิดทั้งจากการโกงกินอย่างบ้าระห่ำของรัฐบาล “หน้าเหลี่ยม” และการปล่อยให้เกิดขบวนการ “ล้มเจ้า” เติบใหญ่ โดยไม่สนใครหน้าไหนทั้งสิ้น ได้ทำให้รัฐบาล “หน้าเหลี่ยม” ที่มีอำนาจล้นฟ้าถูกโค่นล้มลง โดยคณะนายทหารที่เรียกตนเองว่า“คมช.” ได้ก่อการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549

แถมในปี 2550 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยังตัดสินจำคุก “หน้าเหลี่ยม” เป็นเวลา 2 ปี จากคดีทุจริตประมูลซื้อที่ดินรัชดาภิเษก นั่นทำให้ “หน้าเหลี่ยม” ที่มีเงินล้นฟ้า ต้องระหกระเหินกลายเป็น “หมาน้อยพเนจร” ไม่อาจกลับบ้านเกิดเมืองนอนของตน..ตราบทุกวันนี้..

นอกจากนั้น “หน้าเหลี่ยม” ยังโดนคำสั่งให้อายัดทรัพย์มูลค่ากว่า 76,000 ล้านบาทด้วยข้อกล่าวหา มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติขณะดำรงตำแหน่งนายกฯ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้วินิจฉัยให้ทรัพย์จำนวนมูลค่าราว 46,000 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 อีกด้วย

แต่ “หน้าเหลี่ยม” ก็ยังไม่ยอมรับกรรมชั่วที่ตนกระทำ “หน้าเหลี่ยม” ได้ส่งเงินจ้างพลพรรคคนเสื้อแดง ให้เดินขบวนป่วนเมืองและบุกไปด่าประธานองคมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อย่างหยาบคายอยู่ตลอดเวลา

จนกระทั่งรัฐบาล “เยี่ยวไม่สุด” ของทหารจัดให้มีการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2550 “หน้าเหลี่ยม” ก็ทุ่มเงินซื้อเสียงผู้คนในชนบท จนได้ตั้งรัฐบาลนอมินี สมัคร สุนทรเวช ในเดือนมกราคม 2551 แต่ก็เป็นรัฐบาลที่มุ่งแต่จะแก้กฎหมาย เพื่อยกทิ้งความผิดของ “หน้าเหลี่ยม” และยังเต็มไปด้วยการคอร์รัปชันชาติดังเดิม

การกระทำชั่วดังกล่าว..ทำให้พันธมิตรฯ ออกมาชุมนุมอีกครั้ง สุดท้ายรัฐบาลสมัครก็ล้มลง จนมีการตั้ง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยของ “หน้าเหลี่ยม” เป็นนายกฯ แทนในปีเดียวกัน แต่สมชายก็เป็นนายกฯ ไม่นาน เพราะโดนทหารใหญ่บางคนพลิกขั้วการเมือง ด้วยการดันมาร์คขึ้นเป็นนายกฯ แทนสมชาย..ในปลายปี 2551 นั่นเอง

ทว่า...รัฐบาลมาร์คก็..เหยาะแหยะอ่อนแอ ปล่อยให้ “หน้าเหลี่ยม” กับคนเสื้อแดงล้มการประชุมอาเซียนบวก 6 ที่เมืองพัทยา เผาบ้านเผาเมืองในเดือนเมษายน 2552 ถึงขนาดใช้อาวุธสงครามเข่นฆ่าทหารและประชาชนคนบริสุทธิ์ ก่อการจลาจลในเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2553

นอกจากนั้น รัฐบาลอภิสิทธิ์ยังหลับหูหลับตารับรอง MOU 2543 ที่มีแผนที่ฯ 1 ต่อ 2 แสน อันเป็นข้ออ้างให้เขมรยกกำลังเข้ายึดแผ่นดินไทยไว้หลายแห่ง โดยรัฐบาลและทหารไทยไม่ได้กระทำการใดๆ ในการผลักดันเขมรให้ออกจากผืนแผ่นดินไทยเลย เรียกว่า..รัฐบาลอภิสิทธิ์ทำให้ชาติไทยเสียเปรียบเขมรตลอดเวลา จนสุ่มเสี่ยงจะสูญเสียดินแดนอย่างเป็นทางการให้กับชาติเขมรอีกด้วย

แม้วไป-มาร์คมา-แม้วกำลังจะมาอีกครา ทั้งหมดล้วนไม่มีอะไรดีขึ้นต่อผืนแผ่นดินและประชาชนคนไทยแม้แต่น้อย เพราะเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า นักการเมืองไม่ว่าหน้าไหน..พอได้ครองอำนาจรัฐ ก็หลงใหลอยู่กับลาภ-ยศ-เงินทองและการทำกรรมชั่วอย่างไม่มีวันสิ้นสุด

นั่นทำให้พันธมิตรฯ บรรลุถึงแก่นธรรม..ว่า ถึงเวลาที่ชาติไทยต้องปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่กันเสียที!

สภาพการเมืองไทยหลายสิบปีที่ผ่านมา สังคมไทยมีแต่นักการเมืองกำมะลอ ใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้ง..ยึดอำนาจรัฐด้วยเงิน ก่อนจะใช้อำนาจรัฐเป็น “อาวุธ” สำหรับการคอร์รัปชันโกงกินบ้านเมืองอย่างตะกละตะกลาม จนกลายเป็นวงจรอุบาทว์ไปแล้ว

3 กรกฎาคม 2554 เลือกพรรคการเมืองใด ชาติไทยก็จะได้แต่นักการเมืองอัปรีย์-จัญไรทั้งนั้น โหวตโน..หรือ..ไม่ประสงค์จะลงคะแนนให้ใคร จึงเป็นการลงคะแนนเพื่อตัดวงจรอุบาทว์การเมืองชั่ว และเป็นการแสดงพลังอย่างถูกต้องตามกฎหมายของภาคประชาชน ที่จะบอกให้นักการเมืองชั่วทุกคนได้รู้ว่า

โหวตโน...เป็นก้าวแรกของความต้องการ ให้ชาติไทยปฏิรูปทางการเมืองไงล่ะครับ!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น