++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เขมรส่งคนรุกตั้งหมู่บ้านเกือบ 1 แสนคน สุดช้ำออกโฉนดในพื้นที่ไทย

“เครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่” โยงขบวนการ แดงชุมนุม-รัฐขนทหารเข้ากรุง เขมรสบช่องอพยพคนตั้งชุมชนชายแดน ชี้ ระยะทาง 60 กม.อยู่แล้วเกือบ 1 แสนคน พร้อมทางการออกโฉนดสัญชาติแขมร์ให้ในดินแดนไทย ระบุกำลังทหารพร้อมบุกไทยหลายกองพัน ซ่องสุมอาวุธ-กำลังคนพร้อมยึดไทยเต็มที่ ขณะที่ประธานเครือข่ายท้า “มาร์ค” ลงพื้นที่ปักหมุดพิสูจน์หลักฐานพร้อมชาวบ้าน



หลังจากที่นายศรีเมือง วัฒนาชีพ ประธานเครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่ ได้ให้ข้อมูลกับ “ASTVผู้จัดการรายวัน” ของหลักหมุดซึ่งปักเข้ามาในพื้นที่ไทย 25 กม.แล้ว ล่าสุด วันนี้ (5 ก.ค.) เครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่ นำโดย นายศรีเมือง นายสิงห์สุวรรณพร สาครไพรศล เลขาธิการเครือข่าย และ ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ นักวิชาการไทยคดีศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ได้เดินทางมาที่อาคารบ้านพระอาทิตย์ สำนักงาน ASTVผู้จัดการ เพื่อมอบหลักฐาน รูปถ่าย แผนที่ และดีวีดีที่ฝั่งกัมพูชาใส่ร้ายประเทศไทย และจะใช้เป็นเครื่องมือการปลุกระดมใน “วันแห่งความโกรธแค้น” (Day of Anger)7 ก.ค.นี้ โดยมี นายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วมพันธมิตรฯ เป็นผู้รับมอบ

ทั้งนี้ นายศรีเมือง กล่าวว่า จากการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาปฏิเสธว่า หลักหมุดของกัมพูชาที่ชาวบ้านพบ โดยตำแหน่งได้กินพื้นที่เขตแดนไทย 25 กิโลเมตรนั้น เป็นการปักหมุดจีพีเอสนั้น ตนอยากขอท้าให้นายกฯลงพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ บริเวณที่พบหมุดเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมกับเครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่ หรือไปตรวจสอบที่กรมแผนที่ทหาร ซึ่งมีพันเอกท่านหนึ่งดูแลเรื่องนี้โดยมีการเปรียบเทียบแผนที่ 2 ฉบับ คือ แผนที่ปักปัน 1: 200,000 ตร.กม.และอัตราส่วน 1: 50,000 ตร.กม.ซึ่งชัดเจนว่าหากนายกฯไปดูด้วยตนเองจะได้รู้ว่า เหตุใดไทยจึงสุ่มเสี่ยงที่จะเสียดินแดนอีก 1.8 ล้านไร่

นายสิงห์สุวรรณพร เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากคนไทยที่ไปทำงานให้ทางการกัมพูชาว่า ในบริเวณช่องจอม จ.สุรินทร์ ใกล้กับปราสาทตาควาย มีการเตรียมกำลังทหารหลายกองพันพร้อมที่จะบุกเข้ามาฝั่งไทยทุกเมื่อ อีกทั้งใน ช่วงที่กลุ่มเสื้อแดงมีการชุมนุมกำลังทหารในเขตชายแดนลดลงเป็นช่องทางให้ กัมพูชาอพยพกำลังคนมาตั้งบ้านเรือนในฝั่งไทยจำนวนมาก โดยในระยะ 60 กม.ตั้งแต่ช่องจอมทอง-ปราสาทตาเมือนธม มีชาวกัมพูชาเข้ามาอาศัยแล้วเกือบ 1 แสนคน

“ขณะ นี้บ้านหนองคันนาเดิม ต.โคกตะเคียน จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นที่ว่างเปล่าของไทย มีคนเขมรและทหารปลอมตัวเข้ามาตั้งชุมชนอยู่แบบไร้ชื่อหมู่บ้าน เราเคยเข้าไปแทรกแซงแต่ก็ถูกสกัดเข้ามา ในชุมชนเหล่านั้นทุกคนมีอาวุธประจำตัว เด็กอายุ 12 ปี ถือปืนที่ทันสมัยกว่าของไทย ที่น่าเจ็บใจกว่านั้นคือ เมื่อชาวบ้านมาตั้งบ้านเรือนแล้ว ทางการกัมพูชาก็รีบออกโฉนดที่ดินของกัมพูชาให้กับคนเขมรในดินแดนไทยด้วย” เลขาธิการเครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่ กล่าว

ขณะที่ ม.ล.วัลย์วิภา กล่าวว่า ในการประชุมองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่จะมีขึ้นนั้นหลายคนเข้าใจว่า วันที่ 25 ก.ค.จะมีการพิจารณาการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก แต่แท้จริงแล้วเป็นการประชุมคณะกรรมการ 7 ชาติ เพื่อหาแนวทางการบริหารจัดการเขตแดนไทย-กัมพูชา ทั้งหมด ซึ่งจะลามไปยังอุทยานแห่งชาติ 7 แห่ง แต่ทั้งนี้การบริหารจัดการจะเกิดขึ้นได้ต้องปราศจากการพิพาทแล้ว จึงน่าสังเกตว่า ช่วงนี้เรื่องของการปะทะ หรือกำลังทหารของกัมพูชาเงียบไปเพื่อให้ยูเนสโกเข้าใจว่าข้อพิพาทระหว่างไทย และกัมพูชาไม่มีแล้ว



----------------------

มีใครทราบไหม ช่วยตอบที
เพราะจะไปถามคนที่ที่เกี่ยวข้อง พวกเขาคงไม่ตอบ

อยากรู้ว่า ทำไมรัฐบาลและทหารไทยไม่ผลักดันพวกเขมร ที่เข้ามาบุกรุกตั้งบ้านเรือนในดินแดนไทย

มีใครทราบไหมครับ ทำไมตำรวจไทยจับตัวคนไทยที่ขึ้นไปพิสูจน์หลักหมุด
ยัดเยียดข้อกล่าวหาว่า บุกรุกป่าสงวน ทำให้ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล

มีใครทราบไหมครับ
ศาลที่พิจารณาคดีดังกล่าว
ได้ถามตำรวจบ้างไหม ทำไมไม่จับคนเขมรที่บุกรุกเข้ามาในดินแดนไทย
แต่กลับยัดเยียดข้อหาให้ร้ายกับคนไทยที่รักชาติ

อยากทราบว่า
ทำไม รัฐบาลไม่ยกเลิก MOU ฉบับปี 2543 สมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย มอบอำนาจให้นายสุขุมพันธุ์ บริพัตร ไปลงนามทำสนธิสัญยายอมรับแผนที่เขมร 1:200000

อยากทราบว่า ทำไมสื่อส่วมาก ไม่สนใจปัญหาเขมรยึดดินแดนไทย แต่กลับนำเสนอเรื่องบอล์กับเรื่อง 6 วัน 63 ล้านความคิด รายการแห่งความมืดมิดบอดใบ้ทางปัญญาของนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

อยากทราบว่า บรรดากลุ่มทหารในคณะกรรมการ JBC
แอบกระทำการขายชาติเช่นนี้ จะต้องถูกนำตัวมาลงโทษประหารชีวิตทั้ง 7 ชั่วโคตรไหม?

อยากทราบว่า พวกทหารขายชาติในคณะกรรมการ JBC ถึงยอมทำตามแผนของไอ้เดรัจฉานทักษิณ ชินวัตร

อึดอัดใจจนใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว
PK

----------------------
สาเหตุ !! ที่ทำให้ทหารและรัฐบาลเพิกเฉยต่ออธิปไตยของชาติ ?

1 เพราะเอกสารที่ลงนามไว้มีมาตั้งแต่สมัย “นายชวน หลีกภัย” คือ MOU43 รับรองแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 (สัญญาตัวพ่อ)

2 ทุกรัฐบาลตั้งแต่ “นายชวน ขายชาติ” / “นายทักษิณ ล้มเจ้า” / “นายสมัคร หุ่นเชิดตัวที่ 1” / “นายสมชาย หุ่นเชิดตัวที่สอง” / แม้กระทั้ง “นายอภิสิทธิ์ ศรีธนญชัย” !!.......ทุกคนมีส่วนในการได้ลงนามรับรองเอกสารเถื่อน.......และโทษสูงสุด ที่ทำให้ชาติเสียอธิปไตย คือ ประหารชีวิต

3 เรื่องผลประโยชน์ตามแนวชายแดน / สิ่งผิดกฎหมาย / และตลอดจนสัมปทาน มีทั้งนักการเมืองและนายทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
แซ่บอีหลี
----------------------
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ณ ตอนนี้ ต้องด่วน!..ท่านรมต.กลาโหม กรุณาสั่งการด่วน!.ท่านแม่ทัพ!..เตรียมพร้อม.ตรึงกำลังทหารบริเวณชายแดนตาม แนวชายแดนแถบตะวันออกตั้งแต่เขตที่ว่าเป็นกรณีปัญหาในตอนนี้คือจ.อุบลฯจ.ชัย ภูมิจ.บุรีรัมย์ จ.สระแก้วชาวบ้านก็ต้องเตรียมกำลังส่งเสริมทหารเอาไว้ด้วย ยามนี้บ้านเมืองกำลังตกที่นั่งลำบาก ข้าศึก..หน้าด้านไร้ยางอายมันเตรียมรุกล้ำดินแดน โดยการวางแผนเล่นทีเผลอตั้งแต่ตอนไทยกำลังวุ่นวายทางการเมือง(รบกับไทยด้วย กันเอง!?..) ถึอโอกาสนำชาวบ้านและทหารปลอมตัวเป็นชาวบ้านเข้ามาสร้างที่พักอาศัย มาทำกินเพื่อสร้างภาพว่ามันมาอยู่กันนานแล้วให้ชาวโลกที่ไม่เข้าใจ เข้าใจผิดๆน่ะ ว่าเป็นดินแดนของมัน ทั้งๆที่ไทยเป็นเจ้าของแผ่นดินนี้แต่คนไทยนักการเมืองไทยมันมัวแต่ทะเลาะกัน แตกสามัคคีกัน วุ่นวายๆอยู่มันก็เลยถือไพ่เหนือกว่าในแง่จิตวิทยา ซึ่งตามหลักการนักวิชาการหลายท่านได้ออกมาบอกและเตือนกันนานมากแล้ว แต่ไม่มีใครใส่ใจ!?..จนมีเรื่องแล้วพูดไม่ออก ใบ้รับประทานกันไปตามๆกัน แล้วจะทำไงกันดีล่ะเนี่ย? ทำเป็นนิ่งเฉยเหมือนไปยินยอมรับความเป็นไปนั้นๆ?..แต่ถ้าจำไม่ผิดมีท่านนัก วิชาการอาวุโสหลายท่านเคยบอกว่าถ้าเราคนไทยรวมพลังร่วมใจกันทำอะไรสักอย่าง เพื่อเป็นการยืนยันไม่ยอมรับตามที่เขมรแอบอ้างในพื้นที่รอบๆบริเวณพิพาท(รอบ ปราสาท) เราก็จะมีโอกาสรักษาหรืออย่างน้อยก็ต้องครอบครองร่วมกันตามหลักสากล แต่เรานิ่งเฉยไม่คัดค้านเหมือนเรายอมรับ!..ดีว่ามีคนไทยกลุ่มรักชาติแสดง เจตนาไปแล้วดังที่เคยปรากฎ แต่ก็มีคนไทยบางส่วนออกมาขัดขวางกันเอง?..แทนที่จะช่วยกันต่อต้านพวกเขมร มันเลยได้ใจและเจ้าใจผิดคิดว่ามันเหนือกว่าเพราะเป็นเรื่องจริงขนาดคนไทยยัง ห้ามกันเองว่าอย่าไปยุ่ง?..เราก็ได้แต่อึ้ง?..ทำไมคนไทยไม่รวมใจให้เป็น หนึ่งเดียวแล้วต่อต้านให้ถึงที่สุดให้ชาวโลกได้รับรู้บ้างว่า เราไม่ได้รังแกเขมรแต่พวกไร้ยางอายพวกนี้ชอบแว้งกัดทีเผลอน่ ะมันทำทุกวิถีทางไม่ว่าผิดหรือถูกมันช่วยกันร่วมมือกันกับคนไทยขายชาติบางคน บางกลุ่ม?..รู้เห็นเป็นใจกันอย่างเห็นแก่ตัวสุดๆ ไม่คิดว่าจะทำกันได้เพียงนั้น!..ต้องช่วยกันยึ้อไว้นะพี่น้องคนไทยอย่ายอม ง่ายๆเพราะมันจะต้องเป็นผลพวงไปชั่วลูกชั่วหลานของพี่น้องคนไทยในชาติของเรา ไปตลอดกาล....ตื่นเถิดชาวไทย!..
คนไทยรักแผ่นดิน
----------------------
หลายคนพร้อมแล้วที่จะทำทุกวิถีทางทวงคืนแผ่นดิน
และขอถามท่านผู้นำประเทศ ที่กำลังนั่งรับโทสับอยุ่
-พรรคปชป.พร้อมรึยัง
-ท่านนายกพร้อมรึยัง
-แม่ยกปชป.ทั้งหลายพร้อมรึยัง
//พร้อมจะสู้ปกป้องดินแดน หรือพร้อมจะอพยพไปอยุ่เขมร// ไหวไหมท่านนายก ไม่ไหวก็รีบออกไป จะได้หาคนใจถึงมาแทน
รอโทสับ
----------------------
MOU...หรือ...สัญญาต่างๆ

เป็นคนสร้างไว้...................แก้ไขได้ตลอด...หากใจถึงใจ

แต่ที่อ้างว่าแก้ไขไม่ได้

เพราะใจเห็นแก่ตัว....ใจเห็นแต่จะได้

ถ้าเข้าใจ....จริงใจต่อกัน.........สัญญาไม่มีความหมาย

ทำไว้เพื่อว่าอีกฝ่าย...จะเอาเปรียบ

....แต่ถ้าอีกฝ่ายเสียเปรียบและไม่ถูกต้อง

ก็ควรจะคุยกัน

เหมือนตาสีตาสาเอาที่นาไปจำนองไว้กับนายเขมร อยากได้

หากตาสีตาสาถูกเอาเปรียบ........ก็ต้องมีเพื่อนบ้านมาช่วยพูดคุยตกลงกัน

เพื่อนบ้านบางคนก็ทำทองไม่รู้ร้อน

บ้างคนก็ได้ผลประโยชน์ร่วม......ก็เข้าข้างนายเขมร อยากได้

ก็ต้องหาคนที่รู้จักความยุติธรรมมาพูดคุย

หรือต้องคุยกับนายเขมร อยากได้......

เราจะยังเป็นเพื่อน....นามสกุลอยากได้.....ข๊โกงอีกเหรอ
เด็กไทยแท้

----------------------
เรื่องนี้ รัฐบาล นักวิชาการของรัฐที่อยู่ใน ก.ต่างประเทศ และนักวิชาการทั่วไป กำลังตกหลุมพรางคำจำกัดความ(ย้ำว่าตกหลุมพรางคำจำกัดความ) คำว่า สันปันน้ำหรือ Watershed โดยไม่ดูความจริงว่าพื้นที่นั้นๆไทยอยู่มาก่อน
หากยังขืนดันทุรังสู้ในประเด็นคำจำกัดความที่มาทีหลัง ปลายทางคือ แพ้ และสูญเสียแผ่นดิน
ต้องสู้ในประเด็นความจริงว่า แผ่นดินนี้ไทยอยู่มาก่อน แผ่นดินนี้เป็นของไทย
ปัญหา เขตแดนที่แก้วันนี้ไม่เป็นผลดี ก็ยกเป็นหน้าที่ของอนุชนรุ่นหลังมาแก้ต่อ อย่าดื้อรั้นดันทุรังแก้ไปทั้งๆที่เห็นอยู่แล้วว่าไทยจะเสียดินแดน และยังมีหน้ามาปกปิดประชาชนไทยอีกต่างหาก

นายเอกศิริ ตันติศรีไกรแสง
5 กรกฎาคม 2553
----------------------
ที่ดินกว่า 1 ล้านไร่ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ปลัดอำเภอ นาย
อำเภอ ตำรวจ ทหาร ผู้ว่าราชการจังหวัด ในท้องที่ อธิบดีกรมการปกครอง ปลัดกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายกรัฐมนตรี ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าไม่รู้ไม่เห็น ตั้ง 1 ล้าน
กว่าไร่ แม้แต่ตารางวาเดียว ก็ไม่ได้ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน
ปลัดอำเภอ เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ ปล่อยให้มันเข้ามาได้ไงหา
บูรพมหากษัตริย์ไทย เป็นคนสร้างแผ่นดินนี้ให้ลูก หลาน
ไทยอาศัย แล้วทำไมรัฐบาลไม่ทำอะไรเลย เรื่องอื่นไม่
ออกความเห็นแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ จะยอมเขมรมันไป
ทุกเรื่องหรือไง ทนไม่ไหวแล้วโว้ย
มันเจ็บใจโว้ย
----------------------
ความเข้าใจที่ถูกต้อง ในการทวงคืนเขาพระวิหาร

ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจว่า นี่เป็นปัญหาตกค้างสมัยล่าอาณานิคม พรมแดนด้านพม่า ลาว และกัมพูชา ทุกด้านมีปัญหาในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง

1. คำตัดสินของศาลโลกไม่ได้กำหนดเรื่องเขตแดน เพียงแต่ตัดสินว่า เขาพระวิหาร Pria Vihear เป็นของกัมพูชา แม้จะเอ่ยถึงอธิปไตยเหนือปราสาท เช่น ในคำตัดสินใช้คำว่า "อาณาเขต" หรือ บังคับให้ถอนทหารออกจาก "บริเวณใกล้เคียง" ซึ่งคำว่า อาณาเขต หรือ บริเวณใกล้เคียง นี้ เป็นปัญหาว่ามีความหมายครอบคลุมแค่ไหน นี่เป็นเรื่อง อธิปไตยเหนือดินแดน

ตรง นี้เป็นจุดเริ่มต้นว่า ในเมื่อตัวปราสาท ศาลโลกวินิจฉัยว่าเป็นของกัมพูชา จึงขัดแย้งกันเองในตัวเเหตุผลว่า " เป็นไปได้หรือที่ตัวปราสาทเป็นของประเทศหนึ่ง แต่ดินแดนที่ตั้งตัวปราสาทนั้น เป็นของอีกประเทศหนึ่ง "
การที่ศาลไม่ได้บอกว่าเขตแดนเป็นของใครนี้ ซึ่งต้องไปดูว่า กฎหมายที่เกี่ยวข้องมีอะไรบ้าง

2. กฎหมายที่เกี่ยวข้อง มีมากมาย เช่น กฎบัตรสหประชาชาติ มาตรา 2 ที่ว่า สมาชิกของ UN จะไม่ใช้กำลัง ต่อรัฐเว้นแต่เมื่อมีการรุกล้ำความเป็นอิสระ ดังนั้นการทสงครามจะไม่ได้ผลดี จึงต้องมาดูกันว่า จะสู้ด้วยหลักของเหตุผลกันอย่างไร ซึ่งเกี่ยวพันกับสนธิสัญญา หรือ ข้อตกลง

3. ถามว่า ถ้าอย่างนั้น เขตแดน นี้ จะใช้สิ่งใดตัดสิน เหล่าสากลประเทศ หรือ นักกฎหมายย่อมอาศัยหลักสันปันน้ำ Watershed เป็นเกณฑ์ตัดสินเขตแดน ส่วนกัมพูชาก็ย่อมอ้างเรื่องแผนที่ที่ทำขึ้นสมัยฝรั่งเศสปกครอง ในคราวสนธิสัญญาระหว่างสยาม กับ ฝรั่งเศส อัตราส่วน 1 : 200000ใช้ในคราวศาลโลกตัดสิน (ย่อมต้องอ้างในสิ่งที่เป็นคุณกับตัว) (ซึ่งในปัจจุบัน ลาวก็ใช้สนธิสัญญานี้ แผนที่อัตราส่วน 1 : 200000 นี้เช่นเดียวกัน)

สันปันน้ำ ไม่ใช่ สันเขา crest/ ridge of mountain สันปันน้ำ คือ ยอดเขาที่มีน้ำไหลลงไปในทางนั้น ส่วนสันเขา คือ จุดสูงสุดของทิวเขาตามแนวยาว (นึกถึงภาพทิวเขาตัดกับท้องฟ้า)

อนึ่ง ควรตั้งคำถามกับตัวเองด้วยว่า หากใช้หลักสันปันน้ำ แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีทั้ง ได้ และ เสียพื้นที่ สำหรับพื้นที่ที่เสียนั้น เราจะยังอ้างหลักสันปันน้ำอยู่ ใช่หรือไม่ ยิ่งกว่านั้น หากปฏิเสธไม่รับแผนที่อัตราส่วน 1 : 200000 หมายความว่า ในส่วนที่เป็นคุณแก่เรา (ได้พื้นที่) ก็ต้องยอมรับสิ่งนี้ด้วย

4. จากนั้นต้องมาดูกันต่อว่า แผนที่ที่กัมพูชาใช้อ้างนั้น มีผลทางกฎหมายหรือไม่ ก็ตอบได้ว่า ศาลโลกในคราวนั้นไม่ได้ชี้ว่าแผนที่มีผลทางกฎหมายหรือไม่ แต่หากพิจารณาตามเหตุผลแล้ว การให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา โดยอาศัยแผนที่ระวาง 1 : 200000 ย่อมแปรได้ว่า ศาลโลกเห็นว่าแผนที่สำคัญกว่าตัวบท (แม้ การใช้หลักสันปันน้ำ จะเป็นสิ่งที่นักกฎหมายสากลเห็นว่า คือตัวแบ่งเขตแดน)

5. ถามว่า จะมีกระบวนการนำเรื่องปราสาทพระวิหารไปสู่ศาลโลกได้อีกหรือไม่ ตอบได้ว่า มีทั้งฝ่ายที่เห็นว่าไทยยังมีสิทธิต่อสู้ได้อีกและไม่สามารถต่อสู้ได้ ด้วยข้อเท็จจริง ดังนี้

1. ปี 1961 ศาลตัดสินให้ตัวปราสาทเป็นของกัมพูชา ส่วนคำตัดสิน 15 มิ.ย. 1962 นั้น เป็นการพิจารณาในรายละเอียด โดยไทยแย้งว่า ศาลโลกไม่มีอำนาจตัดสินพิจารณาคดี นี่หมายความว่า ไทยเราเองไม่ได้ยอมรับอำนาจศาลในการพิจาราคดีนี้มากว่า 50 ปีแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่ไทยจะร้องศาลโลกให้พิจารณาเรื่องนี้อีก ประกอบกับ หากมีข้อเท็จจริงใหม่ ที่พบภายใน 10 ปี หรือ 6 เดือน แล้วแต่กรณี แต่ไทยไม่ได้ทำเช่นนั้นในปีรุ่งขึ้น เช่นนี้แล้ว กัมพูชาเองก็จะฟ้องร้องไทยไม่ได้ เช่นกัน

2. อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่เห็นว่ายังมีโอกาสที่ไทยจะต่อสู้ในกรณีหนึ่งกรณีใดได้อีก โดยอาศัย ธรรมนูญศาลโลก มาตรา 60 ที่ไม่ได้กำหนดเรื่องอายุความ ก็จะยกไปสู่ศาลได้ เพื่อให้ตัดสินว่า "แผนที่มีผลต่อตัดสินเรื่องเขตแดนหรือไม่" หากไม่มี ย่อมเป็นหนทางไปสู่การอ้างอธิปไตยเหนือดินแดนรอบปราสาทพระวิหารในชั้นต้น

6. ดังนั้น เมื่อศาลโลกตัดสินว่า ตัวปราสาทเป็นของกัมพูชา จึงต้องพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน และมาคิดเรื่อง การปักปันเขตแดน (ด้วยภาพสุดท้ายที่คาดว่า หากเส้นเขตแดนชัดเจน ย่อมบอกได้ว่า แผ่นดิน หรือ อธิปไตยของฝ่ายไหนมีแค่ไหน) นี่คือที่มาของการตั้งคณะกรรมการร่วม JBC ถามว่าทำไมต้องมี JBC ก็เพราะ การตกลงร่วมกันของ 2 ประเทศ ย่อมเที่ยงตรงมากกว่าให้ฝ่ายที่สาม เข้ามาชี้เรื่องเขตแดน พูดง่าย ๆ ก็คือ การปักปันเขตแดนเป็นเรื่องระหว่าง 2 ประเทศ

7. สิ่งหนึ่งที่ สยาม กับ ฝรั่งเศส ได้ดำเนินการไว้ในอดีต ก็คือ ทำหลักเขตแดน 73 หลักเขต ซึ่งได้สำรวจร่วมกันว่าหลักเขตนั้นอยู่ที่ไหนบ้าง บ้างสูญหาย บ้างถูกทำลาย บ้างถูกเปลี่ยนตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ไทย กัมพูชา ได้ยอมรับความเที่ยงตรงของหลักร่วมกัน 33 หลัก และเห็นไม่ตรงกันเรื่องพิกัดที่แน่นอน 15 หลัก รวมเป็น 48 หลักที่สำรวจพบ ส่วนที่เหลือสูญหาย

8. เวที UNESCO เป็นเวทีเรื่องมรดกโลก ไม่ใช่ เวทีเรื่องเส้นเขตแดน กัมพูชาจะไม่พูดเรื่องเส้นเขตแดนในเวที UNESCO แต่ก็เป็นไปได้ยากที่กัมพูชาจะยกเรื่องเส้นเขตแดนขึ้นในเวทีอื่นใด เพราะจากคำตัดสินของศาลโลก เป็นคุณแก่กัมพูชาอยู่แล้ว ดังนั้น ผู้ถือไพ่เหนือกว่าย่อมเป็นฝ่ายสงวนท่าที

9. สนธิสัญญาสมัยล่าอาณานิคม ยังมีผลใช้อยู่หรือไม่ ตอบได้ว่ามีทั้งที่ใช้และไม่ใช้ เช่น สนธิสัญญาโตเกียว 1904 ซึ่งพระตะบอง ศรีโสภณ เสียมราฐ เป็นของสยาม ไม่ใช้แล้ว (เป็นไปไม่ได้ ที่จนป่านนี้แล้วจะไปรื้อฟื้นปัญหาเหล่านี้ขึ้นมา) อย่างไรก็ตาม สนธิสัญญา 2504 เห็นตรงกันว่ายังใช้อยู่ แต่ตัวแผนที่นั้นเห็นไม่ตรงกัน เพราะอัตราระวางปัจจุบัน 1 : 50000 ละเอียดกว่า

----------------------
ผมคนไทยรักชาติ(คลั่งชาติ)
ถ้าเขมรทำเกินไปนะเหยียดหยามไทย
เกินไป อย่าได้ ให้ออกโรงนะ
มะงั้นกูจะกวาดล้างให้สูญพันธ์ไปเลย
ฝากถึงพี่ทักษิณด้วยนะ หาทางออกเองนะ
ขืนอยู่เขมรนานไปหน้ามันจะกลายเป็นเขมรเต็มตัว
kaka@hotmail.com
----------------------
ผมว่าการเสียสละเลือดเนื้อหรือชีวิตเพื่อพิทักษ์ความยุติธรรมผดุงคุณธรรม ความดี นับเป็นการเสียสละที่น่ายกย่องนับถือ(เฉพาะผู้ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ของสังคมไปในทางที่ดีจริงๆไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง และไม่ลุ่มหลงงมงายกับจ้าวลัทธินะครับ)แต่การเสียสละอย่างมากมายเพียงเพื่อ เด็ดใบหรือริดกิ่งไม่ได้เป็นการถอนรากถอนโคนนับว่าเป็นการลงทุนที่มากเกินไป ไม่คุ้มค่าถ้าจะให้ดีมันควรจะถอนรากถอนโคนเพื่อคุณธรรมจะได้ดำรงอยู่ได้ อย่างยั่งยืน

การจะบำรุงรักษาต้นคุณธรรมยุติธรรมให้เติบโตงอกงามใน พื้นที่ๆไม่มีสภาวะเอื้ออำนวย ไม่เหมาะสมแก่การเจริญเติบโตเป็นเรื่องยากมากอาจถึงขั้นเป็นไปไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าการบำรุงรักษาต้นคุณธรรมยุติธรรมให้เติบโตงอกงามแบบ ยั่งยืนเป็นเรื่องไม่ดีไม่ควรทำ

แต่การจะทำโดยใช้การลงทุนน้อยได้ประ สิทธิมากควรเป็นทางเลือกแรก หรืออย่างแลวร้ายที่สุดก็คือการสูญเสียให้น้อยที่สุดโดยให้ผลตอบแทนที่มาก ที่สุด และวิธีการที่ว่าน่าจะเป็นอย่างไร ยกตัวอย่างพธม.ชุมนุมกันร่วมครึ่งปี มีคนตาย 10 กว่าคน พิการและบาดเจ็บอีกหลายคนผลที่ได้ตอบกลับมาเพียงแค่ได้ไอ้หน้าหล่อดูดีมา เป็นสะพานให้พรรคพวกของมันเข้าไปเสวยอำนาจเพียงเพื่อคำว่า"เป็นเกียรติแก่ วงค์ตระกูล"ไม่เคยสนใจว่าทำไมคนต้องออกมาลำบากกินนอนกลางถนนเสี่ยงเป็น เสี่ยงตายกันร่วมครึ่งปีพูดชัดๆก็คือแค่เปลี่ยนโจรเก่าให้โจรใหม่เข้ามา

คำ ว่าโจรไม่ใช่ว่าต้องกระทำการเลวร้ายเองจึงจะเป็นโจรแต่ถ้าคุณรู้เห็นว่าใคร เป็นโจรและทำอะไรและคุณมีอำนาจหน้าที่ๆจะขัดขวางการกระทำนั้นได้แต่คุณไม่ทำ ก็นับว่าเป็การสมรู้ร่วมคิดโดยรู้ตัว แต่ถ้าคุณไม่สนใจโจรจะทำอะไรหรือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นโจรเพราะสนใจแต่การ สร้างอาณาจักรของตนเองนั่นก็คือการสมรู่ร่วมคิดกับโจรโดยไม่รู้ตัวก็คือโจร เหมือนกันนั่นเอง การแค่เปลี่ยนโจรเก่าออกไปให้โจรใหม่เข้ามาแล้วต้องลงทุนชีวิตและทรัพย์สิน ไปขนาดนั้นผมว่ามันไม่ใช่วิธีที่ฉลาดนั่นคือมันไม่ได้การเมืองใหม่ที่เป็น เป้าหมายอยู่ดีนั่นเอง

ผมว่าถ้าเราจะต้องลงทุนมากมากขนาดนั้นเราทำ แบบให้ยึดอำนาจรัฐมาบริหารเองเลยไม่ดีกว่าหรือถ้าไม่มีกำลังคนกำลังทรัพย์ กำลังอาวุธหรือไม่มีความพร้อมพอที่จะยึดอำนาจรัฐมาบริหารตามอุดมการณ์ของเรา เอง ผมว่าเราไม่ทำอะไรเลยดีกว่ามั้ยถ้าจะให้ออกมาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอีกผมว่า อย่าทำอย่างนั้ดีกว่ามั้ยตามที่เหตุผลของการได้ไม่คุ้มเสียตามที่ผมกล่าว ข้างต้น

บางคนอาจจะว่า อ้าวแล้วถ้าไม่ทำจะให้บ้านเมืองมันเสียหายไปมากกว่านี้เหรอ ผมขอตอบว่าใช่และควรจะเสียหายแบบมากๆด้วยเพราะเป็นธรรมดาของสิ่งไหนไม่เห็น คุณค่าก็จะต้องสูญเสียของสิ่งนั้นถ้าคนหมู่มากเห็นความสำคัญของเศรษฐกิจ มากกว่าคุณธรรมจริยธรรม สังคมนั้นก็จะต้องสูญเสีย"คุณธรรมจริยธรรม"ไปเป็นธรรมดา

และเมื่อ สังคม(คนหมู่มากเกินกว่าครึ่งของประเทศ)ใดสูญเสียจริยธรรมไปสังคมนั้นจะเสีย สมดุลและอะไรที่เสียสมดุลจะตั้งอยู่ได้ไม่นานและมันก็จะพังลงมาโดยตัวของมัน เองไม่ต้องมีใครไปทำอะไรมันหรอกและเมื่อมันพังลงมาผมหวังว่าสังคมนั้นจะ สามารถเรียนรู้ได้ว่าคุณธรรมจริยะธรรมนั้นสำคัญและมีคุณค่ามากกว่าเศรษฐกิจ แต่ถ้าไม่ได้มีการเรียนรู้อะไรก็นับว่าน่าเสียดายอาจจะไม่มีวันได้ผุดได้ เกิดต้องแข่งกันเรียนสูงๆเพื่อมาคอยรับใช้ไอ้คนซื้อวุฒิ555 แต่นั่นก็คือสิ่งที่สังคมนั้นเลือกเองไม่ว่าจะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม

ยก ตัวอย่างเหมือนเราเลี้ยงลูกเราควรจะให้ลูกได้เรียนรู้ด้วยตัวเองไม่ใช่ช่วย ตลอดจนไม่เคยมีประสบการณ์เองเลย เช่น เด็กจะหัดเดินก็อาจจะต้องล้มบ้างต้องเจ็บบ้างเป็นธรรมดาแต่เรากลับกลัวลูก เราจะเจ็บไม่ให้เดินติดดินเลยไปไหนอุ้มไปส่งตลอดกลัวลูกจะล้มอันนี้ผมว่ามัน ก็เกินไป แทนที่ลูกจะได้เรียนรู้ว่าอ๋อตรงนี้มีหนามนะอย่าเดินทางนี้ต้องเลี่ยงไปทาง นั้น อ๋ออันนี้ทางอ้อมอันนี้ทางลัด กลับถูกจำกัดการเรียนรู้อย่างน่าเสียดายในเมื่อไม่มีการเรียนรู้ก็จะเดินผิด ทางซ้ำซากอยู่อย่างนั้นนั่นเอง

สรุปใอ้พวกชั่วๆมันอยากจะทำไรให้มัน ทำไปยิ่งเกิดความเสียหายมากเท่าไหร่สังคมที่เห็นคุณค่าของเศรษฐกิจมากกว่า คุณธรรมจริยธรรมจะได้เรียนรู้มากขึ้นเท่านั้นและนั่นคือวิธีเดียวที่จะแก้ไข ปัญหาคุณธรรมจริยธรรมของประเทศได้นั่นคือสร้างจิตสำนึกของคนหมู่มาก นั่นคือเมื่อได้รับบทเรียนและถ้าเกิดการเรียนรู้ สังคมนั้จะเห็นคุณค่าของคุณธรรมจริยธรรมมากว่าเศรษฐกิจและนั่นคือการพัฒนา อย่างยั่งยืน

ปล.บทเรียนที่ว่ายังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีที่นักหนาและน่าสมเพชกว่านี้อีกเยอะ
พอกันที
----------------------
บทเรียนราคาแพง เรามัวแต่ทะเลาะกัน รัฐบาลก็เย้อกับผู้ก่อการร้ายแดง ขแมร์ขี้โกงเลยขยายประเทศแบบหน้าด้านๆ

เศร้ากับข่าวนี้ที่สุดเลย ทหารจะว่าไง
ที่นี่ประเทศไทย
----------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น