++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เคล็ดลับเก่งฟิสิกส์ กับผู้แทนฯ ฟิสิกส์โอลิมปิกไทย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์


       หากถามนักเรียนว่า วิชาไหนที่ยากที่สุด?
      
       เชื่อว่า แทบจะ 90% ต้องตอบว่า เป็นวิชาฟิสิกส์ ซึ่งเปรียบเสมือนยาขมของนักเรียนสายวิทย์เลยทีเดียว
      
       อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ก็จำเป็นที่จะต้องเรียนและรู้จักวิธีที่จะเรียนให้ได้อย่างมีความสุข ซึ่งวันนี้ มีเคล็ดลับจากน้องๆ ทั้ง 8 คนที่เป็นตัวแทนของประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับทวีป เอเชีย ครั้งที่ 10 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 เม.ย.-2 พ.ค.โดยมีหัวกะทิจาก 15 ประเทศ เข้าร่วมแข่งขัน จำนวน 17 ทีม รวมผู้แข่งขัน 119 คน
      
       “ธนภัทร วรศรัณย์” หรือ “น้องตั้ว” นักเรียนชั้น ม.6โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จ.นครปฐม บอกว่า เป็นคนสนใจวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว โดยเฉพาะฟิสิกส์เพราะเป็นวิชาที่ไม่ต้องท่องจำ และหลักการของฟิสิกส์นำมาใช้อธิบายได้จริงในทุกกรณี นอกจากนี้ สิ่งสำคัญในการเรียนอีกข้อก็คือ ครูผู้สอน ต้องคำนึงถึงความสนุกสนานในการสอนไปพร้อมๆ กับความรู้ด้วย เพราะจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้เด็กๆ ให้อยากเรียนรู้ได้
      
       “ผมเรียนด้วยความรักและมีความสุขในการเรียนวิชานี้ครับ ผมคิดว่าถ้าเรารักในวิชาใดก็จะเรียนได้ดี ก่อนหน้านี้ ผมให้ความสำคัญกับวิชาอื่นๆ 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนฟิสิกส์ 60 เปอร์เซ็นต์ แต่เดี๋ยวนี้ผมให้เวลากับฟิสิกส์ 100 เปอร์เซ็นต์”
      
       น้องตั้ว เผยว่า ที่จริงเขาก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่ยังเล่นเกม เล่นดนตรี หรือทำกิจกรรมอย่างอื่นๆบ้าง แต่ไม่ได้กระทบการเทือนใดๆ ต่อการเรียนเพราะสิ่งสำคัญ คือ ต้องรู้จักจัดสรรเวลาให้เป็น”
      
       ส่วน “อิสระพงศ์ เอกสินชล” หรือ “น้องปริ๊นซ์” ม.5 โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จ.นครปฐม เป็นอีกคนที่ย้ำถึงวิธีเรียนดีว่าควรให้ความสำคัญกับเรื่องการจัดสรรเวลาใน ชีวิตให้เหมาะสม ทั้งเรื่องการนอน เรื่องอาหาร ออกกำลังกาย และการทบทวนบทเรียนอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งหาความรู้เพิ่มเติมด้วย
      
       “เรื่องอ่านหนังสือ ต้องรู้ว่าเราควรจะอ่านเล่มใดก่อน-หลัง เช่น หนังสือฟิสิกส์ที่อธิบายด้วยภาษาที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ ผมเลือกอ่านเล่มนั้นก่อน หลังจากนั้นค่อยทำความเข้าใจกับเรื่องที่ลึกซึ้งขึ้นไป ไม่ข้ามขั้นตอนครับ”
      
       น้องปริ๊นซ์ ยังย้ำว่า ครอบครัวมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการเรียนของลูกๆ มาก โดยเฉพาะสำหรับตัวของปริ๊นซ์เอง คุณพ่อ คุณแม่ให้การสนับสนุนให้เรียนรู้เต็มที่ ทั้งหนังสือและอุปกรณ์การเรียนต่างๆ หนังสือที่ต้องการอ่านทุกอย่างแบบไม่จำกัดงบประมาณ พร้อมทั้งไม่เคยบังคับว่าเขาควรจะเรียนอะไร หรือต้องเป็นอะไร ให้โอกาสลูกได้ค้นหาแนวทางที่ชอบด้วยตัวเอง แม้คุณพ่อจะเป็นแพทย์ แต่ก็ไม่เคยบอกว่าลูกต้องเรียนแพทย์ตามเลย
      
       ด้าน “วีรภัทร พิทยครรชิต” หรือ “น้องวี” ม.4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กทม.บอกว่า ถ้าเราอยากเรียนให้เก่งวิชาใด เราต้องมีความขยันในวิชานั้นๆ ต้องอ่านหนังสือทุกวันเพื่อทบทวน ใช้เวลาอยู่กับมัน ทำความเข้าใจคิดให้เยอะๆ
      
       “สำหรับผมต้องตั้งเป้าหมายในอนาคตไว้ก่อน เพื่อจะได้มีจุดมุ่งหมายที่จะเรียนรู้ และเป็นการช่วยกระตุ้นให้เราเดินต่อไป การจะทำอะไรก็ตาม ถ้าเราทำมันไปวันๆ แบบไม่มีเป้าหมายก็ไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม ดังนั้นการมีเป้าหมายสำหรับผมจึงเป็นสิ่งสำคัญ”
      
       เช่นเดียวกับ “สรณภพ เทวปฏิคม” หรือ “ เกรท” ม.6 โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า คุณพ่อคุณแม่ปลูกฝังให้เป็นเด็กที่รักเรียนมาตั้งแต่เล็กๆ และถึงจะเรียนดีแต่ก็ไม่ทิ้งการเล่นตามวัยจนกลายเป็นเด็กที่ “เรียนจ๋า” อย่างเดียว ดังนั้น เกรท จึงทั้งเรียน เล่นดนตรี เล่นกีฬา
      
       “ผมคิดว่าถ้าอยากเรียนให้เก่งก็ต้องมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ คือถ้าเรารักในสิ่งที่เรากำลังเรียน มันจะทำให้เรามีความพยายาม และตั้งใจ และพร้อมที่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง”
      
       สำหรับการส่งเสริมให้เยาวชนไทยรักและไม่กลัวฟิสิกส์นั้น คิดว่า ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันโดยเฉพาะระบบการศึกษาซึ่งรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรสนับสนุนการเรียนวิทยาศาสตร์ให้มากกว่านี้ เพราะเท่าที่เห็นมาหลายๆ แห่ง อุปกรณ์การทำแลปของโรงเรียนแทบไม่มี หรือไม่งั้น ก็ชำรุด ทำให้นักเรียนไม่ได้เห็นของจริง ไม่ได้สัมผัสของจริง ดังนั้นต่อให้ครูสอนเก่งขนาดไหน นักเรียนก็เบื่อ เพราะฟิสิกส์ไม่ใช่วิชาท่องจำ
      
       ทางด้าน “ธิปก รักอำนวยกิจ” หรือ “น้องเบน” ม.4 ร.ร.สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ซึ่งแม้วันนี้จะยังเป็นแค่นักเรียนแต่ได้ให้ทัศนะแหลมคมถึงความสำคัญของการ เรียนว่า สำหรับบางคนอาจไม่ถนัดหรือไม่ชอบเรื่องวิชาการ แต่การเรียนเป็นสิ่งที่จำเป็นและมีคุณค่าต่อชีวิต เราจึงต้องตั้งใจให้มากๆ
      
       “ผม อยากเห็นคุณครูสอนวิทยาศาสตร์เน้นให้เด็กคิดเป็น เพราะวิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่มีเนื้อหามาก หลายๆ ครั้งจึงกลายเป็นว่าเด็กต้องมานั่งท่องจำเนื้อหา” น้องเบนสะท้อนมุมคิดที่ระบบการศึกษาไทยไม่ควรมองข้าม
      

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000048594

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น