++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2555

แหล่งท่องเที่ยวอำเภอดอยหล่อ วัดสิริมังคลาจารย์


แหล่งท่องเที่ยวอำเภอดอยหล่อ
วัดสิริมังคลาจารย์
ประวัติวัดสิริมังคลาจารย์ เดิมชื่อว่า วัดปากทางเจริญ สร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2509 โดยมีท่านปลัดทอง สิริมงคโล(ตำแหน่งในขณะนั้น) ปัจจุบันได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่พระราชพรหมาจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นองค์ประธานดำเนินการก่อสร้างและได้รับความร่วมมือจากคณะสงฆ์ คณะข้าราชการ พ่อค้าประชาชน ตลอดจนคณะศิษยานุศิษย์ของท่านเจ้าคุณอาจารย์(พระอาจารย์ทอง สิริมงคดล)พร้อมใจกันก่อสร้างวัดนี้ขึ้นมาเพื่อให้เป็นที่ตั้งแห่งพระรัตนตรัยและเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านปากทางเจริญ

ตามประวัติความเป็นมาสืบเนื่องมาจากการก่อสร้างเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ทำให้พื้นที่บริเวณเหนือเขื่อนถูกน้ำท่วมจากการเก็บกักนำไว้ ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นตลอดจนวัดวาอารามต่างๆที่ถูกน้ำท่วม จำเป็นต้องอพยพออกจากพื้นที่ไปยังที่ต่างๆ เช่นไปอยู่ที่นิคมสร้างตนเอง อำเภอดอยเต่า ณ ที่นี้มีการก่อสร้างวัดที่อพยพมาจากการถูกน้ำท่วม เป็นจำนวน 12 วัด โดยมีท่านเจ้าคุณอาจารย์ เป็นองค์ประธานดำเนินการก่อสร้าง เมื่อปีพุทธศักราช 2507 นอกจากนี้ชาวบ้านจำนวนหนึ่งก็ได้อพยพมาอยู่ที่บ้านปากทางเจริญ กิ่งอำเภอดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีวัดอยู่ในหมู่บ้าน เวลามีงานทำบุญหรืองานวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ชาวบ้านต้องเดินทางไปทำบุญยังวัดที่อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านมาก ประกอบกับชาวบ้านส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนาเป็นหลักและยังขาดสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ชาวบ้านจึงได้ประชุมปรึกษาหารือกันและพากันไปกราบเรียนปรึกษาท่านเจ้าอาจารย์ (ในขณะนั้นท่านเจ้าคุณอาจารย์มีตำแหน่งเป็นรองเจ้าคณะอำเภอฮอด) และขอให้ท่านเจ้าคุณอาจารย์ไปดูสถานที่ก่อสร้างวัดเพื่อเป็นที่ตั้งแห่งพระรัตนตรัยให้มั่นคงสืบต่อไป ด้วยความเมตตาอันหาที่สุดมิได้ของท่านเจ้าอาจารย์จึงได้รับเป็นองค์ประธานดำเนินการก่อสร้างวัดนี้ขึ้นมาเมื่อปีพุทธศักราช 2509

ต่อมาท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้มีโอกาสไปสักการะสังเวชนียสถานที่ประเทศ อินเดียและได้อัญเชิญหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์มาจากพุทธคยา เพื่อนำมาปลูกไว้ที่วัดแห่งนี้สำหรับเป็นที่สักการะบูชาของเหล่าศาสนิกชนทั้งหลาย ที่ต้องการความเป็นสิริมงคลและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งพระองค์ทรงตรัสรู้ ณ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์นี้ ที่อัญเชิญมาปลูกเป็นหน่อที่งอกออกมาจากต้นเดียวกัน ถึงแม้ว่าพุทธศาสนาที่ไม่มีโอกาสไปกราบไหว้ถึงพุทธคยาก็สามารถมาสักการะบูชา ต้นพระศรีมหาโพธิ์ได้ ณ ที่นี้ จึงนับว่าเป็นบุญของประชาชนแผ่นดินล้านนาไทย อันเป็นนิมิตหมายว่าพระพุทธศาสนาจะเจริญมั่นคงสืบไปถึง 5,000 ปี บนผืนแผ่นดินนี้ ยิ่งกว่านั้นความปลาบปลื้มใจที่อยู่ในความทรงจำของชาวเชียงใหม่ตลอดมาก็คือ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จพระราชดำเนินมาทรงปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ด้วยพระองค์เอง เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 3 เดือนธันวาคม พุทธศักราช 2501 พร้อมทั้งทรงอธิษฐานที่จะให้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ฝังรากลึกลงในพื้นที่แผ่นดิน และเจริญงอกงามขึ้นมาอย่างมั่นคง เสมือนหนึ่งทรงขอให้พระสัทธรรรมในพระพุทธศาสนาฝังรากลึกและเจริญงอกงามอยู่ในจิตใจของหมู่มนุษย์ทั้งหลายตลอดไป ด้วยคำอธิษฐานอันบริสุทธิ์จิตของพระองค์ จึงทำให้ต้นพระศรีมหาโพธิ์เจริญงอกงามแตกกิ่งออกมาถึง 10 กิ่ง จากเดิมมีอยู่เพียงกิ่งเดียว แสดงให้เห็นว่าคำอธิษฐานของพระองค์จะต้องเป็นความเป็นจริงอย่างแน่นอน นอกจากนี้ในวันเดียวกันนั้นสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนียังทรงวางศิลาฤกษ์พระธาตุเจดีย์และทรงพระราชทานนามวัดว่า "วัดสิริมังคลาจารย์"

สาเหตุที่ทรงพระราชทานนามวัดในครั้งนี้ เนื่องจากคณะสงฆ์และคณะศรัทธาทั้งหลายเห็นว่าวัดนี้ยังไม่มีชื่อเป็นทางการ เดิมเรียกว่าวัดปากทางเจริญตามชื่อหมู่บ้านจึงได้ประชุมปรึกษาหารือโดยมี ท่านเจ้าคุณอาจารย์เป็นประธานและพร้อมใจกันกราบบังคมทูลให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชนนีทรงเลือก 2 ชื่อ คือ

1. ศรีสังวรารามเพื่อเทิดพระเกียรติและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันทรงคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างมากมายนับอเนกอนันต์

2. สิริมังคลาจารย์เพื่อเป็นเกียรติแก่พระสิริมังคลาจารย์ พระมหาเถระนักปราชญ์แห่งล้านนาไทย ผู้แต่งคัมภีร์จักวาฬทีปนีซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่ยกย่องสรรเสริญของคณะสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนอย่างกว้างขวางด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบริมราชชนนี ที่ทรงตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของพระพุทธศาสนา จึงทรงเลือกพระราชทานนามวัดว่า "วัดสิริมังคลาจารย์"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น