++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

มหาอานิสงส์ของธรรมทาน 25 ข้อ


มหาอานิสงส์ของธรรมทาน 25 ข้อ

มหาอานิสงส์ แปลว่า ผลบุญอันยิ่งใหญ่มาจากคำว่า มหา (ใหญ่,ยิ่งใหญ่) + อานิสงส์ (ผลที่เกิดจากการกระทำ, ผลบุญ)
มีจิตใจเบิกบานแจ่มใส หน้าตาสดใสมีสง่าราศี
มีสติปัญญาดีเลิศ คิดสิ่งใดก็คิดออกได้ง่าย และ ถูกต้องกว่าแต่ก่อน
ได้คนรอบตัวดีดี มีเพื่อนแท้แก้ทุกข์สู้งานใหญ่
ได้เพื่อนธรรมกัลยาณมิตร ชวนกันคิด ชวนกันทำ กรรมดี เพื่อการสั่งสมบุญบารมี
เจ้ากรรมนายเวรไล่ล่าเราไม่ทัน เปรียบเสมือนได้ลบล้างหนี้เวรกรรม
โรคภัยไข้เจ็บอันเกิดจากเจ้ากรรมนายเวร ก็ทุเลาหายไปเพราะเราอุทิศบุญให้
ทำให้ชีวิตตนและครอบครัวมั่นคง ทรัพย์สมบัติกิจการค้า ตำแหน่งการงาน เจริญรุ่งเรือง
ช่วยดึงและดันให้สั่งสมบุญบารมีขั้นสูงกว่า คือการรักษาศีลลและการเจริญภาวนา เมื่อทำก็ทำได้ง่ายไร้อุปสรรค
ได้สร้างเสริมและเจริญเมตตาธรรม ฝึกตนให้เป็นพระพรหมมีจิตใจครบ 4 หน้า คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เมื่อเป็นผู้ที่มีพรหมวิหารทั้ง 4 ก็ย่อมให้อภัย ไม่พยาบาท ทำดีได้ง่ายขึ้น เข้าสมาธิและฌานได้ง่ายดี
สมาชิกในครอบครัว ในธุรกิจ ในหน่วยงาน มีรักสามัคคี มีเมตตาไมตรีต่อกันมาก
เทวดาคุ้มครอง ปกป้อง รักษาความปลอดภัยแก่สมาชิกในครอบครัว ในธุรกิจ ในรถ เรือ บ้านเรือน อาคาร
สร้างธรรมทานด้วยขวังขจัดกิเลส และด้วยจิตใจเบิกบานทั้ง 3 ระยะ คือ ก่อนสร้าง, ขณะสร้าง และหลังสร้างบุญธรรมทาน ชาติหน้าเกิดมาก็จักรวยตั้งแต่เกิด รวยมั่นคงจนถึงปลายชีวิต เพราะชาตินี้สร้างธรรมทานด้วยความยินดี มีจิตเบิกบานตลอด 3 ระยะ
อุทิศบุญกุศลให้บุพการีและผู้มีพระคุณ บุญส่งให้ท่านเหล่านั้นได้อยู่ในภพภูมิที่ดีดี
คิดหาวิธีเองได้ ที่จะทำให้ตนและผู้อื่นพ้นทุกข์น้อยใหญ่ ไล่ความโง่ เติมความงามแก่กายใจ
ช่วยให้คนทั้งโลก แม้ว่าจะต่างเชื้อชาติ ศาสนา มีความสุขสงบร่มเย็น เป็นเพื่อนเกื้อกูลกัน
ขจัดความตระหนี่ถี่เหนี่ยว ลดความยึดมั่นถือมั่น ตัดความงกความเป็นเจ้าของออกจากใจ
ไล่ตัวมารแห่งความโลภ ขจัดความโศกที่เกิดจากการดิ้นรนอยากมีวัตุสิ่งของเกินความจำเป็น
เห็นเส้นทางเดินตามพระราชปรัชญา แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในเรื่อง "เศรษฐกิจพอเพียง"
เพิ่มวิปัสสนาปัญญาคือความเห็นความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของสรรพสิ่งดั่งสมบัติผลัดกันชมผลัดกันใช้
ได้เปลี่ยนความคิดเห็นที่ผิดที่ไม่ถูกต้อง (มิจฉาทิฐิ) เป็นความคิดเห็นที่ถูกต้อง (สัมมาทิฐิ)
เมื่อได้เสริมบุญธรรมทาน ด้วยการรักษาศีล และเจริญภาวนาทำสมาธิเป็นเนืองนิตย์ หากตายไปจักได้เกิดเป็นเทวดาอย่างแน่นอน พอจิตอิ่มบุญบารมีสูงสุดก็จักเข้าสู่นิพพาน ไม่เกิดเป็นอะไรอีกแล้ว
สร้างความสุขให้ชาวโลกในอนาคต เติมเชื้อธรรมไว้ในปฐพี อีก 100 ปี มีผู้เห็นหนังสือที่พิมพ์แจก เขาก็จักฟื้นฟูดูแลพระพุทธศาสนา เราท่านเกิดมาในชาติหน้าจะเป็นพุทธบริษัทที่สมบูรณ์ อยู่ในแดนพุทธที่เจริญ และปลอดภัย
หากได้เกิดเป็นมนุษย์อีก จักเกิดในครอบครัวที่อุดมด้วยสัมมาทิฐิ "รีบเร่งสั่งสมบุญบารมีในชาตินี้เถิด
ไม่เกิดในอบายภูมิได้ง่าย (นรก, เปรต, อสุรกาย, ดิรัจฉาน)
ช่วยรักษาและเผยแผ่พระพุทธธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ให้เสื่อมสูญ
ที่มา : หนังสือพุทธฤทธิ์พิชิตมาร

                            .................................................

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.oknation.net/blog/wisdomage/2009/05/09/entry-1)


ในพระธรรมบทพระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ สพพทานํ ธมมทานํ ชินาติ ธรรมทานชนะการให้ทานอื่นทั้งปวง แล้วอย่างไรบ้างจึงเรียกว่า "ธรรมทาน"

ทานกุศลแบ่งออกเป็น 2 วิธีใหญ่ๆ คือ 1. อามิสทาน 2.ธรรมทานและอภัยทาน

อย่างไรจึงเรียกว่า ธรรมทาน ?

ปฏิบัติ ธรรมเองเพื่อชำระกิเลสออกจากกาย วาจา ใจของตนเอง ตั้งตนอยู่ในคุณความดี เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น เรียกว่าแจกธรรมะ ซึ่งตรงกันข้ามกับผู้ที่ดำเนินชีวิตประจำวันพูดแต่คำพูดไม่ดี ทำแต่กรรมที่ไม่ดี คิดแต่ความคิดที่ไม่ดีมาตลอด ประพฤติปฏิบัติตัวอย่างที่เลวแก่ผู้อื่น ชื่อว่าแจกอธรรม

ธรรมทาน ต้องปฏิบัติเองเพื่อละชั่ว ทำดี ทำใจให้ใส เพื่อชำระกิเลสหยาบ กลาง และละเอียดๆ ยิ่งๆขึ้นไปถึงวิสุทธิ คือ ความบริสุทธิ์แห่งใจ แล้วจึงจะพบสันติสงบ และจะถึงนิพพานคือความดับกิเลสไม่มีเหลือ

จะถึงนิพพานต้องเป็นลำดับจนถึงที่สุดอย่างถาวรนี่เรี ยกว่าธรรมทาน

เบื้อง ต้นเป็น ปฐมคือทำความดี ละชั่ว ทำใจให้ใสเองทั้งหมด และเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น แล้วยังให้การแนะนำสั่งสอนอบรมผู้อื่น ให้ประพฤติปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามพระธรรม พระวินัย และสนับสนุนอุปการะแก่ความประพฤติปฏิบัติดีปฏิบัติชอ บเช่นนั้นของบุคค หรือคณะบุคคล ผู้ที่กำลังเพียรประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อชำระกิเลสแห ่งทุกข์นั้นให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ตรงนี้ก็ยิ่งด้วยธรรมทานไปอีก

อย่างไรเรียก อภัยทาน ?

ก็ เมื่อบุคคลเจริญธรรมขึ้นด้วยทานกุศล ศีลกุศล และภาวนากุศล เพื่อละชั่ว ทำดี ฝึกอบรมจิตใจให้ผ่องใสและอบรมปัญญาให้บริสุทธิ์ยิ่งข ึ้นเพียงใด ความเข้าใจ ความซึ้งใจในบาปบุญคุณโทษก็เจริญมากขึ้น

และพรหมวิหาร ธรรมอันมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ก็เจริญขึ้นเป็นบุญบารมี เป็นเมตตาบารมี และ อุเบกขาบารมี อุปบารมี และ ปรมัตถบารมียิ่งขึ้นเพียงนั้น

ความเห็นอกเห็นใจเข้าใจในความรู้เท่า ไม่ถึงการณ์ของสัตว์โลกผู้ยังมีจักษุอันมืดบอดด้วยความหลงผิด จึงคิดผิด พูดผิด ทำผิดๆ ในเราก็มีมากขึ้น ความรักปรารถนาให้สัตว์โลกเป็นสุขด้วยเมตตาพรหมวิหาร ธรรม และความเวทนาสงสารปรารถนาให้สัตว์โลกให้พ้นจากความทุ กข์ด้วยกรุณา พรหมวิหารธรรม แม้จะถูกกร้าวร้าว ปรามาส ล่วงเกิน และถูกก่อกรรมทำเข็ญแก่ตนมาแล้วมาก จากทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคตเพียงใด ย่อมไม่ติดใจโกรธพยาบาทยิ่งขึ้น และสามารถอดทน อดกลั้นต่อความก้าวร้าว ปรามาส ล่วงเกิน ความเบียดเบียนจากสัตว์โลกทั้งหลายผู้ล่วงเกิน และผู้เบียดเบียนโดยรอบทั้งหลายเหล่านั้น ได้มากขึ้นเพียงนั้น จนถึงวางใจเป็นอุเบกขาไม่ยินดี ยินร้ายได้มั่นคง นี้ชื่อว่า อภัยทาน จัดเป็นทานอันเยี่ยมยอดไปอีก

ธรรมทาน คืออะไร

ธรรม ทาน คือ การให้คำแนะนำสั่งสอนสิ่งที่ดี บอกศิลปวิทยาที่ดีที่มีประโยชน์ในการดำเนินชีวิต เป็นเหตุให้มีความสุข รวมถึงการอธิบายให้รู้และเข้าใจในเรื่องบุญบาป ให้ละสิ่งที่เป็นอกุศล ดำรงตนอยู่ในทางกุศล ซึ่งจะนำพาตนให้สะอาดบริสุทธิ์ หมดจดจากกิเลสอาสวะทั้งปวงได้

ประเภทของธรรมทาน

ธรรมทาน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ วิทยาทาน และ อภัยทาน

1. วิทยาทาน
วิทยาทาน คือ การให้ความรู้ ยังแบ่งออกได้อีกเป็นวิทยาทานทางโลก และวิทยาทานทางธรรม

วิทยาทานทางโลก คือ การสั่งสอนให้เกิดความรู้ความสามารถในเชิงศิลปวิทยาการ เพื่อนำไปประกอบสัมมาอาชีพเลี้ยงชีวิต และสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ด้วยความสะดวกสบายทุกอย ่าง ดังนั้นทางพระพุทธศาสนาได้จัดความรู้ว่าเป็นขุมทรัพย ์อย่างหนึ่ง ชื่อ องฺคสมนิธิ แปลว่า ขุมทรัพย์ติดตัวได้ บุคคลผู้มีความรู้ดี จึงเปรียบได้ว่ามีขุมทรัพย์ติดตัวไป ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็เชื่อมั่นได้ ว่าจะสามารถใช้ปัญญารักษาตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัยได้ แน่นอน

วิทยาทานทางธรรม (จัดเป็นธรรมทานแท้) คือ การให้ความรู้ที่เป็นธรรมะนั้นยิ่งเป็นสิ่งที่ประเสร ิฐ ด้วยเหตุที่ว่า การดำเนินชีวิตของแต่ละคนนั้น ถ้าขาดเสียซึ่งหลักธรรม ชีวิตก็จะพบแต่ความทุกข์ เดือดร้อน ผิดหวังตลอดไป ต่อเมื่อได้ยินได้ฟังธรรม และนำมาประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องเหมาะสม ย่อมเกิดความเจริญงอกงามในชีวิตของตน ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ในที่สุดก็ทำให้รู้แจ้งเห็นแจ้งในพระธรรมคำสอนของพระ สัมมาสัมพุทธเจ้า และเข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้
การให้คำสอนที่ถูกต้องที่เป็นธรรมะนั้น เปรียบได้กับการให้ขุมทรัพย์ที่เป็นอมตะติดตัวไว้ หรือให้ประทีปแสงสว่างที่คอยติดตามไป ดังนั้น บัณฑิตทั้งหลายจึงกล่าวว่า การ ให้ธรรมทาน เปรียบเหมือนการให้ ขุมทรัพย์ หรือประทีปที่จะเป็นเครื่องส่องทางชีวิต ให้ดำเนินไปในทางที่ถูกต้องดีงาม นำชีวิตไปสู่ความสุขความเจริญ

และเมื่อยังต้องเวียนว่ายตาย เกิดอยู่ในวัฏสงสาร ย่อมเป็นผู้ไม่ตกต่ำ มีชีวิตที่ดีงาม ได้เกิดในสุคติภพ เมื่ออบรมบ่มบารมีแก่กล้าแล้ว ย่อมสละละกิเลสได้โดยสิ้นเชิง เข้าถึงพระนิพพานได้ เพราะเหตุนี้ พระผู้มี-พระภาคเจ้าจึงตรัสว่า การให้ธรรมะย่อมชนะการให้ทั้งปวง

2. อภัยทาน
อภัยทาน คือ การให้ความปลอดภัย ให้ความไม่มีภัยแก่ตนและผู้อื่น ไม่ถือโทษโกรธเคืองในการ ล่วงเกินของผู้อื่น ไม่มีเวร ไม่ผูกเวรกับผู้ใด ทั้งยังมีจิตเมตตาปรารถนาดีต่อผู้อื่นเป็นนิตย์

การให้อภัย เป็นการให้ที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย เป็นการให้ที่ง่าย แต่ที่บางคนทำได้ยาก เพราะมีกิเลสอยู่ในใจ ต้องอาศัยการฟังธรรม ประพฤติปฏิบัติธรรมบ่อยๆ จนเกิดความเข้าใจแจ่มแจ้ง เห็นคุณ ประโยชน์ของการให้อภัย แล้วจะให้อภัยได้ง่ายขึ้น
หากมองเผินๆ จะดูเหมือนว่าการให้อภัยเป็นการให้ประโยชน์สุขแก่ผู้ อื่น ทำให้ผู้อื่นมีความสุขสบายใจ แต่แท้ที่จริงแล้ว ผู้ที่ได้รับประโยชน์สุขมากที่สุดก็คือตนเอง เพราะทุกครั้งที่ให้อภัยได้ จะรู้สึกปลอดโปร่ง เบากายเบาใจ สดชื่นแจ่มใส มีความสุข

นอก จากนี้ การช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในอันตรายให้ปลอดภัย หรือพ้นจากอันตรายนั้นได้ เช่น การช่วยปล่อยสัตว์ที่เขาจะนำไปฆ่าให้พ้นจากการถูกฆ่า ดังประเพณีปล่อยสัตว์ปล่อยปลา ก็นับว่าเป็นอภัย ทานเช่นกัน เพราะได้ให้ความไม่มีภัย ให้ความเป็นอิสระแก่สัตว์เหล่านั้น
การให้ความ ปลอดภัย ให้ความไม่มีเวรไม่มีภัยแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ด้วยการไม่เบียดเบียน จัดเป็น การให้ที่สูงขึ้นไปอีก พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสเรียกว่า มหาทาน ซึ่งท่านจัดไว้ในเรื่องศีล

ส่วน การให้อภัย คือ ทำตนเป็นผู้ไม่มีภัยกับตนเอง ใครที่สามารถสละภัย คือโทสะออกจากใจได้ มีจิตใจสงบ สะอาด จิตจะประกอบไปด้วยเมตตา เมื่อทำไปแล้วถึงระดับหนึ่ง จัดว่าเป็นการภาวนา ที่ เรียกว่า เมตตาภาวนา ซึ่งมีอานิสงส์สูงยิ่ง

อานิสงส์ของธรรมทาน

ธรรมทานนี้มีอานิสงส์มาก ดังที่มีการพรรณนาคุณไว้ในอรรถกถาธรรมบท 1 ว่า
แม้ ทายกจะถวายจีวรอย่างดีที่สุดแด่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันตเจ้าทั้งหลาย ที่นั่งติดๆ กันเต็มห้องจักรวาลนี้ ก็ยังมีอานิสงส์น้อยกว่าการอนุโมทนาของพระพุทธเจ้า ด้วยพระคาถาเพียง 4 บาท และจีวรทานนั้นมีค่าไม่ถึงเศษส่วน 16 แห่งพระคาถาที่พระพุทธองค์ทรงอนุโมทนา

แม้ทายกจะถวายโภชนะ ข้าวสาลี กอปรด้วยสูปะพยัญชนะ (แกงและกับข้าว) อันประณีต เป็นต้น ให้เต็มบาตรพระพุทธเจ้าก็ดี จะถวายเภสัชทาน มี เนยใส เนยเหลว น้ำผึ้ง เป็นต้น ให้เต็มบาตรพระพุทธเจ้า ที่นั่งติดๆ เต็มห้องจักรวาลก็ดี ยังมีอานิสงส์น้อยกว่าธรรมทานที่พระพุทธเจ้าอนุโมทนา ด้วยพระคาถาเพียง 4 บาท

จักไม่กล่าวคำที่กระทบตนและผู้อื่น คือไม่แสดงธรรมโดยยกความดีของตัวเองเพื่อโอ้อวด หรือ ยกความผิดพลาดหรือจุดด้อยของคนอื่นขึ้นมาเป็นเหตุเพื ่อประจานความผิด หรือกล่าวล้อเลียนเขา ต้อง กล่าวมุ่งอธิบายธรรมะจริงๆ และหากต้องยกตัวอย่างประกอบในการอธิบายเพื่อความเข้า ใจในธรรมนั้น ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ผู้อื่นเสียหายได้

ผู้ที่จะให้ธรรมทาน พึงตั้งอยู่ในองค์คุณดังกล่าวมานี้ จะยังประโยชน์ใหญ่ อานิสงส์ยิ่งใหญ่ให้เกิด ขึ้นกับผู้แสดงธรรมได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผู้แสดงธรรมได้บุญกุศลมหาศาล ดังพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส สรรเสริญว่า บุคคลให้ธรรมเป็นทาน โดยไม่ปรารถนาลาภสักการะ ย่อมมีอานิสงส์ประมาณมิได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น