++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2554

โลกของความเป็นจริง โดย ราวี เวียงพยัคฆ์

นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย เป็นประธานจัดโครงการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เมืองทองธานี มีหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ และสมาชิกพรรคต่างๆ เข้าร่วม 300 คน

นายสมชัยกล่าวเปิดงานว่า หวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่มีเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่มาจากการกลั่นแกล้งกัน และหากฝ่าฝืนกฎหมายก็อย่าถือว่าต่างคนต่างผิด หากมีการกระทำดังกล่าวไม่ใช่หลักการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ แต่เป็นการฮั้วทางการเมือง

"ความสมานฉันท์ในการเลือกตั้งจะเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมือง และเป็นแบบอย่างของนักการเมืองรุ่นต่อไป ซึ่งต้องอาศัยความตั้งใจจริง การมีจุดยืน และมีอุดมการณ์ใหม่ที่ยึดโยงอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ก็จะทำให้การเลือกตั้งมิใช่การแข่งขันเอาเป็นเอาตาย หรือจ้องทำลายคู่แข่งในลักษณะเป็นศัตรู แต่ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน” นายสมชัยกล่าว

นายสมชัยกล่าวว่า นับตั้งแต่ทำหน้าที่ กกต.มาหลายปี รู้สึกท้อแท้อ่อนอก เพลียใจ ว่าทำไมบ้านเมืองของเราที่อุดมสมบูรณ์เป็นบ้านเมืองมีศาสนาพุทธ มีเมตตาธรรม แต่ทำไมบ้านเมืองมีความเครียด ประชาชนส่วนใหญ่หาความสุขยาก

ความรู้สึกท้อแท้ อ่อนอกเพลียใจที่เกิดขึ้นกับนายสมชัย จึงประเสริฐ หนึ่งใน กกต.ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เป็น กกต.มาหลายปี จะให้เกิดความสมานฉันท์ในการเลือกตั้งอย่างที่นายสมชัยคาดหวัง เพียงคำพูด ข้อสัญญาที่ว่าพรรคการเมืองต่างๆ นักการเมืองแต่ละพรรคจะนำไปปฏิบัติ เป็นต้น

1. จะไม่นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง

2. จะไม่ใช้กลไกของรัฐมาเป็นประโยชน์กับการหาเสียงเลือกตั้ง

3. จะปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย ระเบียบ ประกาศเกี่ยวกับการเลือกตั้ง

4. จะหาเสียงเลือกตั้งโดยสันติวิธี ไม่ข่มขู่คุกคามคู่แข่งขัน

5. จะยอมรับผลการเลือกตั้งตามที่ประชาชนได้แสดงเจตนารมณ์ในการเลือกตั้งอย่างจริงใจ

4-5 ข้อที่ว่ามานั้นเป็นข้อปฏิบัติที่พรรคการเมือง นักการเมืองเขาจะต้องปฏิบัติอยู่แล้ว และถ้าหากมีการปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดแล้ว นายสมชัย จึงประเสริฐก็คงจะไม่ต้องอ่อนอกเพลียใจ นายสมชัยย่อมรู้ดีว่า กกต.ชุดก่อนนายสมชัย ยังต้องเจอวิบากกรรมอยู่ในขณะนี้ ไม่รู้ว่าถึงที่สุดแล้วศาลฎีกาจะตัดสินจำคุก กกต.เหล่านั้นกี่ปี จะต้องตายในคุกหรือไม่อย่างไร เพราะการเลือกตั้งไม่ใช่เกมสมานฉันท์อย่างที่นายสมชัยพยายามจะให้เป็น หรือหวังว่าจะต้องเป็น แต่การเลือกตั้งผู้แทนราษฎรนั้นเป็นยิ่งกว่าสงคราม เป็นการช่วงชิงอำนาจรัฐ เป็นการช่วงชิงผลประโยชน์

เป็นผลประโยชน์พรรค ผลประโยชน์กลุ่ม

อย่ามาพูด อย่ามาคุย อย่ามาโม้เลยครับเรื่องผลประโยชน์ของประชาชน

พรรคประชาธิปัตย์ต่อสู้อยู่ขณะนี้ก็เพื่อที่จะกลับมาเป็นรัฐบาลให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมความอยาก สมความมุ่งมาดปรารถนาอย่างคราวที่แล้วที่ได้เป็นก็เพราะยอมทุกอย่าง ยอมยกกระทรวงใหญ่ให้พรรคร่วมรัฐบาลแลกกับการยกมือสนับสนุน ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง เงียบในเรื่องที่ตัวเคยคัดค้าน ยอมให้กระทรวงต่างๆ ปู้ยี่ปู้ยำข้าราชการ ยอมให้เมียน้อยใครบางคนมาเป็นรัฐมนตรีร่วมคณะ ฯลฯ

คราวนี้ก็คอยดูเถอะ ถ้าหากเสียงไม่พอต้องพึ่งพรรคเล็กพรรคน้อยอื่นๆ

ส่วนพรรคเพื่อไทยนั้นสู้มาแล้ว 2 สงกรานต์เพื่อที่จะให้มีการเลือกตั้ง ที่บอกว่า สงครามไพร่โค่นอำมาตย์ นั่นก็เพื่อให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ยุบสภา จะได้มีการเลือกตั้งใหม่ จะได้เอาชนะการเลือกตั้ง มีรัฐบาลของตัวมาคลายปมเงื่อนที่รัดคอทักษิณอยู่ขณะนี้ให้คลายออก ให้มีการนิรโทษกรรม ให้ทักษิณกลับประเทศไทยโดยไม่ต้องติดคุก

เรื่องอย่างนี้นายสมชัย จึงประเสริฐ อดีตตุลาการใหญ่ ปัจจุบันเป็น กกต.ใหญ่ จะไม่รู้เชียวหรือ

ทำไมประชาชนไม่เป็นสุข ทำไมจึงมีแต่ความเครียด ทั้งที่ประเทศไทยเป็นประเทศอุดมสมบูรณ์ เรื่องของเรื่องก็เพราะทักษิณไม่เคยคิดว่ามันผิด ไม่ว่าจะเป็นคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ หรือที่ถูกยึดทรัพย์ บรรดาบริษัทบริวารของเขาก็คิดเช่นนี้ เชื่ออย่างนี้ เชื่อว่า ทักษิณถูกกลั่นแกล้ง ศาลตัดสินไม่เป็นธรรม (ศาลจะเป็นธรรมก็ต่อเมื่อตัดสินให้ทักษิณชนะ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีซุกหุ้นเมื่อปี 2544)

เพียง 2 พรรคนี้ก็เป็นเรื่องยากของความสมานฉันท์อย่างที่นายสมชัยคาดหวังแล้วละครับ

สิ่งที่ กกต.ควรที่จะต้องทำก็คือ ดูแลการเลือกตั้งให้ดำเนินไปตามตัวบทกฎหมายย ไม่ให้พรรคการเมืองทำผิดกฎหมาย อย่าไปคาดหวังว่าพรรคการเมือง นักการเมืองจะมีจิตสำนึก จะคิดถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ

สิ่งที่พรรคการเมืองคิด นักการเมืองคิดในขณะนี้หรือทุกขณะจิตของพวกเขาก็คือ ทำอย่างไรจะชนะการเลือกตั้ง ชนะการเลือกตั้งแล้วทำอย่างไรจะได้จัดตั้งรัฐบาล ร่วมรัฐบาล ทำยังไงจะได้กระทรวงใหญ่ๆ หรือทำยังไงจะได้เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ หรืออย่างไม่ได้เลยก็เป็นเลขารัฐมนตรีก็ยังดี

ได้ร่วมรัฐบาล ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ แล้ว ทำยังไงจะผ่านงบประมาณ งบประมาณที่ว่านี้ทำยังไงจะผันมันมาเข้ากระเป๋าตัวอย่างได้สัก 20-30 เปอร์เซ็นต์

หรือหากเป็นมือตีนทักษิณก็คิดว่าจะขยับอีท่าไหนจึงจะช่วยลูกพี่ หรือพ่อของพวกเขาได้

นี่คือโลกของความเป็นจริงครับ คุณสมชัย จึงประเสริฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น