++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข้อมูลเรื่องหมุด GPS ใน internet ไม่ มีอันไหนบอกซักนิดว่าเป็นหมุดระบุเขตชายแดน

ผมไปหาข้อมูลเรื่องหมุด GPS ใน internet จาก
http://board.trekkingthai.com/board/print.php?forum_id=7&topic_no=173473&topic_id=175645&mode=lite
ไม่ มีอันไหนบอกซักนิดว่าเป็นหมุดระบุเขตชายแดน
อีกอย่างถ้าเป็นหมุดเพื่อระบุ GPS จริงๆ
ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องไปตั้งที่ชายแดนเลย (ระยะก็บอกแล้วว่า 10-20 กม.)
แล้วถ้าเกิดเอาไปวางขอบชายแดนจริง ผมว่าเขมรก็เอาเรื่องเราแน่ๆ
ที่ไปยุ่งกับชายแดนเขา ผมก็ไม่แน่ในว่าข้อมูลผมถูกหรือเปล่า
แต่ขอให้เอาความรู้ ความจริงมาพูด ไม่ใช่ความเชื่อ

หมุดหลักฐานภาคพื้นดิน (Ground Control Point)
หมุด หลักฐานภาคพื้นดิน
โครงการจัดทำแผนที่เพื่อการบริหารทรัพยากรธรรมชาติและทรัพย์สินของกระทรวง
เกษตรและ สหกรณ์
สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการรังวัดขยายจุดบังคับภาพเพื่อการจัดทำภาพถ่ายออร์โธสี
ให้มีความถูกต้อง ในเกณฑ์ของงานที่ดินรายแปลง
และใช้เป็นหมุดหลักฐานทางแผนที่สำหรับงานสำรวจรังวัดภาคพื้นดินของหน่วยงาน
ต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีคุณสมบัติและรายละเอียด ดังนี้

หมุดหลักฐานภาคพื้นดิน (Ground Control Point)
เป็น หมุดคอนกรีตเสริมเหล็กขนาด 0.50 x 0.50 x 1.00 เมตร ฝังลงดินประมาณ
0.90 เมตร หัวหมุดเป็นสแตนเลสสตีลขนาด Ø 6 เซนติเมตร
หมุดหลักฐาน ตั้งอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เช่น วัด โรงเรียน
สถานีอนามัย สถานที่ราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ
มีระห่างระหว่างหมุดประมาณ 10 - 20 กิโลเมตร ซึ่งมีจำนวน 2,810 หมุด
ใช้วิธีการรังวัดพิกัดตำแหน่งด้วยดาวเทียม GPS แบบ Static
โดยโยงยึดกับหมุดหลักฐานทั้งทางราบและทางดิ่งของกรมแผนที่ทหาร
ระบบ พิกัด UTM(Universal Transverse Mercator) ใช้พื้นหลักฐานสากล WGS84
และ พื้นหลักฐาน Indian 1975 โดยใช้แบบจำลอง EGM96
ในการคำนวณปรับแก้ค่าระดับทะเลปานกลางและค่าความสูงเหนือรูปทรงรี
(Ellipsoidal height)
ในการแปลงค่าพิกัดจากพื้นหลักฐานสากล WGS84 ไปพื้นหลักฐานท้องถิ่น Indian
datum 1975 ใช้ค่าพารามิเตอร์ ΔX= -204.5 เมตร , ΔY=-837.9
เมตร , ΔZ = -294.8 เมตร
เกณฑ์ความถูกต้องพิกัดหมุดหลักฐานทางราบและทางดิ่ง
มีความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 5 เซนติเมตร
ต่อ

ในเมื่อนายกออกมาพูดแล้วว่า หมุดดังกล่าวไม่ใช่หลักเขตแดน
แต่จนป่่านนี้ ทำไมยังไม่มีคำสั่งให้ทหารผลักดันทาหรเขมรและประชาชนเขมรนับแสนคน
ที่บุกรุกเข้ามาตั้งถิ่นฐานในดินแดนไทย

รัฐบาลเลิกทำเป็นแกล้งมึนได้แล้ว
ลองไปดูพื้นที่จริง คนเขมรเข้ามายึดดินแดไทย
และทหารเขมรขนสรรพาวุธจำนวนมากมาตรึงไว้ตามแนวชายแดนเต็มไปหมด

หากไม่อยากถูกจารึกไว้ว่า
รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคขายชาติขายแผ่นดินร่วมกับพรรคพวกของไอ้เดรัจฉานทักษิณ
ชินวัตร
ก็จงรีบไปแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ในทันที
ไม่ต้องทิ้งปัญหานี้ไว้ ให้เป้นมรดกกับลูกหลานและชาติตระกูลของพวกตนเอง

หรือหากเสียดินแดนไป
แม้พวกคุณจะเสียหายชื่อเสียงและชาติตระกูลยับเยิน
หรือถูกพิพากษาประหารชีวิตเจ็ดชั่วโคตรไป
ก็ไม่ได้ทำให้ไทยได้ดินแดนกลับคืนมา
ชีวิตของพวกโคตรเหง้าคุณ สส และ สว ทั้งหมด
ทั้งตระกูลไม่ได้มีค่าพอจะเอามาแลกกับการเสียดินแดนของชาติ
ไม่คุ้มกับชื่อเสียงเกียรติยศของประเทศไทยที่ไม่อาจเรียกกลับคืนมาได้
พระเกียรติยศของพระเจ้าอยู่หัวก็ไม่อาจเรียกกลับคืนมา

พี่น้องเอ้ยยยยยยยยยยย!!!!!
เราจะรอให้รัฐบาลและนักการเมืองในปัจจุบัน
ทั้ง สส และ สว ร่วมกันขายชาติขายแผ่นดินไทยไปก่อน
แล้วจึงจะจัดการพิพากษาลงโทษพวกมันกระนั้นหรือ
PK


...ตกลงประเทศไทยและคนไทยยึด"อะไร"ในการบริหารปกครองประเทศไทยและคนไทย...นิติธรรม...นิติรัฐงงงนิติพรรค(พวก)???...นิติกู???...

...เมื่อ บ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎหมาย...ผู้มีอำนาจวาสนาใยจึงไม่คิด พูด
ทำ ตามกฎหมาย...หรือว่า...ใคร ใคร่ค้า ค้า...ใคร ใคร่ละเมิดกฎหมาย
ก็ละเมิดกฎหมาย...กระนั้นหรือ...หากคิดว่ากฎหมายไม่ชอบ ไม่ถูก มีปัญหา
ก็ต้องแก้กฎหมายก่อน มิใช่หรือ...

...กลับไปดูสิ่งที่"พวกแมร่ง "บังอาจ...รัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 190 วรรค 5
บัญญัติว่า...ให้มีกฎหมายว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือ
สัญญา...มาตรา 303 วงเล็บ(3)
บัญญัติว่า...ให้จัดทำกฎหมายให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่แถลง
นโยบายต่อรัฐสภาตามมาตรา 176...ไม่เป็นไร"พวกแมร่ง"อ้างว่า
ไม่ใช่"รัฐบาลสมัครฯ" ไม่ใช่"รัฐบาลสมชายฯ"...พวกแมร่งสวมวิญญาณศรีธนญชัย
ถามว่า"รัฐบาลอภิสิทธิ์ฯ"แถลงนโยบายตามมาตรา 176 เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม
2551 ใช่หรือไม่...ภายในหนึ่งปี...ต้องแล้วเสร็จตั้งแต่เมื่อใด...พวกแมร่งทั้ง
หลายมับังอาจทำอะไรกันอยู่...เจรจาเพื่อซื้อดาวเทียมอยู่หรือ...ทั้งๆ
ที่"ดาวเทียม"เป็นสัมปทาน สามารถตกลงซื้อขายชอบด้วยกฎหมายหรือ...

...จึง ไม่แปลกใจอะไร ที่พวกแมร่งจะได้บังอาจ...นำ MOU 2543 และ TOR 2546
เสนอต่อรัฐสภาเพื่อให้รัฐสภาเห็นชอบ ทั้งๆที่ทั้งสองกรณี รัฐธรรมนูญ 2540
ยกเลิกไปแล้ว...เพราะพวกแมร่งบังอาจกระทำโดยไม่เห็นกฎหมายรัฐธรรมนูญซึ่ง
เป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ...เพื่ออะไร...ต้องการหลุดพ้น"ความ
ผิด"ซึ่งกันและกัน...ใช่ไหม...คนไทยทั้งประเทศได้แต่นั่งมองตากันปริบๆ...ดู
พวกแมร่ง"บังอาจกระทำชำเราย่ำยี"...กระนั้นหรือ...
pimsen/policemajor@hotmail.com

...จำเป็นต้องนำเสนอในฐานะคนไทยคนหนึ่ง...สามารถตรวจสอบ"ข้อเท็จจริง"ได้นะครับ...

...14 มิถุนายน 2543...อยู่ในบังคับแห่งรัฐธรรมนูญ 2540...มาตรา 224
บัญญัติว่า...พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญา
สันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่น
กับนานาประเทศหรือกับองค์การระหว่างประเทศ
หนังสือสัญญาใดมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐ
หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามสัญญาต้องได้รับความเห็นชอบ
ของรัฐสภา...ถามว่า MOU เมื่อปี พ.ศ. 2543 เป็นหนังสือสัญญา
หรือไม่...สามารถดำเนินการตกลงกันก่อน ก่อนเสนอให้"รัฐสภา"เห็นชอบ
ได้หรือ...หรือว่า"พวกแมร่ง"ทำตัวเป็นศรีธนญชัย...เพราะพวกแมร่งอ้างว่า"รัฐ
ธรรมนูญไม่ได้เขียนว่าต้องให้รัฐสภาเห็นชอบก่อนลงนามข้อตกลงได้"...มิเท่า
กับ"ฝ่ายบริหาร"บังคับข่มขู่ให้"ฝ่ายนิติบัญญัติ"ต้องเห็นชอบเพียงอย่าง
เดียวกระนั้นหรือ...ไม่ต้องยกตัวอย่างไกล...ที่"นพดลฯ"ไปลงนาม"พระวิหารเป็น
มรดกโลก" แล้วศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า"ไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ"
จนบัดนี้"เขมรก็ไม่สนใจ ยังยึดข้อตกลงเดิม"...

...วันที่ 18 มิถุนายน 2544 และ วันที่ 20 พฤษภาคม 2546 กรณี TOR
2546...พวกแมร่งเห็นกฎหมายรัฐธรรมนูญ 2540 มาตรา 224
อยู่ในสายตาหรือไม่...โดยเฉพาะประโยคแรกที่บัญญัติว่า...พระมหากษัตริย์ทรง
ไว้ซึ่งพระราชอำนาจ...มีความหมายและความสำคัญเยี่ยงไร...
pimsen/policemajor@hotmail.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น