++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ชีวิตพิสดารของสัตว์ - โท้ด (toad) คางคก (๓-ตอนจบ)

ประพันธ์ บุญกลิ่นขจร


            ในด้านเวชกรรมยุคปัจจุบัน สารสีขาวขุ่นที่คางคกมันปล่อยออกมาจากต่อมข้างหลังูนั้น มีฤทธิ์เป็นยารักษาบาดแผลและโรคผิวหนัง ยาขนานนี้ คนไทย มาเลเซีย และญี่ปุ่นยังใช้กันอยู่ ทางเกาหลีใช้ตัวยานี้เป็นยาแก้โรคหัวใจและเนื้องอก นอกจากนั้นก็ยังทำออกมาเป็นยาเม็ดแก้โรคหลายอย่าง รวมทั้งอาการมึนงง ปวดท้อง และเจ็บคอ ยาเม็ดขนานนี้ที่ฮ่องกงเรียกว่า ลุกซุน ที่ญี่ปุ่นเรียกว่า โรกุชิงงัน (ทั้งสองคำนี้ผมอ่านมาจากภาษาปะกิต จึงมีโอกาสที่จะเพี้ยนไปได้มาก) มีรายงานเปิดเผยเพิ่มเติมออกมาว่า ญี่ปุ่นนั้นยังคงศึกษาวิจัยผลิตยารักษาโรคขนานอื่นๆออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง

            เมืองไทยเราจะมียาพรรณยังงั้นจากฮ่องกงและญี่ปุ่นมาขายมั่งหรือยังก็ไม่รู้ หรือว่าเราๆท่านๆต่างก็ล่อยาคางคกเข้าไปกัยคนละมากๆ เรียบร้อยโรงเรียนฮ่องกงและโตเกียวไปแล้ว ก็เป็นได้นะครับท่าน
   
            นักคางคกศาสตร์รายงานไว้ว่า คางคกที่ตัวเล็กที่สุดในโลก คือ คางคกคอร์โรบอรี่ โตเต็มที่จะมีขนาดไม่เกิน ๑ นิ้ว ก็ราวๆสองเซ็นต์ครึ่งแค่นั้นแหละครับ  และที่อายุยืนมากๆก็ได้แก่ คางคกบอรีล อายุยืนถึง ๓๖ ปี จะเป็นสถิติโลกหรือเปล่ายังไม่ค่อยกล้าจะยืนยันกันเพราะมันยากในการเก็บข้อมูล ที่อเมริกามีคางคกเก่งอยู่อีกตัวหนึ่ง มันสามารถขุดหลุมฝังตัวเองได้ มันมีขาหลังที่มีลักษณะเป็นพลั่วตักดิน มันจึงใช้วิธีถอยหลังขุดดินลึกลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกลบตัวมิดเลย

            สัตว์พวกกบพวกคางคก ในวงศ์ไปปิดีโดยเฉพาะจะมีการปฏิบัติการอันสุนทรของบทอัศจรรย์ในน้ำ พูดง่ายๆก็คือ สัตว์ในวงศ์นี้จะผสมพันธุ์กันในน้ำ ซึ่งก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องพิเศษพิสดารอะไร สัตว์มากมายหลายอย่างก็อย่างว่ากันในน้ำ มิหนำซ้ำสัตว์บางชนิดยังวิตถารลงไปเล่นเสียวกันในน้ำก็มี สัตว์ประเภทหลังนี้ผมตั้งชื่อให้เมื่อหนก่อนว่า มนุษย์คางคก

            ผมอดไม่ได้ที่จะขออนุญาติเล่าถึงบทบาทหรือลีลาของบทอัศจรรย์สักหน่อยนะขอรับ เอาเฉพาะของคางคกก็แล้วกันจะได้ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับตำรวจ ส่วนของมนุษย์คางคกก็กรุณาหาดูของจริงกันเอาเองเทอญ

            มีคางคกอยู่ชนิดหนึ่ง รูปไม่งามแต่นามเพราะว่าคางคกสุรินัม เมื่อตัวเมียปล่อยไข่ออกมาและตัวผู้ปล่อยน้ำเชื้อออกมาผสมแล้ว ไข่ก็จะฝังตัวอยู่บนหลังของตัวเมีย วิธีการที่จะให้ไข่ฝังตัวอยู่บนหลังของตัวเมียนั้น เหงื่อตกกันทั้งตัวผู้ตัวเมียแหละครับ ขั้นตอนโกลาหลเหลือหลายครับท่าน ... ผมจะเล่าให้ฟัง

            โดยปกติ สัตว์พวกกบ พวกคางคกนี้จะใช้เวลาในการเกี้ยวพาราสีกันไม่นานนัก เพราะตัวเมียนั้นเส้นตื้นมาก เพียงได้ยินเสียงตัวผู้หรือได้พบประสบพักตร์กับตัวผู้เข้าเท่านั้น เธอก็ "พร้อม" ซะแล้ว เมื่อเป็นยังงี้เจ้านกรู้ตัวผู้จะโอ้เอ้อยู่ทำไม จัดการกระโดดขึ้นคร่อมหลังทันที ขาหน้าของตัวผู้จะโอบกอดอยู่ที่หน้าอก คือ ใต้ขาคู่หน้าของตัวเมีย หรือบางชนิดก็โอบต่ำลงมาหน่อย คือ ตรงบริเวณหน้าขาหลังของตัวเมีย ด้วยลักษณะอย่างนี้ ลำตัวของทั้งสองก็จะเหลื่อมล้ำกันอยู่ ซึ่งหมายความว่าช่องเพศของตัวเมียจะอยู่ตรงกับช่องเพศของตัวผู้พอดี เมื่อปล่อยไข่ออกมา ตัวผู้ก็ปล่อยน้ำเชื้อออกมาผสมทันที โดยไม่พลาดเป้า ..นี่ก็เป็นขบวนการโดยปกติธรรมดา คราวนี้ไอ้ที่มันไม่ปกติธรรมดา ก็เกิดขึ้นในคางคกสุรินัม ซึ่งผมจะได้บรรยายโดยพิสดารต่อไป

            ในคางคกสุรินัมนั้น เอาเป็นว่า เมื่อตัวผู้ขึ้นคร่อมตัวเมีย และกอดรัดกันถูกท่า เหมาะเหม็งตามกติกาเป็นอันดีแล้ว มันก็จะพากันจมดิ่งลงไปในน้ำ เมื่อถึงพื้นก็จะช่วยกันดีดตัวให้ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำในลักษณะหงายท้อง อีตอนหงายท้องกันอยู่นี่แหละครับ นางตัวเมียจะปล่อยไข่ออกมา ๓-๔ ฟอง และแล้วเจ้าถึกสุรินัมก็จะปล่อยน้ำเชื้อออกมาผสมทันทีทันควัน ระหว่างนี้ไข่ก็จะพากันไหลเข้าไปอยู่ในบริเวณหน้าท้องของตัวผู้ เพราะว่ายังกอดกันหงายเก๋งอยู่ยังงั้นนี่ครับ

            เมื่อไข่เข้าไปอยู่ที่หน้าท้องตัวผู้เรียบร้อยแล้ว  มันก็จะกอดกันจมดิ่งลงไปใต้น้ำใหม่ อีตอนจมน้ำนี่ตัวผู้จะกลับขึ้นมาอยู่ข้างบน คือทั้งคู่คว่ำหน้าลงอยู่ในท่าปกติ  ไข่ที่หน้าท้องตัวผู้ก็จะอยู่บนหลังตัวเมีย คราวนี้ก็อาศัยแรงจากการกอดรัดกันอย่างดุเดือดเลือดพล่านนี่แหละครับ ไข่ก็จะฝังตัวเข้าไปในผิวหนังบนหลังของตัวเมีย คางคกยี่ห้อนี้นะครับ บางทีมันก็กอดรัดกันมาเป็นการวอร์มอั๊บก่อนจะถึงจุดไคลแมกซ์ (ออกไข่) ตั้ง ๒๔-๓๐ ชั่วโมงด้วยซ้ำไป

            เล้าโลมกันตั้งน้านนานยังงี้ หนังบนหลังตัวเมียจึงอ่อนตัวและพองตัว ครั้นเมื่อไข่เข้าไปติดอยู่บริเวณนั้นด้วยแรงอัดของตัวผู้แล้ว หนังบนหลังของตัวเมียก็ยังคงพองต่อไปอีก จนกระทั่งไข่ฝังเข้าไปในผิวหนังอย่างสนิทเรียบเหมือนกับเป็นตุ่มหรือซีสท์ทีเดียว ไข่จะติดอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งฟักออกมาเป็นตัวนั่นละครับ
           
            นายและนางสุรินัมจะเล่นกายกรรมคว่ำๆหงายๆ กอดๆรัดๆกันกี่ยกก่อนที่จะถึงฉากตกม้าตายก็ปล่อย ให้เป็นเรื่องในที่ลับของมันมั่งนะครับ เปิดวับๆแวบๆ ดีกว่าเปิดหมด ตามภาษิตผีตองเหลืองดีกว่านะครับ

           


ที่มา ต่วยตูน ฉบับเดือนตุลาคม ๒๕๓๐ ปีที่ ๑๗ เล่มที่ ๒

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น