++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ชีวิตพิสดารของสัตว์ - โท้ด (toad) คางคก (๒)

ประพันธ์ บุญกลิ่นขจร


            ในสมัยโบราณที่ยุโรปบางแห่ง คางคกเป็นสัตว์ที่มีกรรม และน่าสงสารมากเพราะถูกมนุษย์เหยียดหยาม ถูกด่าถูกว่าแบบสาดเสียเทเสีย แบบเดียวกับพวกพ่อมดหมอผีอะไรทำนองนั้น มิหนำยังพลอยให้มนุษย์ด้วยกันอีกมากมายจนนับไม่ถ้วนต้องพลอยรับกรรมอย่างหนักถึงชีวิต สาเหตุเพราะไปข้องแวะกับคางคกเข้านั่นเองครับ อย่างเช่น ลูซิลิโอ วานินี นักปรัชญาชาวอิตาลีสมัยศตวรรษที่ ๑๗ ถูกจับกุมเอาไปพิจารณาโทษซึ่งในที่สุด ก็ถูกตัดสินให้เผาทั้งเป็น ...สาเหตุหรือครับ

            เป็นคนพบคางคกตัวหนึ่งในชามใบหนึ่งในบ้านของเขา
            เมื่อยุคแม่มดหมอผีผ่านพ้นไป ฐานะทางสังคมของคางคกค่อยกระเตื้องขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ก็ใช่ว่าจะหมดเวรหมดกรรมไปเสียเลย เพราะยังมีคนเชื่อในแง่ไม่ดีอยู่อีก คือ เชื่อกันว่า คางคกนี่แหละคือ ตัวการที่ทำให้ไวน์เปรี้ยว  บางทีมันก็ถูกกล่าวหาว่า เป็นตัวที่ขโมยไข่จากรังนก ที่หนักไปกว่านั้นคือถูกหาว่ามันคอยแอบดูดนมจากแม่วัว ไปกันไกลถึงยังงั้นทีเดียวละครับ แต่ถึงยังไงก็ใช่ว่าจะหาดีไม่ได้เอาเสียเลย ผู้คนไม่น้อยเหมือนกันครับที่เชื่อกันว่า มันมีตัวยารักษาโรคอยู่ด้วย อย่างเช่นช่วยทำให้เลือดกำเดาหยุดไหล และบางคนก็เชื่อว่ามันเป็นตัวไล่หนูในทำนองชะตาไม่สมพงษ์ จึงอยู่ร่วมกันไม่ได้ในทำนองนั้นแหละครับ

            ถึงจะยังไงก็ตาม ทุกวันนี้ก็ยังมีหลายคนเชื่อว่าถ้าไปถูกไปต้องมันเข้าละก้อ ร่างกายของเราจะเกิดเป็นปุ่มเป็นปมขรุขระไปทั้งตัวทีเดียวเจียว ตอนเด็กๆ ขณะอยู่บ้านนอก ผมเจอคางคกทีไรผมก็เตะมันทุกที ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นจิตใจของผมทำไมจึงโหดร้ายกับมันถึงยังงั้นได้ นี่ถ้าหากว่าผมจะกลายเป็นท้าวแสนปมไปในวันพรุ่ง ก็คงจะเป็นผลจากนิสัย เกเรของผมเมื่อตอนเด็กๆนั่นเอง

            ทางเอเชียของเรานี้ คางคกมีบทบาทกับมนุษย์อยู่มากเหมือนกัน มีบทบาททั้งในทางไสยเวทย์และทางเวชกรรม ไม่ว่า เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย จีน มีทั้งนั้นครับ อย่างที่เกาหลีนั้น เชื่อกันว่า คางคกเป็นสัตว์ที่ฉลาดและมีอำนาจลึกลับคอยคุ้มครองผู้ประพฤติดี แต่ทางญี่ปุ่นตรงกันข้ามกันไปเสียฉิบ  เพราะเชื่อกันว่า คางคกมีอิทธิฤทธิ๋ในทางชั่วร้าย ซึ่งพวกพ่อมดหมอผีนำเอาไปใช้ในทางมิชอบ ละครคาบูกิบางเรื่องยังแสดงถึงการเอามนต์ดำพรรณยังว่าของคางคกไปใช้ในทางชั่วร้าย ทีนี้หันไปมองทางฝ่ายจีนบ้าง โอ้โฮมีนิทานบานตะไทเลยครับที่เกี่ยวกับคางคก ผมขอขยับพอเป็นแซมเปิ้ลเรื่องหนึ่ง เล่าว่ามีเจ้าคางคกผู้ร้ายตัวหนึ่ง อาศัยอยู่ในบ่อน้ำลึก มีลมหายใจที่เป็นพิษ ไม่มีใครจะปราบมันได้ ในที่สุดพระเอกก็ขี่ม้าขาวออกมาช่วย เขาใช้ทองคำเป็นเครื่องล่อให้มันขึ้นมาและจับฆ่าเสีย หมดกรรมหมดเวรกันไป

            คางคกมีอำนาจลึกลับที่ผูกพันอยู่กับพระจันทร์ ครับ ชาวจีนบางกลุ่มยังเชื่ออยู่อย่างนั้น เงาดำๆ ที่เห็นบนดวงจันทร์ซึ่งเราชาวไทยว่าเป็นกระต่ายนั้น คนจีนกลุ่มนี้เขาบอกว่ามันเป็นคางคกสามขา ดวงจันทร์ก็คือปราสาทราชวังของคางคกนั่นเอง เพราะฉะนั้นแสงจันทร์นวลผ่องที่แสนจะโรแมนติกนั้นก็คือ แสงแห่งคางคก ความเชื่ออย่างนี้เห็นจะเป็นปฏิปักษ์อย่างแรงกับคนไทย เราจะมาจู๋จี๋ชี้ชวนกันดูคางคกบนดวงจันทร์ท่ามกลางแสงนวลยั่วยวนอารมณ์ด้วยแสงแห่งคางคกพิการ (สามขา) มันจะไหวรื้อคุณพี่

            ขอเปลี่ยนบรรยากาศมาทางเรื่องหยูกเรื่องยามั่งนะครับ กระบวนเจ้ายุทธจักรในทางยาสารพัดขนานในจักรวาลนี้ ต้องยอมให้ชาวจีน และโดยที่เชื่อกันมานานในบางหมู่ของคนจีนว่า คางคกนั้นมีน้ำทิพย์อยู่ในร่างกาย นิทานพื้นบ้านมากมายหลายเรื่อง จึงผูกประเด็นนี้เข้าไปในท้องเรื่องในทำนองที่ว่า ถ้าหากได้กินคางคกที่มีเขาแล้วละก็ แฮ่ม นั่นคือ ยาอายุวัฒนะโดยแท้ อายุยืนเป็นหมื่นๆปีอะไรพรรณยังงี้แหละครับ

            พูดถึงคางคกมีเขา ผมขอแทรกไว้ตรงนี้หน่อยนึงว่า สัตว์บางชนิดที่มนุษย์เรียกหรือเข้าใจว่าเป็นคางคกนั้น ความจริงไม่ใช่คางคกซักหน่อย อย่างเช่น คางคกมีเขา กับคางคกต้นไม้ นี่ว่ากันไปตามวิชาการน่ะครับ เพราะงั้นใครที่จะกินคางคกมีเขาเป็นยาอายุวัฒนะ ก็คงจะทำได้โดยสะดวกปากลิ้นหน่อย ด้วยเหตุว่ามันเป็นพวกกบเขียด หาใช่คางคกไม่



        (อ่านต่อตอนที่ ๓ - ตอนจบ)

ที่มา ต่วยตูน ฉบับเดือนตุลาคม ๒๕๓๐ ปีที่ ๑๗ เล่มที่ ๒

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น