++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Pathological Gambling อาการทางจิต “ติดพนัน”

เชื่อว่า บรรดาคอบอลทั้งหลายต่างรอคอยวันพรุ่งนี้กันอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเป็นวันที่ศึกลูกหนังระดับโลกอย่าง “เวิลด์คัพ” จะระเบิดขึ้น และเช่นเดียวกันกับที่ความตื่นตัว และความห่วงใยของผู้ปกครองที่เพิ่มมากขึ้น เพราะหวั่นเกรงว่าลูกหลาน คนใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นทั้งหญิงชายจะเกาะติดกระแสนี้ในทางที่ผิด และเลือกที่จะเพิ่มสีสันให้การดูกีฬาชนิดนี้แบบผิดๆ ด้วย “การพนัน” ที่มีตั้งแต่การพนันเล่นๆ ที่เจ้าตัว (อ้างว่า) ทำไปพอสนุก ไปจนถึงขั้นผีพนันเข้าสิง

แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่เคยทราบ ก็คือ ภาวะการติดพนันจนงอมแงมนี้ ถือเป็นภาวะอาการทางจิตชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “โรค ติดการพนัน” หรือ Pathological Gambling ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาหนี้สิน และปัญหาอาชญากรรมหลายหลากรูปแบบตามมา รวมไปถึงพฤติกรรมการลักขโมย การค้ายาเสพติด การค้าประเวณี การทำร้ายตัวเอง และฆ่าตัวตาย

นพ.วศิน บำรุงชีพ จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุราและยาเสพติด โรงพยาบาลมนารมย์ ให้ความรู้ว่าการพนันบอล เป็นพฤติกรรมการติดพนันอย่างหนึ่ง ซึ่งในทางจิตวิทยา เรียกว่า Pathological Gambling ผู้ที่ติดการพนัน ถึงแม้รู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปเป็นสิ่งไม่ดี เป็นสิ่งที่ผิด หรือส่งผลร้ายต่อการดำรงชีวิตประจำวัน เช่น การเงิน การเรียน สุขภาพ หรือสังคมของตัวเองจะเกิดปัญหา แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะไม่ทำ คล้ายการติดสารเสพติด มีจิตใจจดจ่ออยู่กับการพนันตลอดเวลา ไม่สามารถคิด หรือทำอย่างอื่น มีแต่ความโหยหาที่อยากจะเล่น ยากที่จะควบคุม ในที่สุดก็จะเล่นการพนันต่อโดยไม่มีการยั้งคิด

“พฤติกรรมพวกนี้จะคล้ายพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำ ซึ่งต้องได้รับการบำบัดรักษา โดยในรายที่มีอาการมาก อาจต้องให้ยาลดการย้ำคิดย้ำทำ จากนั้นต้องพาไปทำกิจกรรมอื่นๆ ไม่ให้มีการเล่นพนันบอล เช่น จัดค่ายให้เล่นกีฬา อย่างเต็มที่ 1-2 สัปดาห์ รวมถึงการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องการควบคุมตัวเอง หางานอดิเรกให้ทำ หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ร่วมกับครอบครัว”

สาเหตุการติดการพนันบอลของวัยรุ่นนั้น นพ.วศิน ระบุว่า มี 2 สาเหตุใหญ่ คือ ประการแรก เกิดมาจากตัวของวัยรุ่นเอง เนื่องจากวัยรุ่นมักจะมีปัญหาในการควบคุมตัวเอง (Self Control) เพราะโดยปกติแล้วคนเราต้องมีการควบคุมตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการใช้เงิน การใช้โทรศัพท์มือถือ การใช้อินเทอร์เน็ต และการใช้เวลาไปกับความบันเทิงเริงใจ หรือกิจกรรมที่ไม่มีประโยชน์ แต่วัยรุ่นในปัจจุบันมีปัญหาในเรื่องของการควบคุมตัวเองอย่างมาก โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมกับวัยของตน สาเหตุประการที่สอง คือ กระแสสังคมและการโฆษณา วัยรุ่นมักจะหลงไหลไปกับคำโฆษณาชวนเชื่อได้ง่าย โดยเฉพาะขณะนี้มีกระแสของการแข่งกีฬาฟุตบอลโลก โฆษณาจะชักชวนให้ร่วมชมการแข่งขัน แต่การชักชวนไม่ได้มุ่งไปในเรื่องของการเล่นกีฬาสักเท่าไหร่ แต่จะมุ่งไปในทางที่ชักชวนเล่นการพนันมากกว่าการออกกำลังกาย”

สำหรับแนวทางในการป้องกันลูกหลานจากการติดพนันบอล จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ แนะนำว่า ต้องให้ความรู้ และเตือนให้เด็กรู้จักป้องกันตนเอง ตัววัยรุ่นเองจะต้องพยายามควบคุมตัวเองและครองตนให้ดี ซึ่งหากชอบกีฬาก็ควรศึกษาเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอล ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งจริงๆ เกี่ยวกับประโยชน์ที่จะได้จากการชมกีฬาที่แท้จริง

“เด็กต้องศึกษาเพื่อที่จะเรียนรู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้หลงกลของ เกมการตลาดและคำโฆษณาชวนเชื่อ ต้องรู้จักพิจารณาไตร่ตรองว่าสิ่งใดดีสิ่งใดไม่ดี โดยเฉพาะเรื่องของการพนันนั้นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ซึ่งจะส่งผลร้ายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น หากมีใครชักชวน หรือท้าทาย เราต้องกล้าที่จะปฏิเสธ ไม่หลงไปเป็นเหยื่อของพวกที่มาชักชวน เป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด ไม่เห็นแก่เงิน อย่าใช้ข้ออ้างกับตัวเองว่าแค่พนันเล่นๆ เท่านั้น เพราะมันจะเกิดเป็นพฤติกรรมที่เคยชิน หากเจอผู้ที่ตกอยู่ในภาวะติดการพนันไปแล้ว ให้บอกพ่อแม่หรือคนใกล้ชิดของเพื่อน และพยายามดึงเขาออกมาจากพฤติกรรมนั้น และหากพบว่าตนเองเข้าข่ายติดพนันบอล ก็ต้องกล้าหาญยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และบอกคนใกล้ชิดให้ช่วยเหลือ”

ในขณะที่นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองอธิบดีกรมสุขภาพจิตและอดีต ผอ.รพ.ศรีธัญญา มองว่า การเล่นพนันแบบเป็นครั้งเป็นคราว ไม่ถึงกับที่จะเป็นโรคติดพนัน แม้พฤติกรรมการติดการพนันจะเป็นพฤติกรรมที่ไม่ปกติและอาจก่อให้เกิดเหตุไม่ พึงประสงค์ตามมา พร้อมทั้งมองว่า หากจะระบุว่าใครเป็นโรคติดพนันนั้น พฤติกรรมจะต้องเป็นไปในลักษณะหมกมุ่น และเล่นติดต่อกันทีละนานๆ ชนิดข้ามวันข้ามคืน

“การจะดูว่าใครเล่นพนันแบบเป็นโรคติดพนันนั้น ต้องดูความถี่และความจดจ่อกับการเล่น คือถ้าช่วงบอลโลกแล้วเล่น พอหมดบอลโลกก็เลิก อันนี้ผมคิดว่าไม่น่าจะถึงขึ้นเป็นโรคติดพนัน แต่ถ้าเป็นแบบจะบอลโลก บอลยูโร บอลไทยลีก หรือบอลอะไรต่ออะไรก็แทงทุกนัด เล่นมันทุกชนิดกีฬา รวมถึงพนันแบบอื่นๆ ด้วย อันนี้เป็นโรคติดพนัน ลักษณะของโรคติดพนันก็คือเล่นกันแบบไม่หลับไม่นอน ข้ามวันข้ามคืน เหมือนที่เล่นกันในบ่อนในกาสิโน อันนี้เป็นPathological Gambling แต่ถึงกระนั้น แม้จะพนันแบบไม่หมกมุ่น ไม่จดจ่อ แต่พฤติกรรมการพนันไม่ใช่พฤติกรรมปกติ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ”

รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ฝากทิ้งท้ายด้วยว่า ในช่วงนี้กระแสสังคมค่อนข้างจับตาและเป็นห่วงเด็กและเยาวชนจะตกเป็นทาสของ การพนันฟุตบอล อยากฝากถึงทุกคนที่รักและดูกีฬาชนิดนี้ว่า ขอให้ดูกีฬาเป็นกีฬาจริงๆ อย่ามีอะไรแอบแฝง การพนันไม่ได้แค่ทำให้เสียเงินเพียงอย่างเดียว ความเครียดในการลุ้นและความกดดันอันเนื่องมาจากผลแพ้ชนะของฟุตบอลนัดที่ตน เองลงเงินพนันไป เพราะถ้าแพ้ก็ไม่ใช่แต่การแพ้ชนะในการกีฬา แต่จะเชื่อมโยงมาถึงตัวผู้พนันที่ต้องเสียเงิน ทำให้การดูกีฬาเครียดและกดดัน มีผลต่อสภาพจิตใจ รวมทั้งการอดตาหลับขับตานอนเพื่อรอดูนั้น ก็ทำให้ร่างกายไม่สดชื่น อ่อนเพลีย

“ที่ห่วงที่สุดอีกเรื่อง คือ รอลุ้นทุกนัดแล้วตื่นไม่ไหว ตื่นมาไม่แจ่มใส แล้วต้องขับขี่ยานพาหนะซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุได้ อันนี้แม้ไม่ใช่ผลโดยตรงแต่ก็ส่งผลให้เสียหายต่อทรัพย์สิน บางครั้งอาจถึงชีวิต อยากให้ดูกีฬาเป็นกีฬาครับ แล้วก็เรียนรู้เรื่องแพ้ ชนะ และน้ำใจนักกีฬา จะดีที่สุด” นพ.เกียรติภูมิ ทิ้งท้าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น