++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

'สมุย' สวรรค์ของ 'นักฟอกเงิน' หวั่นไม่ช้าที่ดินเป็นของต่างชาติยกเกาะ

ด้านหน้าโครงการพัฒนาที่ดินที่ว่ากันว่าเป็นของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์


รายงานโดย...ทีมเฉพาะกิจศูนย์ข่าวภาคใต้

ในห้วงเวลาเพียงประมาณสิบปีมานี้
เกาะขนาดใหญ่กลางทะเลอ่าวไทยอย่าง "สมุย"
ไม่เพียงแต่เป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเท่านั้น
แต่เป็นที่ร่ำลือกันว่า ยังเป็นสวรรค์ของบรรดา "นักฟอกเงิน"
ทั้งที่เป็นคนไทยและชาวต่างชาติด้วย

แน่นอนเป็นที่เข้าใจกันดีว่า สมุยไม่ใช่ "เกาะหนีภาษี"
ที่บรรดามหาเศรษฐีทั้งไทยและเทศจะสามารถโอนเงินเข้า-ออก
หรือนำไปเก็บซุกซ่อนไว้ เพื่อให้เสียภาษีน้อยที่สุด
หรือไม่ต้องเสียภาษีเลย
อันเป็นการหลบเลี่ยงกฎหมายที่บังคับใช้อย่างปกติทั่วไปบนผืนแผ่นดินไทย
แต่ในความเป็น "เกาะฟอกเงิน" นั้นกลับเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธได้

มีเหตุการณ์ที่น่าจะที่ยืนยันความเป็นเกาะสวรรค์ของนักฟอกเงินก็คือ
เมื่อไม่กี่ปีมานี้มีข่าวครึกโครมเกี่ยวกับมาเฟียข้ามชาติได้เข้ามาใช้ไทยเป็นฐานในการค้ายาเสพติด
โดยทางการไทยสามารถตรวจพบโคเคน มูลค่ากว่า 5
พันล้านบาทถูกบรรจุไว้เต็มตู้คอนเทนเนอร์ บริเวณท่าเรือคลองเตย
ตามข่าวในครั้งนั้นมีข้อมูลระบุด้วยว่า
พัวพันไปถึงชาวต่างชาติผู้กว้างขวาง
ที่มีกิจการและเป็นเจ้าของดินอยู่บนเกาะสมุย
แต่หลังจากนั้นไม่นานข่าวคราวในเรื่องนี้ก็ค่อยๆ เลือนหายไปจากสังคมไทย

เข้าข่ายมาตรฐานแหล่งฟอกเงินโลก

เมื่อพิจารณาตามหลักการสากล ว่าด้วยการต่อต้านการฟอกเงิน
ซึ่งได้มีการจัดแบ่งกลุ่มแหล่งที่มาของเงินที่จะต้องนำไปผ่านกระบวนการฟอกเงินออกเป็น
10 แหล่ง ประกอบด้วย 1.การค้ายาเสพติด 2.การทุจริตจากวงการเมือง
3.การฉ้อโกงประชาชน 4.การรับสินบนของข้าราชการ
5.การโกงทางด้านบัญชีของบริษัท 6.เงินส่วนตัวที่ต้องการปกปิด
7.เงินที่มีการหลบเลี่ยงภาษีของเหล่าบรรดามหาเศรษฐีใจบาป
8.เงินที่ได้จากการยักยอกงบประมาณของรัฐบาล
9.เงินนอกระบบที่ได้จากธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ และ 10.เงินจากบ่อนการพนัน

จากทั้ง 10 ข้อนั้นเราก็จะพบความจริงว่า
เกาะสมุยได้เข้าไปเกี่ยวข้องเกือบแทบจะทุกข้อ
โดยเฉพาะหากพิจารณาจากการบูมขึ้นของธุรกิจที่ดินบนเกาะสมุยช่วงประมาณสิบปีมานี้
เรายิ่งจะพบความเป็นจริงที่เกิดขึ้นคือ มีบรรดานักการเมือง
ข้าราชการและกลุ่มทุนไทย รวมถึงมหาเศรษฐีและมาเฟียจากต่างประเทศ
ล้วนได้เข้าไปใช้ที่ดินบนเกาะท่องเที่ยวชื่อก้องกลางทะเลอ่าวไทยเป็นฐานการทำธุรกรรมฟอกเงินจำนวนมาก

การค้าที่ดินและธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง คือหนึ่งในหลายๆ
เครื่องมือที่นักฟอกเงินจากทั่วโลกใช้
เพราะที่ดินเป็นทรัพย์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ ถึงจะช้า
แต่มีปริมาณมาก และเป็นที่นิยมของสถาบันการเงินในประเทศที่ยังไม่ค่อยพัฒนา
ที่ดินเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ และไม่มีใครขโมยไปได้
จึงมีการซื้อขายเปลี่ยนมือเป็นจำนวนมาก
และที่สำคัญราคาซื้อขายก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ซื้อและผู้ขาย ดังนั้น
วิธีที่จะให้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน
โดยการซื้อขายที่ดินในราคาที่ร่วมกันกำหนด
หรือการให้ค่านายหน้าซื้อขายที่ดิน
สิ่งเหล่านี้ก็เป็นกระบวนการฟอกเงินอันหนึ่งด้วยเช่นกัน

มีเรื่องเล่ากันให้แซดว่า ในที่ดินของคุณหญิงสุดารัตน์
ร่องรอยตอไม้ที่ถูกหล่อทับด้วยปูนนั้น แต่ก่อนเคยมีท่อนซุงไม้สักขนาดใหญ่
3 คนโอบตั้งตระหง่านอยู่หน้าโครงการนี้ถึง 6 ต้น


ก่อนหน้านี้นักการเมือง ข้าราชการ รวมถึงมหาเศรษฐีไทย
หากต้องการฟอกเงินก็จะต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังประเทศที่มีนักเขียนดังระดับโลกเรียกขานไว้ว่า
"ดินแดนที่มีแสงแดดแผดจ้า แต่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการจะซ่อนอยู่ในเงา"
อย่างโมนาโก เกาะบริติช เวอร์จิน เกาะเคย์แมน เกาะบาร์เบโดส
เกาะไอร์ออฟแมน ฯลฯ แต่เมื่อไม่นานมานี้ไม่ต้องเดินทางไปไหนไกลๆ
ก็ได้แล้ว เพราะแผ่นดินเกาะแก่งที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในทะเลของไทยเองก็สามารถที่จะใช้ที่ดินเป็นเครื่องมือทำธุรกรรมนอกระบบนี้ได้

"พันล้าน-หมื่นล้าน" เรื่องเล่าที่ชินหู

ช่วงที่พรรคเพื่อไทยเปิดฉากอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้
โดยหนึ่งในเป้าสำคัญอยู่ที่การซักฟอก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
รองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
ด้วยข้อกล่าวหาซุกที่ดินบนเกาะสมุย ซึ่งทีมเฉพาะกิจศูนย์ข่าวภาคใต้
"ASTVผู้จัดการ" ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่นั้น
มีเสียงสะพัดหนาหูในแวดวงคนค้าที่ดินว่า ห้วงเวลานั้นกำลังมีเงินของ 2
นักการเมืองระดับบิ๊ก ที่มีชื่อย่อว่า "ส." และ "ก." ไหลเข้าไปราว 6
พันล้านบาท เพื่อให้นายหน้าที่นั่นนำเงินไปปล่อยกู้นอกระบบ
ในรูปแบบของการรับ "ขายฝาก" ที่ดินหรือกิจการขนาดใหญ่

"สำหรับเงินก้อนใหญ่ๆ
ระดับพันล้านหรือหมื่นล้านที่ไหลสู่เกาะสมุยนี่
ในแวดวงผู้คนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ดินน่าจะรับรู้จนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
เราได้ยินกันบ่อยมากจนชาชิน เดี๋ยวก็ร่ำลือว่านักการเมืองก๊วนนั้น
หรือไม่ก็กลุ่มทุนนั้น
ทุ่มผ่านขาใหญ่ในพื้นที่เข้ามาเพื่อให้ใช้ทำธุรกิจรับขายฝาก
ซึ่งก็จะมีการบอกต่อๆ กันไปเพื่อให้ช่วยหาลูกค้า
หรือไปชักจูงให้คนที่ถือที่ดินแปลงทำเลทองให้เอาเงินไปใช้"
แหล่งข่าวที่คร่ำหวอดในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างบนเกาะสมุยมานับสิบปีบอกเล่าให้ฟัง

การหว่านเงินไปต่อเงินในรูปแบบรับขายฝากที่ดินบนเกาะสมุย
ถือเป็นหนึ่งในกลวิธีกว้านที่ดินผืนงามในแหล่งทำเลทองบนเขาและชายหาดไปกักตุนไว้ในมือของกลุ่มนักการเมืองและนายทุนใหญ่ด้วยนั่นเอง
เพราะเป็นที่รับรู้กันว่ามีที่ดินและกิจการจำนวนมากมีอันต้องถูกเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองในท้ายที่สุดก็ด้วยวิธีการนี้
โดยมีการประมาณกันว่าตลอดช่วงสิบปีที่ผ่านมา
นักการเมืองและนายทุนใช้วิธีการนี้ให้ได้ไปซึ่งที่ดินและกิจการบนเกาะสมุย
น่าจะมีสัดส่วนไม่แพ้การใช้เงินไปกว้านซื้อโดยตรงสักเท่าไร

มีเสียงร่ำลือกันว่า
ผู้ประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยวขนาดใหญ่มากหน้าหลายตา
โดยเฉพาะเจ้าของที่ดินผืนงามหรือโรงแรมในย่านทำเลทองบนเกาะสมุย
ล้วนเคยได้ใช้บริการเงินนอกระบบของนักการเมืองและนายทุนเหล่านี้มากบ้างน้อยบ้าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าของกิจการขนส่งแบบผูกขาดขนาดใหญ่
ที่ว่ากันว่าช่วงไม่นานมานี้ต้องใช้เงินเกือบพันล้านขยายกิจการ
ก็ได้ไปใช้บริการวงเงินขายฝากเหล่านี้ในวงเงินหลายร้อยล้านบาท

ชายหาดส่วนตัวบนที่ดินของ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" ปัจจุบันมีการเดินสายไฟฟ้า
เข้าพื้นที่เรียบร้อยแล้ว


นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่ากันอีกว่า
อาจจะด้วยวิธีการนี้นั่นเองที่เพิ่งทำให้ท่าเรือแห่งหนึ่งที่มีมูลค่าราว
600 ล้านบาท ตกไปอยู่ในมือของกลุ่มนักการเมืองในระบอบทักษิณ
ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่ามีหัวหอกคือ "เจ๊ ส." นักการเมืองหญิงผู้คร่ำหวอด
ซึ่งปรากฏการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นประมาณ 2 เดือนมานี้เอง

เป้าหมายคือโครงการบ้านหรูขายฝรั่ง

จากการที่นักการเมืองและนายทุนใช้ธุรกรรมนอกระบบกว้านเอาที่ดินไปเก็บไว้ในมือจำนวนมาก
ที่ดินเหล่านั้นย่อมต้องถูกนำไปสานต่อด้วยธุรกรรมในระบบ
อันเป็นการผ่านกรรมวิธีฟอกเงินให้ดูขาวสะอาด พร้อมๆ
กับสามารถที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นเม็ดเงินเก็บเข้ากระเป๋าได้ด้วย
ซึ่งธุรกิจที่นิยมนำที่ดินบนเกาะสมุยไปทำกันก็คือ
โครงการพัฒนาที่ดินเป็นที่อยู่อาศัยในรูปแบบบ้านพักตากอากาศสุดหรูหรา
เพื่อขายให้แก่เศรษฐีต่างชาติ
ที่ผ่านมาก็มีคนดังระดับโลกแห่มาซื้อไว้แล้วมากมาย
ซึ่งในบรรดาลูกค้าเหล่านั้นมีชื่อของซูเปอร์สตาร์ในวงการลูกหนังโลกอย่าง
เดวิด โรเบิร์ต โจเซฟ เบคแฮม รวมอยู่ด้วย

ดังมีตัวอย่างการรวมรวบที่ดินบนเกาะสมุยของนักการเมืองเพื่อนำไปพัฒนาในรูปแบบดังกล่าว
ที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วคือ ครอบครัวนักการเมืองใหญ่อย่าง นายสุเทพ
เทือกสุบรรณ กำลังพัฒนาที่ดินที่เคยถูกนำไปใช้ซักฟอกบนยอดเขาแพงใน
ต.แม่น้ำ ที่มองเห็นวิวทะเลสวยงาม 2 ฝั่งของเกาะสมุย รวม 7 แปลงกว่า 173
ไร่ ให้เป็นโครงการบ้านพักตากอากาศหรูมูลค่าหลังละกว่า 30 ล้านบาท
ขณะเดียวกันที่ดินชายหาดอีกประมาณ 4-10 ไร่ ที่บ้านปลายแหลม ต.บ่อผุด
ก็มีแผนจะขึ้นโรงแรมหรูเช่นกัน

หรืออย่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
ว่ากันว่ามีที่ดินและกิจการบนเกาะสมุยจำนวนมาก เช่น ร้านอาหาร
ท่าเรือซีฟู้ดบนเนื้อที่ 3 ไร่ ใกล้จุดชมวิวก่อนถึงหาดละไม
และก่อนหน้านี้เคยนำที่ดินชายทะเลหลายสิบไร่ที่บ้านบางรัก ต.บ่อผุด
ไปพัฒนาเป็นโครงการบ้านพักตากอากาศหรูเช่นกัน
แล้วเคยใช้รับรองบรรดานักการเมืองร่วมสังกัดช่วงที่ระบอบทักษิณเรืองอำนาจอย่างเอิกเกริกมาแล้ว
แต่ปัจจุบันโครงการมีอันต้องสะดุดไป

นอกจากนี้ก็มีเสียงร่ำลือว่า นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ
เพิ่งจะใช้เงินกว่าครึ่งพันล้านบาทซื้อที่ดินบนเขาของเกาะสมุยไปเก็บไว้รอการพัฒนาประมาณ
200 ไร่ไปหมาดๆ ในพื้นที่บ้านพังกา ต.ตลิ่งงาม
ซึ่งก็เป็นบริเวณไม่ไกลจากบ้านพักตากอากาศหลังงามบนเขาที่มีอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
หรืออย่างนายยุรนันท์ ภมรมนตรี เมื่อครั้งก้าวสู่การเมืองใหม่ๆ
ก็ได้ซื้อที่ดินชายทะเลย่านแหลมสองไปเก็บไว้ประมาณ 40 ไร่ ซึ่งติดๆ
กับที่ของนายดำรง พุฒตาล อดีต ส.ว.เลือกตั้งปี 2544

ป้ายประกาศขายหรือให้เช่าที่ดินยังเกลื่อนในเกาะสมุย
ซึ่งเป็นสัญญาเช่าที่อายุยาวกว่า 30 ปี ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือต่างชาติ
เปรียบเสมือนกับการขายกรรมสิทธิ์ให้แก่ชาวต่างชาติ


สุดท้ายถูกทยอยถ่ายเทสู่มือต่างด้าว

เป็นที่น่าสังเกตว่า
การบูมขึ้นมาอย่างพรวดพราดของธุรกิจที่ดินบนเกาะสมุยช่วงหลายปีมานี้
ถือเป็นตัวเร่งให้เกิดการเร่งรัดการออกเอกสารสิทธิแบบไม่เป็นไปตามตัวบทกฎหมาย
หลายต่อหลายครั้งมีการตรวจพบเทคนิคการทำให้ สค.1ทั้ง "บินได้" และ
"บวมได้" ทั้งนี้ก็เพื่อให้สะดวกต่อการนำที่ดินไปพัฒนาเพื่อขายเศรษฐีต่างชาติต่อ
เรื่องเหล่านี้เป็นข่าวครึกโครมและถูกนำไปอภิปรายในสภาฯก็บ่อยครั้ง
มิพักต้องพูดถึงการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ป่าเขาและแหล่งต้นน้ำลำธารต่างๆ

ไม่เพียงแต่นักการเมืองเท่านั้นที่ถูกดำเนินการในเรื่องนี้
กลุ่มนายทุนอื่นๆ ก็มีข่าวคราวให้เห็นมากมาย อย่างเมื่อปี 2551
กรมที่ดินสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ นส.3 ก. จำนวน 6 แปลง เนื้อที่กว่า 100
ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินบนเขาด่าง ม.1 ต.บ่อผุด ในโครงการเดอะพีคของบริษัท
เกรดฮิลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัท ราชธานี จำกัด
ซึ่งเป็นบริษัทในเครือโรงพยาบาลปิยะเวช ที่มี นพ.บุญ วนาสิน เป็นเจ้าของ
นอกจากนี้ที่ดินที่กลุ่มทุนยักษ์น้ำดำภาคใต้
ครอบครองอยู่จำนวนมากก็ไม่สามารถนำไปพัฒนาอะไรได้มาก
เพราะเกรงว่าจะขัดกฎหมาย เป็นต้น

สิ่งเหล่านั้นอาจจะช่วยชะลอไม่ให้ที่ดินบนเกาะสมุยตกไปอยู่ในมือต่างชาติเร็วขึ้น
รวมถึงช่วยให้เกิดเกิดการทำลายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมได้บ้างก็จริง
แต่ในสภาพที่เห็นและเป็นอยู่กลับยังพบว่า
ความพยายามจะพัฒนาบ้านหรูขายฝรั่งจากกลุ่มนักการเมืองและนายทุนก็ยังมีพลังอยู่มาก
ซึ่งที่ผ่านมามีการประเมินว่าที่ดินเอกสารสิทธิ์บนเกาะสมุยที่มีอยู่
97,152 ไร่เศษนั้น เวลานี้น่าจะตกไปอยู่ในมือต่างชาติแล้วเกินกว่าครึ่ง
ทั้งในรูปแบบของการครอบครองโดยนิติบุคคลที่มีคนไทยเป็นนอมินีให้
และการซื้อสิทธิ์ในระยะยาว 30 ปี

แถมการลงพื้นที่เกาะสมุยของทีมข่าวเฉพาะกิจ "ASTVผู้จัดการ"
ยังพบข้อมูลว่า ***แม้ในเวลานี้ธุรกิจการท่องเที่ยวบนเกาะสมุยจะซบเซาลงไปก็จริง
แต่การเสนอขายที่ดินและบ้านพักตากอากาศต่อชาวต่างชาติก็ยังเป็นไปแบบคึกคัก
สิ่งนี้สังเกตได้จากป้ายโฆษณาเชิญชวน
และประกาศขายที่ดินทั้งบนแนวภูเขาและชายหาด
ยังโดดเด่นกระจัดกระจายอยู่ในหลายพื้นที่
ที่สำคัญป้ายแทบทั้งหมดจะระบุชัดเจนไว้เลยว่า
ให้สิทธิ์ชาวต่างชาติสามารถถือครองได้ถึง 30 ปี***

"ทุกวันนี้เป็นที่รู้กันของคนสมุยว่า
บนเกาะมีเครือข่ายฝรั่งกว้างขวางอยู่อย่างน้อย 2 กลุ่มที่ขึ้นชื่อคือ
กลุ่มค่ายมวยซูเปอร์โบ มีผู้นำเป็นชาวออสเตรเลีย กลับกลุ่มบาดีโด๊ด
มีผู้นำเป็นชาวอิสราเอล
หรือเราจะเห็นบริษัทมากมายที่มีต่างชาติอยู่เบื้องหลัง
หรือแม้แต่ร้านรวงเล็กก็มีจำนวนมากที่เป็นของต่างชาติโดยพฤตินัย
เพราะฝรั่งเขาเปิดให้ภรรยา
มีเรื่องเล่าสนุกของนักท่องเที่ยวคนไทยที่มาเที่ยวสมุยว่า
เขาไปซื้อเหล้าที่ร้านค้าแบบชาวบ้านธรรมดาๆ ปรากฏว่า
ฝรั่งเป็นคนขายในราคาแพง ทั้งๆ ที่เป็นเหล้ายี่ห้อไทย
แต่คนไทยกลับต้องซื้อในราคาแบบฝรั่งเสียนี่
เลยกลายเป็นเรื่องโจ๊กเรื่องไปกินเหล้าฝรั่งที่สมุย"

นี่คือคำบอกเล่าของคนในวงการธุรกิจท่องเที่ยวบนเกาะสมุย
พร้อมเสริมด้วยว่า
เรื่องนี้มีนัยยะว่าวันหนึ่งคนต่างด้าวอาจจะครอบครองเกาะสมุยในอีกไม่ช้านานนักก็เป็นได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น