++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ชีวิตเด็กบ้านสวนบางลำเจียก - ไข่เต่ายำเต่า (๒)

แก้ว แกมทอง

            การแกงเต่านี่เขาต้องย่างเต่าก่อนนะ อ้อ ไม่ใช่ย่าง ต้องเรียกว่าเผา คือ เขาขุดหลุมเข้าลึกสักหนึ่งศอก แล้วก็ถีบเต่าลงไปที่ก้นหลุม เอาไฟฟืนสุมเข้าข้างบน คอยเฝ้าไฟให้ดีอย่าให้นานนัก เพราะถ้านานเกิน พอเอาตัวเต่าขึ้นมา มันจะไหม้ดำเป็นตอตะโกหมด เขาว่าทำให้เนื้อมันแห้ง กินไม่อร่อย

            พอแคะเนื้อเต่าออกจากกระดองมาหั่นแล้ว เขาก็เอาน้ำปลาเคล้าลงไป เรื่องน้ำปลานี่ต้องใส่ให้พอดีกับที่ต้องการเลย คือ อีตอนแกงไม่ต้องใส่อีก ต้องใส่หมักอีตอนก่อนแกงให้พอดี เรื่องนี้สำคัญ จะพลาดไม่ได้ แล้วก็เอาน้ำตาลเมาใส่ลงไปกะลาหนึ่ง ค่อยๆเคล้วหมักไว้

            แกงเต่านี้เครื่องเทศทุกอย่างต้องเอามาคั่วรวมก่อน รวมทั้งพริกแห้งด้วย และตำละเอียดยิบ กะทิที่ใช้ต้องเคี่ยวให้แตกมัน ช้อนเอาตรงหน้าข้นๆนั้นแหละมาใส่ในกระทะ เอาน้ำพริกแกงใส่ลงไปผัด พอกลิ่นออกโขมงก็เอาเนื้อเต่าใส่ลงไปเลย แกงในกะทะนั่นแหละ ค่อนๆช้อนกะทิมาใส่คนไปเรื่อยๆ ไม่ให้ติดไหม้ก้นกระทะได้ แต่พอมาถึงตอนนี้เขาก็ราไฟหมดแล้ว น้ำแกงเดือดแค่ปุดๆ แต่กลิ่นอย่าบอกใคร ฉุนตลบออกไปหลายพันลี้ แล้วก็เอาพริกอ่อน โหระพาใส่ลงไป แล้วยกลง ไม่ต้องใส่มะขงมะเขืออะไรทั้งสิ้น เขาว่าจะทำให้เสียรส

            เรื่องแกงเต่านี่พวกนี้เขาพิถีพิถันมากนะ จะหยิบจะจับทะนุถนอม คือมาถนอมเอาอีตอนมันตายแล้วเนี่ย รู้สึกว่ามันจะมีราคาค่างวดยิ่งกว่าแกงงูต่างๆเสียอีก เวลาตักแบ่งเอาไปให้ใครสักถ้วยหนึ่ง เขาก็ถือสองมือประคองทีเดียว  ค่อยๆเดินชูไป จะทำกระฉอกสักนิดหนึ่งก็ไม่ได้ เขาว่ามันบาป เป็นงั้น...

            ส่วนเรื่องยำเต่านั้น แต่เอ... ผู้เขียนเพิ่งมานึกได้ว่า ที่จั่วหัวเรื่อง เรื่องไข่เต่าน่ะ ผู้เขียนไม่ได้พูดถึงเรื่องเต่าจริงๆสักกะหน่อย จะพูดถึงเรื่องดงมะไฟต่างหากเล่า

            คือ เมื่อแล้วๆมานั้นผู้เขียนก็ได้เล่าถึงเรืองลำไย อันเป็นผลไม้หลักของชาวสวนบางลำเจียกไปแล้ว ที่นี้ก็จะได้เล่าถึงเรื่องผลไม้ที่รองๆลงมาบ้าง ซึ่งก็มีอยู่หลายรอง อย่างทุเรียน มังคุด ละมุด มะไฟ คือ มีหลายอย่างน่ะ แต่รองจากลำไยที่ปลูกมากที่สุดก็เป็นทุเรียน แต่ทุเรียนนี่มันลูกใหญ่ เวลาเล่ามันก็ต้องเล่าเป็นเรื่องใหญ่ ผู้เขียนเลยเก็บเอาไว้ก่อน มะไฟนี่มันเป็นลำดับสาม แล้วลูกมันเล็กๆดี จะได้เล่าได้เล็กๆ ตามลูกมันไปด้วย

            ทำเล่นไป เด็กๆเดี๋ยวนี้บางคนไม่รู้จักมะไฟนะ เด็กบางคนอายุตั้งยี่สิบกว่าแล้ว เดินผ่านต้นมะไฟยังถามว่า นี่ต้นอะไร  เพราะตั้งแต่เด็กก็เคยร้องเล่นแต่ว่า...จ้ำจี้ผลไม้ แตงไท แตงกวา ขนุนน้อยหน่า พุดทรามังคุด ละมุดลำไย มะเฟืองมะไฟ มะกรูดมะนาว มะพร้าวส้มโอ ฟักแฟงแตงโม ไชโยโห่ฮิ้ว.....


            แต่มะไฟนั้นยังพอมีขายให้เห็นบ้าง แม้จะน้อยลงไปทุกที่ก็ยังเรียกว่พอมีให้เห็นบ้าง แต่มะเฟืองนั่นซี ตัวผู้เขียนยังแทบจะลืมลักษณะต้นของมันไปแล้ว จำได้แต่ว่าลูกมันใหญ่ขนาดลูกมะม่วง ผิวของลูกเป็นกลีบๆ กลีบนั้นยาวตามลูก ผิวพรรณเหลืองอมขาว เปล่งปลั่งน่ากิน รสชาติหวานอมเปรี้ยวชุ่มคอ เมื่อตอนเด็กๆ ได้ยินเขาว่า ถ้าสาวๆกินมะเฟืองแล้ว จะทำให้ฟอกเลือดดี ผิวพรรณจะเปล่งปลั่งเหมือนลูกมะเฟืองแหละ เท็จจริงไม่ทราบได้เพราะบางคนก็ว่าไม่ดี

            แต่เดี๋ยวนี้ยังพอมีแต่มะไฟ ซึ่งพอล่วงเข้าเดือนห้าเดือนหกเนี่ย มะไฟก็วายตลาดไปแล้ว ถ้าพอเหลืออยู่บ้างเรียกว่าออกล่ากว่าเขา ก็เป็นมะไฟที่กินไม่อร่อยแล้วเนื้อหนังไม่เต่งตึง แห้งๆ ลีบๆเปรี้ยวจี๊ด อย่างพวกเราเด็กๆ ชอบเก็บเอามาแกะกลีบมันใส่ฝ่ามือ แล้วตบปับๆร้องว่า ....มะไฟเดือนห้า ลูกหว้าเดือนหก ฝนฟ้าไม่ตก ท้องขึ้นท้องพอง ...เนื้อมะไฟมันโดนตบก็จะขึ้นอืดช้ำแดง เอาใส่ปากทั้งเปรี้ยวทั้งฝาดต้องถ่มทิ้ง



            (อ่านต่อตอนที่ ๓)


ที่มา ต่วยตูน ฉบับเดือนตุลาคม ๒๕๓๐ ปีที่ ๑๗ เล่มที่ ๒

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น