ชีวิตกับความรัก
ธรรมบรรยายโดย เขมานันทภิกขุ
แสดงแกคณาจารยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒบางเขน
๑๑กันยายน๒๕๑๘
ทานรองอธิการบดี ทานคณาจารยและนักศึกษาผูสนใจในหัวขอของธรรมบรรยายทั้งหลาย
สําหรับหัวขอที่บรรยายในวันนี้ดูคอนขางจะเสี่ยงหรือไมก็คงทําความแปลกใจใหแกทานผูฟง
บางไมมากก็นอย ถาวาหัวขอนี้ไดถูกพูดหรือบรรยายโดยผูที่เปนฆราวาส
ก็คงจะไมนาแปลก
ประหลาดอะไร แตครั้นทานทั้งหลายทราบวาอาตมภาพผูเปนบรรพชิตเขามาพูด
ในหัวขอที่
เรียกวา ชีวิตกับความรักดวยแลวอยางนอยที่สุดก็ทําใหแปลกใจวาทําไมตองมาพูดกันเรื่องนี้ดวย
เลา ขอนี้อาตมภาพอยากจะทําความตกลงกับทานผูฟงสักเล็กนอยกอนวา
สิ่งที่เรียกวาความรัก
นั้นมันไปปะปนกับสิ่งที่เรียกวากามารมณ
จึงเปนเหตุใหเกิดความเขาใจผิดเพราะไปหลงเขาใจวา
ความรักกับกามารมณเปนเรื่องเดียวกันเพราะฉะนั้นพอเห็นเรื่อง
ชีวิตกับความรักเทานั้นทุกคนก็
นึกถึงวาชีวิตกับเรื่องทางเพศ ซึ่งที่จริงเรื่องนั้นก็เปนเรื่องใหญ
และเปนเรื่องที่สําคัญที่สุดเหมือนกัน
ในชีวิตของมนุษย
แตคราวนี้ขอใหอาตมภาพนําทานมาสูเรื่องความรักชนิดที่ไมเกี่ยวกับกามารมณ
เลย ซึ่งดูเหมือนวาไมคอยจะมีใครเชื่อเสียแลวในโลกปจจุบัน
เมื่อเปนเชนนั้น จึงทําความแปลกใจ
ใหทานบางเล็กนอยในหัวขอนี้ที่ถูกพูดโดยบรรพชิต
แตถาทานทั้งหลายทราบวาอะไรเปนอะไรกัน
แนแลว บางทีทานจะรูดวยตัวเองวาผูที่เปนบรรพชิตนั้นแหละคือผูที่กําลังแสวงหาความรักที่
แทจริงดวย
ขอใหอาตมาตั้งตนชีวิตปจจุบันของมนุษยในสังคมที่กําลังสับสนเราจะพบความจริงในชีวิต
ของเราวา เรากําลังวาเหว
และบรรดาสัตวทั้งหลายในโลกนี้แลวไมมีสัตวชนิดไหนวาเหวเทามนุษย
จริงอยู เราเห็นความรื่นเริงในหมูมนุษยมนุษยรองรําทําเพลง
เตนรําหัวรอสนุกสนาน แตขอให
ทานทั้งหลายสังเกตดูใหดี ในมนุษยนี่แหละ
มีความวาเหวอยางลึกซึ้งและมนุษยกําลังรอคอย ซึ่ง
ไมทราบวาเรารออะไร
แตทุกคนรูสึกวารอคอยอะไรสักอยางหนึ่งที่จะมาเติมใหเต็มเพราะมนุษย
ทุกคนรูสึกกวาตัวเองนั้นยังพรองกําลังเหี่ยวแหงและกําลังรอคอย
รออะไรสักสิ่งหนึ่งที่เราอาจจะ
ตอบไมไดก็ไดวาเรารออะไร
สําหรับบางคนอาจจะรอความร่ํารวย หรือรอเงินหรือรอเกียรติยศแตบางคนไมตองการความ
ร่ํารวยหรือเกียรติยศ
แตทุกคนปฏิเสธไมไดวาทุกคนตองการสรณะหรือที่พึ่ง
ไมวาเขาผูคนจะเปน
ชายที่แข็งแกรงหรือเปนหญิงที่มีรูปโฉมสะสวยขนาดไหน
ทุกคนยังรูดีวาตัวเองพรองและรอคอย
ดวยเหตุนั้นความวาเหวอยูในทามกลางการรอคอยนั้นแหละจึงเกาะกินใจมนุษยอยูแตมนุษย
ฉลาดพอที่จะกลบเกลื่อนความวาเหวนี้ไวดวยทาทีอื่น แตแมกระนั้นก็ดี
ในเรื่องของปจเจกบุคคล
Page 2
แลวทุกคนจะตองไดยินเสียงกระซิบของตัวเอง เราทําลังคอย
รอคอยอะไรก็ไมรูได ที่จะมาเติมให
เต็ม และถาทานเฉลียวใจใหดีสักหนอยจะพบวา
สิ่งที่ทานรอคอยนี้แหละคือความรัก เรากําลัง
ตองการความรักชนิดหนึ่งชนิดใด เติมชีวิตที่พรองนี้ใหเต็ม
และการรอคอยที่จะเติมใหเต็มนั่น
แหละ คือการแสวงหาความรักหรือที่พึ่ง
แมวาทานจะเขาใจที่พึ่งนั้นในระดับไหนก็ตาม แตในจุดสูงสุดแลว
สิ่งที่เรียกวาความรัก จะ
กลายเปนเรื่องยิ่งใหญที่สุดใหญชนิดที่อาจจะคาดไมถึงการรอคอยของมนุษยเพื่อจะถึงวันเต็ม
เปยมนั้นไดเพาะบุคลิกภาพขึ้นชนิดหนึ่งนั้นคือความโศกซึมในขณะที่รอหรือไมก็ใหเต็มไปดวย
ความหวัง และความหวังซึ่งจะมาถึงพรอมกับรสหวานของชีวิต
เรารูสึกวาเราตองการใครสักคน
หนึ่งมาชวยปลอบประโลมในขณะที่เราเศราโศก
หรือมาชวยรวมรื่นเริงเมื่อเราประสบโชค เรา
ตองการจะรวมกันบันเทิงกับเพื่อนมนุษยหรือใครคนหนึ่งที่เขาใจเรามากที่สุด
แตเรามักจะไมคอย
คิดวาเมื่อคนนั้นเขาใจเราแลว เราจะพยายามเขาใจเขาใหมากที่สุดดวย
ดวยเหตุนี้การแสวงหาความรักจึงมีเงื่อนไขที่สําคัญมากโดยเหตุที่วาทานกําลังแสวงหาคนอื่น
มาสนับสนุนตัว และเพื่อตัวจะไดรักเขา ซึ่งเปนเพียงผลตอบ
หลังจากที่เขารักเรา เมื่อเปนเชนนั้น
ขอใหดูใหดีสักหนอยเถิดวาการแสวงหาความรักหรือสรณะเชนนั้นเปนการลงทุนมันมีขอแมวา
ถาเธอไมรักฉันฉันก็ไมรักเธอ
ขอนี้เปนไปไมไดที่เราจะเรียกสิ่งนี้วาเปนความรักที่แทจริง เรา
ตองการใครสักคนหนึ่งมางอนงอเรา
เราอาจจะเรียกมันวานี้เปนทาทีหรือลีลาของความรักที่จริง
นั้นไมใชความรักจะตองไมหมายถึงการเรียกรองหรือรุนแรง
ความรักจะตองไมหมายถึงการพรอง
อยูขางใน แลวเพื่อจะหาตัวบุคคลอื่นมาเติมใหเต็ม
ความรักจะตองหมายถึงความเต็มเปยมและ
ลนออกไปสูผูอื่น เพราะฉะนั้นเองความรักจะตองหมายถึงการให
ไมไดหมายถึงการเรียกรองเลย
ถาวาความรักเปนการเรียกรองนั้นมิใชความรักแตทานกําลังขาดความรักตางหาก
แลวทาน
จะรักใครที่ไหนได และจะรักใครเปนไดเลา
ฉะนั้นคนที่วาเหวถึงแมเขาจะตองการความรักเขาจะ
เปนนักรักไมได เพราะฉะนั้นจะตองถามตนเองวาพรอมแลวหรือที่จะรักใคร
ทานพรอมแลวหรือที่
จะรักลูกหรือรักเพื่อนขอนี้ตองถามกันใหแนนอน
แตอยางไรก็ดีแมวาทุกคนที่เกิดมาในลูกรีฑา
แหงชีวิตนี้กําลังวาเหวกระสับกระสายระหกระเหินดวยคํานิยมหรือสถานะในสังคมหรือดวยอะไร
ๆสารพัดที่แวดลอมเราอยูทั้งๆที่เราไมรูความรักคืออะไร
ไมรูวาความตายคืออะไร ตั้งแตเกิด
จนกระทั่งแกแลวก็ตายไปแตมนุษยก็ไดวิ่งฝาหมอกของชีวิตเขาไปแลว
เราไมรูวาความรักคืออะไร
ทั้งๆที่เรามีลูกตั้งหลายคนแลว เราไมรูวาความตายคืออะไร
แตเราใกลความตายเขาไปทุกที ๆ
แมกระนั้นก็ดีทั้งๆที่มนุษยไมรูวาเขากําลังตองการอะไร
แลวแสวงหาอะไร แตพระธรรมเจา
หรือพระธรรมชาติเจาไดวางกับไวสําหรับดักเด็กหนุมสาวของเรา
เพื่อเขาจะไดไมพลาดจากสินคา
ตัวอยางของพระองค นั่นก็คือวาพระธรรมเจาไดใหเขาชิมรสแหงพระธรรม
ผานทางความรักขอนี้
ทานอาจจะไมเคยคิดวา ความรักนั้นแหละคือพระธรรม แตวาขอตกลงกันกอนวา
ความรักในที่นี้
Page 3
จะตองหมายถึงการหยุดกระวนกระวาย ระหกระเหิน และสิ้นสุดความวิตกกังวลใด ๆ
ทั้งสิ้นพระ
พุทธองคตรัสวา ความสิ้นกังวลนั้นหาใชอะไรอื่นไม นั้นคือพระนิพพาน
ดวยความสิ้นกังวลที่
เด็ดขาด สิ้นเชิงนั้นแหละคือความรักที่เด็ดขาดสิ้นเชิง
เพราะฉะนั้นเอง พระธรรมเจาหรือธรรมชาติแหงชีวิตมนุษยจึงวางกับดักไว
แมเด็กหนุมคนนั้น
จะเปนคนกักขฬะ เด็กสาวคนนั้นจะเห็นคนไมใสใจกับเรื่องราวของศาสนา หรือความรักใด ๆ
ทั้งสิ้นในแงของศาสนา
แตในที่สุดเด็กหนุมสาวเหลานั้นจะตองพบกับสินคาตัวอยางเขา ในวันนี้
เขาพบกับความรักแรก เขาจะรูสึกถึงความลิงโลดใจของเขา
ความวิตกกังวลในชีวิตในเรื่องราว
ของอนาคต ดูเหมือนจะปลาสนาการสิ้นไปความเศรา ความโศกซึมจะไมมี ความวาเหวจะไมมี
เหลือและสิ่งนั้นเองคือสินคาตัวอยางของพระธรรมเจาแตวาเงื่อนไขนี้มีอยูโดยแนนอน
สิ่งที่
เรียกวาความรักชนิดนี้มันเปนอาการที่ทําใหเด็กหนุมสาวสะดุดความรูสึกอันสูงสุดเขา
เขาไดชิม
รสของสิ่งหนึ่งก็คือความรูสึกที่จะหยุดกระวนกระวาย
เมื่อไดรับความรักตอบ แตนั้นคือความหวัง
หรือจุดยืนชั่วคราวในลังคมที่กําลังสับสนนี้เทานั้นเมื่อเราพูดกันถึงคําวาสับสน
เหนื่อยหนายก็ยัง
มีอีกสิ่งหนึ่งที่เขามาทําใหหัวใจของเด็กหนุมสาวรูสึกชุมชื่นก็คือความรัก
และสิ่งที่เรียกวาความรัก
นี่แหละเด็กหนุมสาวทั้งหมดกําลังแสวงหา
และแมแตคนชราก็กําลังแสวงอยูแตตางระดับ ตาง
ความหมาย ตางความลึกซึ้งเทานั้นเอง
ความรักนั้นเปนตนเหตุแหงความบันดาลใจทั้งมวล
ไมวาเปนเหตุบันดาลใจใหเขาเปนอาชญา
กรหรือเปนผูที่กระทําประโยชนใหมนุษยชาติอยางชนิดที่มนุษยจะลืมทานผูนําไมลงความรักเปน
เหตุบันดาลใจถึงขนาดที่วาทําใหเด็กหนุมที่เคยกักขฬะกลายเปนคนสุภาพออนโยน
เราไม
จําเปนตองพูดถึงทัชมาฮาลที่กษัตริยชาหเจฮัน
ไดสรางขึ้นเปนอนุสรณของชายาของพระองค แต
เรากําลังพูดถึงชีวิตประจําวันของเด็กหนุมสาวบนรถเมลนี่แหละ
ไมจําเปนตองพูดถึงอนุสรณหรือ
อนุสาวรียแหงความรักที่ยิ่งใหญของระดับโลก
แตเราพูดกันในแงประจําวันวา เมื่อเด็กหนุมสาว
เริ่มตนรักกันความกักขฬะหยาบคายของเขาจะเริ่มหายไป
เขาจะรูสึกเห็นใจคนชราที่ตองยืนบน
รถเมล และเขาจะทนไมได เขาจะตองลุกขึ้นใหคนชรา
หรือคนที่ออนแอกวานั่งแทนที่เขา ดวย
ความรูสึกอับอายขายขี้หนาคูรักของเขาเอง
ดวยเหตุนี้ ขอใหดูใหดีเถิดวาความรักนี้เปนเหตุที่จะกลับสันดานเด็กหนุมทั้งหลายได
เพราะฉะนั้นความรักนั้นแหละคือธรรมะและธรรมะนั่นแหละคือความรัก แตวามันยังมีความ
ลึกซึ้งหรือตื้นเขินตางกันอยูตามลําดับแหงความเขาใจของแตละคน
ที่วาความรักเปนเหตุแหงความบันดาลใจใหเกิดเรื่องราวอันใหญหลวงในโลกนี้
และเบื้องหลัง
ของการสํานึกเปลี่ยนนิสัยสันดาน
แตเบื้องหลังของประวัติศาสตรของมนุษยชาติก็ยอมมีทั้งความ
รักและความเกลียดชังซอนอยูขางหลังเสมอไป
เพราะวาความรักนั้นมันเปนเงื่อนไขตน ความรักที่
Page 4
หญิงรักชายหรือชายรักหญิงนั้นมันเปนเพียงเงื่อนไขชวงตนเทานั้นเอง
ถาเขาไมอาจที่จะรูธรรมะที่
สูงกวานั้นไดแลว ความรักชนิดนั้นจะหันกลับมาเปนความเกลียดชังโดยแนนอน
ขอใหเราพิจารณาดูเหตุการณ หลังจากกษัตริยชาหเจฮัน
ไดสรางอนุสรณรักอันยิ่งใหญขึ้น
แลว กษัตริยโอรังเชฟจึงตองจับพระราชบิดามากักขังไวเพราะความรักของพระองคนั้นมันเปน
ความรักที่เห็นแกตัว เห็นแกความรักเห็นแกความรูสึกของตัวเอง
โดยไมไดรักอีกสิ่งหนึ่ง คือมวล
มนุษยหรือประชาชาติของพระองคที่เปนลูกๆ
ของพระองคทานซึ่งเปนเหตุใหเศรษฐกิจของประเทศ
ทรุดโทรมลงเพราะการทุมเงินก็สรางทัชมาฮาลเพียงเพื่อเปนอนุสรณรัก
ความรักนั้นมีคุณคา แตมองอีกแงหนึ่งมันมีโทษพระพุทธองคจึงตรัสวา
ดูกอนภิกษุทั้งหลาย
เธอทั้งหลายอยาทําสัตวสังขารใหเปนสิ่งรัก
เพราะวาความพลัดพรากจากสิ่งรักเปนความต่ําทราม
และขอไดโปรดกําหนดใหดีวา ความรักนั้นเปนของถูกตอง
แตความพลัดพรากจากสิ่งรักนั้นเปน
ความทรามของชีวิต คือมันจะเปนความระหกระเหินเจ็บปวด ขมขื่นมันเปนโทษของความรัก
สวนตัวความรักไมมีโทษอะไรนัก เชนเดียวกับความสุขก็ไมมีโทษ
แตวาเมื่อมันพลัดพราก หรือวา
สุขหรือรักนั้นจางลง โทษมันจะสําแดงออกมา แลวมันจะกลายเปนความเกลียดชังชิงชัง
ฉะนั้น ผามือที่เคยลูบประคองซึ่งกันและกันมันจะกลับเปนมือที่ตบหนาเอาก็ได
เมื่อความรัก
ผันแปรไปเปนความชัง
ความรักจะกลายเปนความเกลียดชังไดละหรือแตเราไดพบความจริงไมใช
หรือวาในชวงหนึ่งที่เขากําลังรักกัน
แตอีกระยะหนึ่งมันอาจจะกลับเปนความเกลียดขึ้นมาจับใจนี่
อะไรกันเลาทั้งความรักและความชัง ไดผูกพันกันอยูจนดูสับสน
สิ่งที่เรียกวาความรักนั้น
จําเปนตองคํานึงถึงเงื่อนไขของมันวามันตกอยูใตอํานาจของไตร
ลักษณ คือความเปนอนิจจํทุกขํ
อนตฺตาถาวาความรักไดถูกเห็นในลักษณะเชนนี้ทานจะรูดวยตัว
ของทานเองวา สิ่งที่เรียกวาความรักนั้นไมใชเรื่องมักงายเสียแลวคนจะรักกันไดจะตองตัดสินใจ
และตองอาศัยความอาจหาญและกําลังใจไมใชนอยเลยในการที่จะรักใครสักคนหนึ่งและคนทั่วไป
คิดวา เมื่อเราจะรักกันไมเห็นจะตองเกี่ยวกับความกลาหาญและกําลังใจ
เขาไมรูวาความรักนั้นที่
แทจริงแลวคือเรื่องเดียวกับสมาธิและวิปสสนาถาทานไมมีสมาธิทานจะรักใครไดจริง
อาตมภาพ
ถามสักคําเถิดวาถาทานจะรักใครสักคนหนึ่งจําเปนที่จะตองมีสมาธิพอที่จะรักเพราะความรักคือ
สมาธิ ในสมาธินั้นแหละความรักจะปรากฏใหเห็น ดวยเหตุนี้เอง
เราตองคํานึงถึงเงื่อนไขใหดีสัก
หนอยวา ถารักดวยอํานาจแหงความโงเขลา ออนแอ
แลวความรักนั้นคือการสะสมดอกเบี้ยแหง
ความชิงชัง
ขอย้ําอีกทีวาการที่เราฝากเงินของความรัก
ฝากแบงคของความรักไวมันจะผลิผลเปนดอกเบี้ย
ทบตน๒ เทาเปนความเกลียดชัง เพราะมันมีเงื่อนไขวา
เธอรักเขาแลวมันเหนื่อย และมันก็หนาย
เพราะวาถาทานทั้งหลายรําลึกถึงหัวขอบรรยายที่ไดพูดเมื่อคราวกอนคือเรื่องการกําหนดและการ
Page 5
ถูกกําหนดขึ้นมาไดแลวทานจะพบเองวาความรักเปนอาการปรุงแตงของจิตใจ
จริงอยู เมื่อเรารัก
มันปรุงแตงไปในแงของความซาบซาน อิ่มเอิบแตสักครูหนึ่งมันจางลง
และเราจะตองปรุงมันขึ้น
เรื่อย แลวเราจะตองปรุงมันขึ้นอีก
เพราะฉะนั้นเมื่อนานเขาเราจะระอาตอจิตใจของเราเองที่ถูก
กระตุนใหรักหวงแหน เปนหวง
เราคิดวาความรักคือความถูกใจคราวนี้เปนความเขาใจผิดที่ราย
กาจที่สุด ความรักแทไมใชความถูกใจ แตความรักครั้งนั้นคือความถูกตอง
ความถูกใจนั่นแหละ
มันทําใหใจฟูขึ้น
และเพราะความถูกใจมันจึงทําใหติดใจไดดวยเมื่อไมไดดังใจ
แตความรักจริงตอง
หมายถึงความถูกตองความถูกตองในที่นี้หมายความวาถูกตองตามธรรมชาติกําหนดมา
เมื่อเปน
เชนนั้นเราจะตองคํานึงวา เมื่อเกิดความรัก
เรากําลังถูกกําหนดใหชีวิตเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้น
เมื่อรูสึกวาถูกกําหนดใหชีวิตเปลี่ยนแปลง
เราจะรับสถานะแหงความเปลี่ยนแปลงนี้อยางไรกันเมื่อ
หญิงชายรักกัน เขาพรอมแลวหรือที่จะรับความเปลี่ยนแปลงจากสถานะที่เคยเปนชีวิตเดียวมาเปน
ชีวิตคู ซึ่งจะตองรับผิดชอบรวมกัน
เปนพรอมแลวหรือไมขอนี้ดูเหมือนจะเปนความสะเพราของ
มนุษย ดูเหมือนกามเทพจอมสะเพราไดแผลงศรสะเพรา
ๆเอาอยางชนิดที่ไมมีเหตุผลใด ๆทั้งสิ้น
นาจะตั้งตนถามกัน เหมือนที่เช็คสเปยรประพันธไววา
๏ ความเอยความรัก
เริ่มสมัครชั้นตนที่หนไหน
เริ่มเพาะเหมาะกลางหวางหัวใจ
หรือเริ่มในสมองตรองจงดี
แรกจะเกิดเปนไฉนใครรูบาง
อยาอําพรางตอบสํานวนใชควรที่
ใครถนอมกลอมเกลี้ยงเลี้ยงรตี
ผูใดมีคําตอบขอบใจเอย ฯ
ขอนี้เปนเพียงคําประพันธ ซึ่งตองการความหวานทางวรรณศิลป
แตวามันมีความจริงอยูไม
นอยที่ถามวามันเกิดขึ้นไดดวยอะไรนะ
เดี๋ยวตอนทายอาตมาจะมีคําตอบเชิงไมใชอวดอุตริที่จะ
ตอบกวีระดับโลกเชนนั้นเขาเพราะเขามีคําประพันธของเขาวาผูใดตอบไดขอขอบใจดวย
แตเราไม
ตองการคําขอบใจ เพราะไมรูวาตอบถูกหรือผิด แตเปนเพียงขอเสนอแนะ
ใหทานทั้งหลายรับฟง
เทานั้นวามันเกิดขึ้นอยางไรมันถูกถนอมกลอมเกลี้ยงเลี้ยงความรักไวไดอยางไร
และดู ๆใหดีเถิด
วา สิ่งที่เรียกวาความรักนี้ดูๆมันไมคอยจะมีเหตุผลถามีเหตุมีผลแลวลองตอบคําถามดูวาทําไม
คนรูปสวยชายก็ได หญิงก็ได
ไปรักคูที่ขี้เหรขึ้นมาไดมันไมมีเหตุผลใดทั้งสิ้น
แตมันตองมีอีกสิ่งหนึ่ง
และสิ่งนั้นก็คือลักษณะแหงความบันดาลใจ
คือความที่ฝายหนึ่งทําใหอีกฝายหนึ่งหายวาเหวลงไป
ได
สําหรับความรักที่มาเสริมอหังการของตัวนั้น ไมอาจจัดเปนความรัก
เราอาจจะเรียกหญิงหรือ
ชายที่เขามาผูกพันกับเรานั้นวา ศรีภรรยา
สามีแตที่จริงแลวเขาอาจจะเพียงตองการหญิงผูหนึ่งมา
บําเรอเขา เพื่อจะไดแผขยายอํานาจของอหังการหรือหญิงตองการจะตักตวงอะไรอยางใดอยาง
หนึ่งจากชาย และเรียกชายนั้นวาสามีหรือศรีสามี
แตไมเห็นมีใครใชคํานี้เพราะฉะนั้นเอง ความรัก
Page 6
ที่ปราศจากเงื่อนไขคือไมรูเรื่องธรรมะแลวไมอาจจะเปนความรักได
แตเปนรูปหนึ่งของความพรอม
ที่จะกลายเปนความเกลียดชัง แลวเราก็พบความจริงวาชีวิตคนปจจุบันนี้
ถึงแมวาจะมีนักปราชญ
เกิดขึ้นมาก มีความคิดทางปรัชญาของชีวิตเกิดขึ้นมาก
แตมนุษยกลับพบความสําเร็จในชีวิตคู
นอยลง นอยลง นอยลง ครั้นเหลียวไปดูยาทวดของเรา
ซึ่งไมรูอิโหนอิเหนกับเรื่องปรัชญา กลับ
ประสบความสําเร็จในชีวิตคูอยางลึกซึ้งความสําเร็จนี้วัดกันที่ตรงไหน
ถาทานทั้งหลายวัดกันที่
หญิงชายคูนั้นไปคูกันในงานบอลล
ในงานค็อกเทลงานปารตี้วานั่นคือความสําเร็จของชีวิตคู
อาตมาจะบอกวานั่นเปนมายาสาไถย
เพราะมันเปนมาตรฐานของชีวิตคูที่เหลวไหลวางเปลาจาก
สาระแกนสารของชีวิต
เหมือนที่เฮมิงเวยลอเลียนชีวิตของชาวอเมริกันไวในเรื่องสั้นของเขาเรื่อง
หนึ่งวาหญิงชาย ๒คูที่แตงงานกันแลวนั่งรถไฟไปขบวนเดียวกันอยูคนละตู
สามีภรรยาทั้งสองคู
ตางทะเลาะกันไปตลอดทาง ดากันไปดากันมา
โทษกันไปโทษกันมาเมื่อถึงเวลาจวนจะกินอาหาร
ตองลุกไปที่ตูเสบียง พอไปถึง เจอกันเขาหญิงชายทั้ง
๒คูซึ่งเปนเพื่อนรวมโรงเรียนกัน ตางคูตางก็
มีมายาสาไถย สามีตางก็ยกมือโอบไหลภรรยา
ภรรยาก็แสรงยิ้มแยมทําเปนราเริง บีบเคนเสียง
หัวเราะเพื่อลวงเพื่อนวาเราสําเร็จในชีวิตคูเมื่อกินอาหารกันเสร็จยิ้มแยมหัวเราะกันเสร็จแลว
กลับไปนั่งที่ตูของตัว
ๆตางคูตางก็ทะเลาะกันตอนี่คือเรื่องราวของชีวิตคูที่เราพยายามที่จะลวงกัน
และกันวานี่คือการประสบความสําเร็จในชีวิตคูของเราที่จริงมันมีเพียงรูปแบบแลวพยายามที่จะมี
มายาสาไถยดูเหมือนวาพวกที่เรียกตัวเองวาเปนผูที่มีสุขภาพจิตดีนั้นขออภัย
ไมไดกระแนะกระ
แหนทานผูใดดูเหมือนวาชีวิตทางบานหาไดประสบความสําเร็จอะไรไม
แตดูเหมือนเที่ยวสอน
เพื่อนอยูทั้งเมืองวาชีวิตควรจะเปนอยางนี้ควรจะมีสุขภาพจิตอยางนั้น
แตพอกลับมาถึงบานของ
ตัวเอง ก็ทะเลาะกับสามีหรือทะเลาะกับคนใชหรือถึงขนาดเกลียดชังอาฆาตพยาบาทอิจฉากันก็มี
นี่สุขภาพจิตเสื่อมเอามากทีเดียว
เพราะฉะนั้นขอใหเหลียวดูความสําคัญของชีวิตคูของบรรพบุรุษ
ของเราใหดีที่เราหมิ่นวาเปนคนครึคระนั่นแหละ
แกเฒาเขาทานจูงมือกันไป สามีเดินหนาภรรยา
เดินหลังไปวัดและหลังจากชีวิตกามารมณมันจืดลง
มันเหลือแตเมตตาปรานีกันและกันเหมือน
พี่ชายกับนองสาว
คราวนี้ขอใหดูวาชีวิตของปรัชญาระบบไหนประสบความสําเร็จในชีวิตคู เราก็พบวา
ความสําเร็จที่เขาเอามาพูดกันนั้น เปนความสําเร็จจอมปลอม
แตจะพบวายาทวดของเราประสบ
ความสําเร็จจริง
โดยที่วาทานอาจจะไมมีปรัชญาของความรักทานก็ถูกจับใหแตงงานกันชนิดคลุม
ถุงชน ไมรูจักกันมากอน จับใหแตงงานกันแลวคอยๆ รักเห็นใจกันไปเอง
เพราะตางฝายตางมี
ธรรมะ มีคุณธรรมประจําใจฉะนั้นความรักมันเกิดที่ไหน
เกิดที่ตาเห็นเมื่อแรกพบหรือวามันเกิด
เพราะคุณธรรมกันแน ขอนี้ถาทานระลึกถึงพระพุทธองคแลว
บางทีอาจจะคิดอะไรขึ้นมาไดพระ
พุทธองคทานตรัสเรื่องบุพเพสันนิวาสทานตรัสวาความรักที่แทจริงนั้นตองเหมือนกับดอกอุบลกับ
น้ําดอกบัวกับน้ํามีสวนสัมพันธกันน้ําลึกเทาใด
สายบัวก็มีสวนสูงขึ้นเทานั้นควบคูกันไป จึงมี
Page 7
ภาษิตวาสามีเปนที่ปรากฏแหงภรรยา ควันเปนที่ปรากฏแหงไฟ
พระราชาเปนที่ปรากฏแหงแวน
แควน
สามีเปนที่ปรากฏแหงภรรยาหมายความวา ตองไดสัดไดสวน ตองมีศีลสามัญญตา ทิฎฐิ
สามัญญตา ตองมีอะไร
ๆที่จะตองมีความรูสึกเขาอกเขาใจกันไปและขอนี้ทานคงจะนึกถึงเรื่อง
สําคัญเรื่องหนึ่งซึ่งอาตมาจะฝากไวพูดตอนทาย
ตอนนี้ขอสรุปทีหนึ่งกอนวาความรักที่แทจริงนั้นจะตองไมไดหมายถึงความถูกใจของคนทั่วไป
นั้นมันเปนการเสริมอหังการของตัว
และถาไมถูกใจมือที่เคยเช็ดน้ําตาใหกลับเปนมือที่ทําใหน้ําตา
รวง เสียงที่เคยปลอบประโลมใหหายเศรา
กลับยิ่งทําใหโศกหรือเจ็บใจช้ําใจเขาไปอีก เพราะวา
ความรักชนิดนั้นมันเปนการแผขยายอํานาจของอหังการ
แตความรักที่แทจริงจะตองเปนการลด
อหังการ ซึ่งตองพิสูจนความรักชนิดนั้นดวยการลดอหังการลงดวยการรับใช
ไมใชดวยการเสนอ
เรียกรองใหผูอื่นรับใชตัว เดี๋ยวนี้เราพบกามเทพที่แสนสะเพรา
มันแผลงศรเด็กหนุมเด็กสาวขาง ๆ
ริมทาง และทําใหเพียงแตตาไดเห็นก็ชอบหูไดยินเสียงเพราะ
ๆก็รักหรือมีทิฏฐิเหมือนเราในเรื่อง
การมีความรุนแรงทางการเมืองชนิดลางผลาญเหมือนกันเราก็ชอบถาเชนนั้นกามเทพตัวนี้จะ
สะเพราขึ้น ๆทุกวันๆและการแตงงานหรือชีวิตคูจะหางจากโบสถออกไปทุกที ๆ
แตเดิมนั้นหญิงชายจะรักกันเขาตองไปหาพระ เพื่อเปนสักขีพยาน
ตองมีการอธิษฐานใจอยาง
รุนแรงที่สุด ตองมีการหมั้นมีการลองน้ําใจกันดูทดสอบกันดู
และมีอะไรมากมายเพื่อเปน
หลักประกันบางทีอาจจะหมั้นกันตั้งแตเด็กใหฝายพอแมของแตละฝายฝกฝนนักกีฬารักของตัวที่
จะลงวางในลูกรีฑาแหงชีวิตหาไมเชนนั้นแลว
ชีวิตที่ปราศจากการถูกฝกฝนมาอยางถูกตอง จะ
กลับกลายเปนลงสนามเพื่อประหัตประหารซึ่งกันและกันเพราะวาความรักที่ถูกเขาใจผิด
มันกลับ
กลายเปนเรื่องเพศกลับกลายเปนเรื่องกามารมณไปโดยถายเดียวและในที่สุดกามารมณนั้นหาใช
อะไรอื่นไม กามารมณคือการประทุษรายซึ่งกันและกันดวยอวัยวะเพศของตัว
กามนี้เปนเรื่อง
ประทุษรายซึ่งกันและกันโดยสมัครใจแลวก็มีสินสอดหรือสินบน
หรือคาจางของธรรมชาติ เปน
เครื่องลอเทานั้นเอง
อาตมภาพจะชี้ใหเห็นวามันเปนสินสอดอยางไรก็คือวากามารมณนี้ถาไมมีรสของมันแลวไม
มีใครทํามันเจ็บปวด มืดมัวเรารอน เพราะฉะนั้น
เมื่อธรรมชาติตองการใหมนุษยยังเผาพันธุไวจึง
จางหรือใหสินบนดวยอัสสาทะ คือรสอรอยของมันถาไมมีสินบน
มนุษยจะไมทําหนาที่นั้นและ
มนุษยเริ่มคดโกง หักหลังตอนายจางของตัว ระบบที่เรียกวาคุมกําเนิดนั้น
เขาไมตองการจะ
รับผิดชอบกับลูกของเขา
แตเขาตองการตักตวงรสอรอยจากเนื้อหนังซึ่งกันและกันอยางเดียว
เพราะฉะนั้นระวังใหดีเถิด ความรักชนิดนี้คือความหายนะ
ความรักเกี่ยวของไมไดกับเนื้อหนัง ถา
เกี่ยวของดวยความรูที่ถูกตองคือตองมีวิปสสนาตองรูจักธรรมะ
และรูวาเนื้อหนังหรือเรื่องเพศนั้น
Page 8
มันเปนของชั่วคราว และแมมันเปนของชั่วคราวนี้แหละ
ถาทําผิดมันจะกลับกลายเปนอุปสรรคของ
ความรักและจะทําใหความรักกลายเปนความเกลียด ไมอาจจะจบลงดวยความกรุณาได
เพราะฉะนั้นขอใหรําลึกถึงบรรพบุรุษของเราใหดีที่เคยประสบความสําเร็จในชีวิตมันมีอะไร
สิ่งหนึ่งซึ่งเปนระบบวัฒนธรรมที่ดีงาม ก็คือวาพระสงฆองคเจาตาง
ๆชวยแวดลอมใหชีวิตของคน
เหลานั้นออกจากเรื่องเพศอยางถูกตองเพราะวาไมเชนนั้นมันเปนอันตราย
เขามีระเบียบกฎเกณฑ
อยาหาวาอาตมาพูดหยาบคายก็แลวกันเพราะวาเดี๋ยวนี้ชักไมรูกันขึ้นแลววาวันพระ
วันโกน เขา
จะไมใหยุงเรื่องเพศกันเลย
วันพระวันโกนเรื่องเนื้อหนังตองหยุดและเปดโอกาสใหในวันอื่น และใน
วันอื่น ๆยังมีวันสําคัญๆทางศาสนาอีกมาก
เรื่องเพศนั้นไมกี่ปมันก็จบเพราะวามันเปนเพียง
เงื่อนไขของฮอรโมนเพศเทานั้นเมื่อเปนเชนนั้นจําเปนจะตองมีระบบชดใชกามารมณใหดี
เมื่อ
ชดใชถูกตองความผูกพันที่เคยเปนเรื่องเนื้อหนังก็ตองเปลี่ยนเปนเมตตาไปในที่สุดดังนั้น
เมื่อกาม
เหือดแหงไปจากดวงตาของผูชรา มันก็เหลือแตความเปนพี่ชายกับนองสาว
แลวก็จูงมือกันไปวัดไป
วา ไมมีเรื่องไมมีราวชนิดที่จะตองเอาปนยิงขมับกันหรือผูกคอตายประทวงประชดกันและกัน
เหมือนที่เราอานขาวหนังสือพิมพบอย
ๆถึงเรื่องราวของหนุมสาวที่เรียนมามาก ๆโดยไมรูเรื่องรู
ราวของชีวิต
คราวนี้อาตมภาพของไปถึงสิ่งที่เรียกวา อหังการของความรัก
ดูเหมือนวาเราจะลืมกําหนดมัน
เชนทานแนใจไดอยางไรวาทานรักลูกหรือรักเพื่อนหรือรักภรรยา
รักสามีของตัวทานมิใชกําลัง
รักตัวเองโดยผานหรือขอยืมมือคนเหลานั้นสนับสนุนดอกหรือถาพอแมรักลูก
แนใจหรือไมวาที่รัก
ลูกนั้นมิไดรักเพื่อเสริมอหังการของตัว
สมมุติวาลูกชายลูกสาวของคุณแมคุณพอทั้งหลายที่นั่งอยู
ที่นี่เปนคนหัวออนคณิตศาสตร
และคุณพอคุณแมอยากใหลูกไดดานทางนั้นเพราะยึดวานั้นจะ
เปนฐานกําลังใหไดมาซึ่งเงินหรือเกียรติของตระกูลเมื่อลูกสนองความอยากของพอแมไมได
กลุมใจหรือไมเลา
เราเคี่ยวเข็ญแกใหเรียนเพื่อชวยแมใหมีหนามีตาในสังคมหรือไมเลาถาเปน
เชนนั้นสิ่งนั้นมิใชความรักมันเปนความรักตัวเอง โดยยืมมือลูก
เมื่อพลาดจากลูก มองหนาลูกไม
ติดก็ไปหวังที่หลาน
และความรักเชนนั้นมันเห็นความเห็นแกตัวที่รายกาจที่สุด สวนความรักที่
แทจริงไมเปนเชนนั้น ไมวาลูกจะเปนคนโงหรือฉลาด
คุณแมจะตองมีความเต็มเปยมอยูเสมอที่จะ
กรุณา ไมหวังใหลูกมาเสริมอหังการของตัว
มารดาที่มีความรักที่แทจริงมิไดหวังพึ่งลูกเพราะอํานาจของความกรุณาอยากเห็นลูกประสบ
สุขสันติเทานั้น
จึงเกื้อกูลถาแมคนไหนหวังจะใหลูกของตัวเองชวยพยุงชีวิตตัว
แมคนนั้นคอนขาง
เปนแมคาคือมีการลงทุนชนิดหนึ่งเพื่อยืมมือลูกยืมมือสามี
แตทั้งหมดนี้ใชวาลูกๆจะไมพึง
อนุเคราะหตอบแทนบุญคุณหรือสนองตอบตอความหวังของบิดามารดา เพราะนั้นมันเปนหนาที่
ของผูมีความกตัญูรูคุณคนที่จะตองกระทําไมวาผูกระทําบุญคุณไวเปนคนเชนไร
Page 9
ทานทั้งหลายสังเกตดูใหดีเดี๋ยวนี้ระบบการศึกษาระบบราชการที่มีเรื่องคอรัปชั่นนั้น
เรา
อาจจะไดมองที่อื่นหรือเหมือนที่ชาวตางประเทศเคยวิจารณวาในเมืองไทยมีรัฐมนตรี
๒ ตําแหนง
เสมอ คือรัฐมนตรีและภรรยาของรัฐมนตรีและสวนหลังนั้นเองเปนเหตุกระตุนใหเกิดคอรัปชั่น
คอรัปชั่นที่ไหนมี ขอใหนึกวาตองมีเรื่องกามอยูขางหลังเสมอไป
เมื่อเกิดใชจายไมพอ ก็เปนเหตุ
ผลักดันใหแสวงหาเงินอยางผิดๆ เมื่อเปนเชนนี้เอง
ฝายภรรยาอาจจะหนุนใหสามีคดโกง เพื่อเสริม
อหังการของภรรยา ที่ใครจะใสแหวนเพชรเพื่อจะไดเฉิดฉายไปในงานมหกรรมอวดอหังการ
มมังการ คือประกวดตัวกู-ของกูในงานเตนรํา
ใหไดทําอะไรชนิดที่เดนมีหนามีตาขึ้นทั้งๆที่กลับ
มาถึงบานก็เหนื่อยหอบออนเพลียและเพิ่มพูนกิเลสเขาทุกวัน
นี่เองคือเรื่องราวที่ทานจําเปนตองวินิจฉัยใหดี
เพราะไมเชนนั้นสิ่งที่เรียกวาความรักมันจะ
กลายเปนรักกันเพื่อความวินาศ
ความรักเชนนี้มันก็คือการฝากความหายนะไวใหแกกันและกัน
และในที่สุดชีวิตรักจะจบลงดวยความโศก เหมือนพุทธภาษิตวาเปมโตชาตํ โสโก
เปมโต ชายตํ
ภยํ เปมโตวิปฺปมุตฺตสฺสนตฺถิ โสโก กุโต ภยํ ความรักทําใหเกิดความโศก
ความรักนั้นแหละทําให
เกิดความกลัว(คือกลัวจะพลัดพรากจากความรัก)
ผูที่หลุดพนจากความรักความโศกยอมไมมี
เมื่อเปนเชนนั้น ความกลัวจะมีแตที่ไหนเลา
อาตมภาพขอชี้ใหเห็นวา สิ่งที่เรียกวาความรักในลักษณะเชนนี้
คือคําวาเปมนี้มันหมายถึง
อํานาจของความรักดวยราคะ ดวยความยึดถือหวงแหน
คือกามราคะมันมีเรื่องที่นาสังเกตตรง
ที่วาพระพุทธองคตรัสวา ผูใดสันดานยังไมขาดจากกามราคะ
คือความรักชนิดนั้นผูนั้นจะสะดุง
หวาดเสียวเมื่ออยูที่เปลี่ยวและกลัวตอการอยูคนเดียวหวาดเสียวที่จะใชชีวิตเดี่ยว
ขอนี้คงจะแปลกไมนอยตรงวาทานทั้งหลายที่เปนนักศึกษาสมัยใหมไมมีความเชื่อเรื่องผี
แต
พอไปที่เปลี่ยวก็เกิดขนพองแลวกลัวทั้งๆที่ไมเชื่อเรื่องผีแตดูใหดี
หญิงชาวบานเมื่อสมัยเปนสาว
เมื่อสมัยยังมีกามราคะครอบงํา
คือยังถูกเงื่อนไขของรางกายกําหนดอยูนั้นทั้งเชื่อทั้งกลัวผีแตพอ
แกเฒา ความเชื่อที่วาผีมีก็ยังมีแตไมกลัว เดินไปที่เปลี่ยวๆ
ไดหวังวาทานทั้งหลายคงจะเคยได
เห็นไดฟงมาบางนี่เปนเครื่องชี้ใหเห็นวาเมื่อราคะมันจืดลง
ความกลัวมันหายไปได ทั้ง ๆยังเชื่อวา
ผีมี แตมันก็กลาเดินไดในที่เปลี่ยวนี่แหละคือความหมายที่วาถารักแลว
จะตองกลัว รักดวย
อํานาจของราคะจะตองกลัวอยางนอยกลัวจะพลัดพรากจากสิ่งที่มันไปเสวยรสเขาฉะนั้นเอง
ขณะที่ทานมีลูก
และกําลังเชยชมลูกอยูนั้นใหลูกเตนอยูบนอกฟอนรําอยูนั้น ระวังใหดี
มันซอน
ดอกเบี้ยของความกลัวไวและอาจตําใหช็อคเขาจนไดในสักวันหนึ่ง
เมื่อสิ่งนั้นพลัดพรากไป
ความรักที่แทจริงจักตองไมหมายถึงการเขาไปผูกพันชนิดนั้น
แตความรักที่แทจริง จะตอง
หมายถึงการปลดปลอยซึ่งกันและกันใหมีอิสรภาพ นี่ตองระวังใหดี
เดี๋ยวจะแยงวาเมื่อปลดปลอย
จากกันและกัน แลวจะไปรักกันทําไมใหเสียเวลา ปลดปลอย หมายความวา
ความรักนั้นยังมีอยู ยัง
Page 10
มีชีวิตคูซึ่งใหอิสรภาพซึ่งกันและกัน
ใหตางฝายตางไดมีเวลาแหงสันติสุขมีเวลาในทางศาสนกิจ
ของตน และผูกพันรักกันดวยสายสัมพันธคือธรรมะอันเปนเครื่องปลดเปลื้องความขุนเคืองทั้งปวง
ใหไดรับอิสรภาพอยางแทจริง
เหมือนกวีทานหนึ่งกลาวไวอยางนาฟงทีเดียววา ขอใหหญิงชายคูรัก
ทั้งหลายนั้นเปนเหมือนสายพิณที่อยูคนละสาย
แตเมื่อบรรเลงเพลงแลวมันบรรเลงเพลงเดียวกัน
ขอนี้ดูเหมือนจะเปนขอคิดที่นาสนใจไมนอยเลย
เราพบความจริงวาแมเพื่อนตอเพื่อนก็เถอะ
สนิทกันมากสักเดี๋ยวหนึ่งจะแตกกันเหมือนสายพิณที่มาขอดเกี่ยวกันเขาเสียงจึงไมไพเราะเพราะ
มันสนิทกันดวยอํานาจของผลประโยชนเรารักกันเพียงเพื่อจะไดเกลียดคนที่สามดวยกันเรามา
สนิทสนมกันก็เพียงเพื่อจะรวมกันนินทาเพื่อนคนที่สามเพราะฉะนั้นไดเพื่อนคนหนึ่งก็เพิ่มศัตรูคน
หนึ่ง และไดเพื่อนอีกคนหนึ่งก็เพิ่มศัตรูอีกคนหนึ่งโดยไมทันไดรูตัวเรามักจะรักกันชนิดนี้และเราก็
รักกันจนตายไปดวยกัน เพราะวาความรักชนิดนั้น
มันเปนการเสริมอหังการซึ่งกันและกันสวน
ความรักที่แทจริงตองหมายถึงการปลดปลอย
เสียสละซึ่งกันและกันเหมือนที่พระพุทธองคเมตตา
กรุณากับพระอานนทและเปนกัลยาณมิตรซึ่งกันและกันโดยธรรม
ความรักแทที่จริง
จะตองไมหมายถึงการตักตวงรสอรอยทางเนื้อหนังจากกันและกันจริงอยู
หนุมสาวจําเปนตองผานเงื่อนไขนั้นแตจําเปนตองผานใหรวดเร็ว
และดวยความรูที่ถูกตองในคุณ
และโทษของมันวามีแคไหนเทาใด
เพื่อวาใหมันเหลือแตความรักแทจริงในภายหลังคือความกรุณา
และเมตตาซึ่งกันและกัน และการใหอิสรภาพนั้นหมายถึงวา
ใหอิสรภาพเพื่อใหคูรักแตละคู สามี
ภรรยาของตัวไดมีชูคนหนึ่งเปนอยางนอยอาตมภาพอาจทําใหทานช็อคถึงคําวา
ชูแตถาทานรูวา
ชู ในที่นี้หมายถึงอะไรแลว คูรักทุกคนจงรีบแสวงหาชูเถิด
เพราะชูคนนั้นจะชวยใหทานทั้งหลายรัก
กันอยางแทจริง และชูรักเชนนี้คือพระธรรม
ใหหญิงชายทุกคนรีบแสวงหาชูรักรวมกัน แลวเขาจะ
ทะนุถนอมความรักไวดวยกันได
ขออาตมภาพเลื่อนมาถึงสิ่งที่เรียกวาทําอยางไรเราจึงจะทําใหชูรักของคูรักทั้งคูนั้นไดทําการ
คุมครองปกปกรักษาชีวิตคูของหญิงชายไวได
ก็หมายความวาเราตองรูเงื่อนไขของพระธรรม
เงื่อนไขของพระธรรม หรือสัจจะของพระธรรมนั้น
จะตองเลื่อนมาถึงสิ่งที่เรียกวาหญิงชายจะตอง
ประกอบกามกิจกันอยางไรดูเหมือนวาอาตมภาพออกจะเสี่ยงอยูสักหนอย
แตขอนี้ไมใชเรื่อง
เสียหายใด ๆทั้งสิ้น มันเปนเรื่องสําคัญที่สุดที่ทุกคนตองรู
จนถึงขนาดพุทธบริษัทกลุมหนึ่งที่เรียก
นิกายของเขาวา ตันตริก ไดเสี่ยงอยางเหลือขนาดมาแลว
และก็ไดพังพินาศลงไป ดวยเหตุที่เขามี
ความเห็นชัดเจนวา เรื่องเซ็กสแยกจากวัดไมได ถาขืนแยก
เรื่องกามารมณจะตั้งปอมคายใหอุจาด
โสโครก ลามกยิ่งขึ้นดวยเหตุนั้นการประกอบกามกิจ
กิจกรรมทางเพศจะตองกระทําดวยความรู
ทางศาสนาเทานั้น ไมเชนนั้นทานจะพลาดจากยอดชูคนสุดทาย คือพระธรรม
ที่จะทําใหถึงซึ่งสันติ
สุข เพราะฉะนั้นเอง การที่เราสนใจเรื่องเพศ
ไมใชเรื่องหลักสูตรของการสอนเพศศึกษาในโรงเรียน
ที่เขากําลังสอน ซึ่งนั่นอาจเปนเพียงการชี้โพรงใหกระรอก
ซึ่งเสี่ยงอันตรายที่สุด แตเรื่องเพศศึกษา
Page 11
ในกรณีที่วานี้หมายความวาจะกระทํากับมันอยางไรจึงจะไดรับกามที่ประณีตที่สุดและเพื่อผาน
มันไปอยางรวดเร็วที่สุด คําวากามประณีตนั้นมีความหมายพิเศษ
ถามันเปนไปอยางหยาบโลนมัน
จะไมรูจบ แลวมันจะเวียนไปเวียนมา วกไปวกมา
แมจะมีภรรยาสามีที่สวยที่งามขนาดไหน มันก็
วกไปหาคนอื่นได ไมอาจสันโดษในภรรยาหรือสามีของตน เพราะฉะนั้นเราจะตองเลื่อนมา
พิจารณากามประณีตนั้นคืออยางไรนี้เปนเรื่องสําคัญที่สุด
กามที่ประณีตนั้นจะตองหมายถึงวาทําใหเกิดปติ
และเปนเหตุใหสันโดษในภรรยาหรือสามี
ของตัวนั้นคือจํากัดลงไปเพื่อจะมีชีวิตรักเพียงชีวิตเดียวในโลกนี้
เพื่อจะไดไปแตงงานกับชูของตัว
ในโลกแหงพระธรรมหรือสวรรค บรรดามหากาพยมหาภารตยุทธก็ดีรามายณะก็ดีจะตองแตง
เชนนี้ ขอใหทานสนใจสักหนอยพระรามกับสีดาแตงงานกันทีหนึ่งบนพื้นโลก
ครั้งสุดทายได
แตงงานอีกครั้งหนึ่งหนาพระสยัมภูวญาณแตไมใชพระรามแตงกับสีดาทั้งพระรามและสีดาแตง
กับพระสยัมภูวญาณ และนั่นแหละ คือการไดเห็นชูรักของหญิงชายทั้งหลาย
เพราะนั่นคือญาณรู
เห็นความเปนเองแหงสรรพสิ่งนั่นคือการเห็นองคพระธรรมเจา
ความรักเชนนี้เปนสิ่งไมมีอะไรเหนือกวาถาไมมีความรักแลวจักอยูไมรอด
เขาจะตองตาย ชีวิต
นี้ปราศจากความรักไมได
ความรักเปนเรื่องยิ่งใหญที่สุดผูใดไมมีความรัก
ไมควรคบผูนั้นเขาเปน
คนใจทมิฬกักขฬะโหดราย เห็นแกตัว มักได พรอมเสมอที่จะรักตัวเอง
หลงตัวเองและเบียดเบียน
ผูอื่น แตวาบางคนตองแตงงาน ๒ ครั้งแตบางคนแตงครั้งเดียวกับพระธรรม
เพราะฉะนั้นเอง ผูที่ไม
รักไมแตงกับใครเลย คบไมได แตชูรักชนิดโงเขลา ยิ่งคบไมไดใหญ
เพราะหากรักดวยความเห็นแก
ตัวแลวมันหนีไมพนจากการเบียดเบียนผูอื่น
และจํากัดอิสระของตนเองใหแคบเขาเพราะฉะนั้น
เอง ขอใหทานทั้งหลายคํานึงใหดีวาแมรักทางเพศ
ก็จะตองรูเงื่อนไขของมันวาอะไรคือเปาหมาย
ของเพศ ขออาตมาพูดตรง ๆวาอะไรคือเปาหมายของเซ็กส บางคนอาจจะตอบในลักษณะที่
คลุมเครือคือตอบวาไมเห็นจะตองมีเปาหมายอะไร
เราตองการจะกําจัดบางสิ่งบางอยางที่เก็บกด
อยูในรางกาย แตขอใหดูใหดีเถอะวา
สิ่งนั้นมันเปนเพียงเงื่อนไขเล็กนอยนิดเดียวแตมนุษยไปสราง
อะไรมากกวานั้นเพราะฉะนั้นบางที่ไมไดถูกกระตุนทางกาย
แตอุปาทานในกามมีอยู เพราะฉะนั้น
ชายชราอายุตั้ง ๙๐
ยังตองชอบกามารมณทั้งที่รางกายไมอํานวยแลวนี่คือกามุปาทาน โดย
เงื่อนไขทางกายแลวมันไมมีแตจิตใจมันยังปรารถนาเพราะเขาใจผิดตอเรื่องเพศ
อะไรเลาคือเปนหมายของเซ็กส อาตมาจะตอบวา ปติคือเปาหมายของมัน
ขอใหสังเกตไกตัวผู
ที่มันถูกเก็บกดดวยอํานาจของฟาดิน
ใหปรารถนาการสืบพันธุมันขึ้นทับไกตัวเมียแลวลงมาตีปก
ราเริง และผานวิกฤตการณนั้นไปตามความประสงคของธรรมชาติจนกวาจะหมุนมาครบวงจรของ
รอบเดือนอีกครั้งหนึ่งนั้นแหละ จึงจะทํากันอีกเพราะฉะนั้น
เมื่อหลังจากคลายอารมณของความ
เก็บกดเจ็บปวดกระวนกระวายในเนื้อในตัวแลว มันก็คลี่คลายลงและเกิดปติสงบรํางับ
เพราะฉะนั้นปติเปนเปาหมายของเซ็กสดังนั้นถาการประกอบกิจกรรมทางเพศไมใหปติ
กิจกรรม
Page 12
นั้นเปนการประทุษรายซึ่งกันและกัน
และจะเพิ่มความเก็บกดจนถึงกับตองฆากันวันหนึ่ง ในที่สุด
คูรักจะกลายเปนคูแคนขึ้นมาโดยไมทันรูตัว
เพราะมันไมไดบรรลุเปาหมายดังใจปรารถนา
ปติเกิดขึ้นไดอยางไรเลาปตินั้นเกิดจากความพอใจ อิ่มใจ
และปติจะประณีตหรือหยาบนั้น
ขึ้นอยูกับศีลคือความรูสึกที่ตัวเองไดทําถูกตอสํานึกแหงมโนธรรม
คือความรูสึกผิดชอบชั่วดีของ
ตัว เมื่อเปนเชนนั้นทานทั้งหลายคงจะพบโดยตัวเองวา คนบางคนไมไดมีคู
แตอาจมีชีวิตอยูได
อยางชนิดไมเปนบาหรือเสียสติวิกลวิกาลไป
เพราะบอกเลิกหรือไมใสใจกามเพราะเขาไดเสวยผล
ของมันเสียแทนที่จะตองผานในบทบาท คือเสวยปติในงาน
ผูคงแกเรียนบางคนไมสนใจในเรื่อง
เพศ มัวเขาหองทดลองทางวิทยาศาสตรอยูเพลิดเพลินเพราะมันใหปติเมื่อไดประสบผลสําเร็จแหง
การงานนั้นเมื่อปติเกิด กายรํางับ
เมื่อกายรํางับนั้นหมายถึงวาความกระตุน กระวนกระวายของ
เนื้อหนังสิ้นสุดลง
เพราะฉะนั้นกามารมณจะกลายเปนสิ่งไมจําเปนหรือยิ่งเปนนักบุญที่ผานเรื่อง
สมาธิเรื่องฌานสมาบัติดวยแลว
จะเห็นกามารมณเปนของรุมรามหรือเปนของเล็กนอยจนไม
อยากไปเสียเวลากับมันหรือไมใสใจเอาเลยทีเดียว
กามรังแตจะทําความยุงยากให
ดังเหตุการณเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุนเลาวาทานขาหลวง
อยากจะทดสอบพระอาจารยของตน ซึ่งเปนภิกษุในพุทธศาสนา
ทานทั้งหลายคงจะทราบวา เมื่อ
ชาวญี่ปุนอาบน้ําเขาตองเปลือยกายทั้งหญิงทั้งชาย
ทานขาหลวงจึงวางอุบายนิมนตอาจารยมาที่
บานเพื่อถวายภัตตาหาร
กอนภัตตาหารก็ใหไปสรงน้ําในหองน้ําซึ่งไดใหเด็กสาวเปลือยกายใน
หองน้ํานั้นพรอมกับสั่งเสียเสร็จวาใหเด็กสาวทําอยางไรๆ
เพื่อจะใหรูกันที่วาอาจารยของทานนั้นยัง
มีความรูสึกชนิดนั้นอยูอีกหรือไม
เด็กสาวก็พรอมเสมอที่จะทําตามคําสั่งของขาหลวง เมื่ออาจารย
องคนั้นเขาไปสรงน้ําเปลือยกายทั้งคูเด็กสาวก็มาปรนนิบัติหลวงพอก็ใหปรนนิบัติคืออาบน้ําเช็ด
ถูขี้ไคลไปเรื่อย
ๆครั้นอาบน้ําเสร็จหลวงพอก็เอยขึ้นวาขอบใจนะแมหนูที่ทําความรําคาญใหหลวง
พอไมนอยเลย แลวทานก็ออกมาเมื่อทานขาหลวงสอบถามเด็กสาว
เด็กสาวก็เลาใหฟงดวยความ
ฉุนเฉียวในความไมใยดีตอเรื่องเชนนั้นทานขาหลวงถึงกับกราบแทบเทาของหลวงพอองคนั้นดวย
ความคารวะอยางสุดซึ้ง
เพราะวาผูที่เปนบรรพชิตไมใยดีในกามนั้นมันมุงเขาไปสูผลหรือเปนหมาย
คือปติ เมื่อเกิดปติ
กามราคะกระงับไป เหือดแหงไป
เพราะฉะนั้นเมื่อไปทําอะไรเขาชนิดไมเกิดปติในกิจการงานใด ๆ
แมจะไมเกี่ยวกับกิจกรรมระหวางเพศ มันก็ตองเพาะความเก็บกดไว
ชนิดที่จะผลักดันเปนอารมณ
รายหญิงโสเภณีผูนาสงสาร มักจะเปนเหตุเกิดเรื่องราวอาชญากรรม
และหญิงโสเภณีเปนหญิงที่
นาสงสารที่สุดในโลกนี้ อยาไดมองหญิงโสเภณีในแงของคนที่สําสอนเลย
หรือมองในแงเปนคนที่
นาเหยียดหยามเปนอันขาดขอจงเห็นใจเธอเหลานั้นผูจําตองแสวงหาเงินเพราะความจําเปน
ใคร
บางเลาที่จะไปทนทําสิ่งที่ปราศจากปติเชนนั้นถาไดเงินพอดํารงชีวิตได
Page 13
กามารมณมีเปาหมายอยูที่ปติ ขอใหกําหนดอยางนี้ใหดี
ปติซึ่งกันและกันเพราะฉะนั้นเอง ผู
ใดที่ไดรับกามารมณที่ประณีตจะตองมีเงื่อนไขอยางนอย๒ ประการ
คือบรรยากาศแหงชีวิตคูนั้น
ตองศักดิ์สิทธิ์คําวาศักดิ์สิทธิ์ไมไดหมายถึงขลัง
แบบแจกตะกรุดหรืออะไร เที่ยวเสาะหาใหไดรับ
การเสกคาถาอาคม แตมนตคาถาของรักชนิดนี้หมายความถึงวาใหเกิดบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์
คารวะซึ่งกันและกันที่ไมหยาบโลน
ผูแสวงหารสของกามารมณโดยถายเดียวนั้นเขาจะตองถูก
ตัดสินวาเปนบุคคลที่เปนคนชั้นต่ําเปนหินเพศเพศต่ํา
พราหมณในสมัยโบราณนั้นแมจะมีภรรยาหลายคน แตก็มิใชมีไวเพียงเพื่อแสวงหาเพศรส
พราหมณจะสั่งภรรยาเหลานั้นวาเมื่อใดเจามีรอบเดือนครบกําหนดที่พึงมีบุตรไดจงมาบอกเรา
เพราะวากอนหนานั้นพราหมณจะชักประคําเพงภาวนาถึงพระผูเปนเจาเทานั้นไมใสใจเรื่องเพศ
รสเพราะฉะนั้นเขาประกอบกามกิจเพียงเพื่อจะใหมีทายาทสืบสกุลเทานั้นเมื่อมีทายาทมันเกิดปติ
ที่มีลูกเมื่อมีลูกมันเกิดปติหลายซอน
ดวยเหตุฉะนั้นเอง เราพบวาความปรารถนาของมนุษยนี้นอกเหนือจากเพศรสแลว ยังตองการ
เด็กออน ๆหรือลูกที่เกิดมาดวย
เพราะฉะนั้นทานทั้งหลายพึงกําหนดเรื่องนี้ใหดีวา แผนคุมกําเนิด
อะไรเหลานี้ มันจะยอนวิกฤตการณมาสูมนุษยโดยไมทันรูตัว
จริงอยูเราจําเปนตองคุมกําเนิดตาม
เงื่อนไขทางเศรษฐกิจ
แตวาการคุมกําเนิดชนิดนั้นจะเพิ่มวิกฤตการณทางจิตใจใหแกมนุษย แต
หากเรายอนไปคุมกําเนิดโดยหลักธรรม
แลวมันจะคุมกําเนิดใหเองโดยไมตองเกรงวิกฤตที่จะพึง
เกิดจากการคุมกําเนิดทางกาย
เครื่องมือที่คุมกําหนัดนั้นคือเรื่องของธรรมะเทานั้น และจะตองไป
คุมใหลึกซึ้ง แลวจิตจะไมผิดปกติ
นั้นแหละคือสิ่งที่เรียกวา
บรรยากาศที่จะทําใหเกิดศักดิ์สิทธิ์ขึ้นในชีวิตคู หมายความวา ตอง
ไมใหเรื่องเพศเปนเรื่องหยาบโลน หรือลามกเปนอันขาด
ดวยเหตุนี้อยาใหถูกกามเทพมันแผลงศร
สะเพราเขาโดยไมไดระมัดระวังตั้งสติเปนอันขาด
มันจะตองสรางบรรยากาศแหงชีวิตคูดวยความ
คารวะซึ่งกันและกันใหศักดิ์สิทธิ์ (Holy)
ขึ้นมาประหนึ่งวาสามีนั้นคือพระอิศวร ภรรยาเหมือนอุมา
เทวีบรรพบุรุษของเรามีสิ่งนี้อยู
จึงวางจารีตประเพณีไวอยางลึกซึ้งและเรียกมันวาประเวณี ดวย
เหตุนี้หมายความวากอนที่จะมีกามกิจนั้น
จะตองกระทําตามพิธีกรรมหรือประเพณีทางศาสนา
กราบเทาสามีระลึกถึงเงื่อนไขขอนี้ไมใชฝายชายจะกดขี่ฝายหญิงใหยอมเปนทาสซึ่งเปนเหตุให
สตรีเรียกรองสิทธิ์ที่จะใหสามีกราบเทาภรรยาขึ้นมาบาง
แตมันมีเงื่อนไขวาเพื่อสรางบรรยากาศ
แหงความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไมใหโนมไปสูความหยาบโลน
แลวใชวาสามีจะพึงทําอยางไรกับภรรยาของ
ตัวก็ได อยางนั้นพระพุทธเจาทานไมเห็นดวยนั่นเปนเพียงพวกพราหมณบางกลุมบางคน
ซึ่งเปน
พวกคดโกงเทานั้น
Page 14
พระพุทธเจาทานวางลักษณะสามีภรรยาไวหลายแบบ อยางนอย๗ แบบ ซึ่งทานทั้งหลายไป
คนควาหาความรูเอาเองเถิด
แตแบบที่พระพุทธองคทานชี้ไวและนาสนใจก็คือภรรยาสามีที่เปน
สหายซึ่งกันและกัน คือเปนผูรวมทาง
รวมดําเนินการกันเพื่อใหถึงซึ่งชูรักของตัวทั้งคู นั่นก็คือความ
รักที่แทจริง จะทําใหทั้งคู
ทั้งสามีภรรยาบรรลุถึงซึ่งความรักอันใหญหลวงของพระธรรมซาติเจา
ไมใชวาเราจะไดรักอะไร แตเราจะไดเห็นความรักของพระธรรมเจา
เราประพฤติปฏิบัติเชนนี้ไมใช
เพื่อจะไปรักอะไรเขา
แตจะไดเห็นความรักที่พระธรรมอภิบาลอยูในชีวิตของเรา นั่นคือยอดชูของ
ทุกคน
คราวนี้มาถึงบรรยากาศอันที่๒ ก็คือเมตตากรุณา อันแรกศักดิ์สิทธิ์ตองพยายามสราง
บรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
อันหลังพยายามที่จะตองใหไปในทางเมตตากันและกันเสมอ กิจกรรม
ทางเพศที่ตางมุงหวังตักตวงรสอรอยจากกันและกัน
ถาเปนเชนนั้นจะจบลงดวยการฆา เพราะสิ่ง
นั้นมันเปนงูพิษ
มันเหมือนดอกไมที่วางอยูในรังของงูเหาเมื่อคนมุงเขาไปตะครุบรสอรอยของกาม
ก็ลืมดูเจางูซึ่งกําลังแผพังพานอยูแลวมันก็ฉกตอดเอาโดยไมทันรูตัวนี่คือโทษอันต่ําทรามของกาม
ก็แหละเมื่อกามมันจืดชืดเขาอีก
ชายหรือหญิงก็จะเริ่มสายหาเพื่อบําบัดความกระวนกระวาย
นี่โทษใครไมได ชายที่มีชูและหญิงที่มีการกระทําผิดประเวณีนั้น
อยาไดโทษเขาโดยถายเดียว
อยาไดโทษวาชายนั้นโลเล ใจชั่วหรือหญิงนั้นมักมาก สําสอนเลย
ขอไดโปรดเห็นใจหญิงที่นา
สงสารเหลานั้นเถิดเพราะความเก็บกดของรางกายมันทรมาน ยิ่งปราศจากความรูในการระงับ
ความกระวนกระวายดวยแลว ไหนเลยจะทนทรมานไหว
ดวยเหตุนี้ผูที่รูจริงนั้นจะมีแตเมตตาเทานั้นไมปรักปรําเหยียบย่ําซ้ําเติมเลย
ถาทานรักภรรยา
ของทานจริงรักสามีจริงทําไมตองเอาปนไปจอขมับ
เมื่อรูวาเขามีชูนี่ไมใชความรักความรัก
จะตองหมายถึงความเห็นใจ สงสาร เมตตาและรูเงื่อนปญหาของกันและกัน
ตางวาสามีหรือภรรยา
คนใดคนหนึ่งมีคุณธรรมสูงเปนพระอริยบุคคลชั้นตนไปแลว
ทานก็ยังอาจจะตองเกื้อกูลภรรยา
หรือสามีดวยเพศรส
ทั้งนี้ดวยอํานาจของความกรุณาขอนี้ไมใชอาตมภาพวาเอาเอง เรื่องราวใน
พระไตรปฎกมีอยูเกลื่อนไปเชนนางวิสาขาเปนตนซึ่งสามีเปนปุถุชนแตนางเองเปนพระโสดาบัน
ทานเปนอริยเจา ยังตองทําหนาที่ของภรรยาดวยอํานาจของเมตตาตอสามี
ชีวิตทุกชีวิตมันถูกกระทํามันไมใชเปนตัวกระทํา
มันถูกฟาดินกําหนดเงื่อนไขลงมาใหกระวน
กระวาย กระสับกระสายและควรละหรือที่จะเรียกหญิงคนนั้นวาสําสอน
ชายคนนั้นวามักมาก
หรืออะไรก็ตาม แตดูใหดี ๆเถิดแลวจะเกิดเมตตา ความเมตตาที่แทจริงนั้น
ตองเกิดจากความ
เขาอกเขาใจเทานั้นและความเขาใจหมายความวาตองเขาใจวาเขาเปนฝายถูกกระทําตางวาเรา
เห็นผูหญิงคนหนึ่งแตงตัวอุจาด ยั่วยวน
นาเกลียดที่สุดความรูสึกจะเกิดขึ้นอยางนอย ๒ ประการ
สําหรับปุถุชนจิตหนึ่งก็แลนปราดไปทางเกิดกามราคะ
เมื่อเห็นหญิงหรือชายก็ตามใจ ที่แตงตัว
Page 15
เปลือยหรือวาสั้นหรือทรงอะไรแปลก
ๆที่เขาอวดเนื้อหนังกันนั้นหรือไมก็อาจจะเกิดไปทางเกลียด
คือมันเกลียดขี้หนาที่ผูนั้นไมรูจักตัวเอง ไมรูจักละอายสิ่งที่ควรละอาย
สองประเด็นนี้เนื่องมาจากไมเขาใจ
ถาสมมุติวาเราเกิดไปดูเบื้องหลังที่มาแหงการถูกบังคับให
กระทําตามแฟชั่นนิยมนั้นหญิงคนนั้นนาสงสาร
มันทนไมไหวทั้งๆตัวเองอาจจะรูปรางนาเกลียด
แขงขากระดํากระดางแตก็ทนไมได
ถูกบีบใหแตงตัวชนิดที่ตองอวดสิ่งนั้นขึ้นมาเมื่อระลึกถึงสิ่งนี้
มันจะเกิดเวทนาสงสาร และความที่จะเกิดโกรธ หรือเกลียด หรือเกิดราคะ
ก็ระงับลง เมื่อเขาใจ มัน
จะเห็นใจ เมื่อเห็นใจมันจะหายเคือง
เมื่อหายเคืองแลวนั้นแหละกรุณาจึงจะเกิด เพราะฉะนั้น
ทานอยาลวงตัวเองดวยความกรุณาชนิดที่ยังเคืองอยู
เปนไปไมไดความกรุณาเกิดหลังจากเขาใจ
แลวและอภัยใหแลวมันพรอมที่จะกรุณา
ชีวิตรักของคนที่จําเปนจะตองมีคู จําเปนจะตองผานกิจกรรมทางเพศดวย
๒บรรยากาศนั้นก็
คือทําใหเกิดเรื่องราวของกิจกรรมระหวางเพศเปนเรื่องศักดิ์สิทธิ์และเมตตา
ขอนี้ใชวาจะเปน
เงื่อนไขเฉพาะคูรักอยางโลกย
ๆเทานั้นแมการประพฤติธรรมเพื่อคูรักนิรันดรก็ตองผาน ๒ สิ่ง
เหมือนกันเพื่อรักษาบรรยากาศของชีวิตใหขลังศักดิ์สิทธิ์อยูเรื่อยไป
แลวก็พยายามที่จะเมตตา ดวย
การพยายามทําความเขาใจสิ่งทั้งปวง
เมื่อวันไหนทานเขาใจธรรมชาติอยางถูกตอง วันนั้นจะเมตตากรุณาตนกุหลาบ
ตนไมสรรพ
สัตว แตวันกอนนั้น เมตตากุหลาบเมตตาสัตวดวยอํานาจราคะ
ที่จะไดดอกของมันเชนหมั่นรด
น้ําพรวนดินเพื่อจะไดดมกลิ่นหอมของมัน
แตวันไหนที่ทานเกิดเขาใจธรรมชาติ วันนี้จะไมมีอํานาจ
ของราคะ จะรดน้ําตนกุหลาบดวยอํานาจของความเมตตาลวน ๆหรือใหอาหารแมวดวยความ
เมตตา ไมไดใหดวยอํานาจของราคะ
ที่จะใหแมวมาเคลาเคลียตัวหรือเราใหลูกกินนมใหของเด็ก
ก็เพียงเพื่อใหสายตาของผูรับเหลานั้น มองเราอยางซื่อเหมือนบาวมองนาย
และจะไดทวงบุญคุณ
คืนในวันหลังอยางนั้นเปนเมตตาดวยอํานาจของราคะ เมตตาหวังประโยชนตอบแทน
เมตตาแทนั้นจะตองผานทางความงาม นั้นคือการเห็นความงามของชีวิต เมื่อเห็นความงาม
ชีวิตจะเริ่มเขาใจความรักความงามของชีวิตไมใชความงามของธรรมชาติชั้นผิวเปลือก
เชนวาดอก
กุหลาบสวย ๆและนาดูเมื่อนํามาปกอยูในแจกันความงามไมไดหมายถึงแสงแดดออนที่กวีเพอฝน
พรรณนาไวดวยวรรณศิลป ความงามไมไดหมายถึงนกกําลังกางปกถลาบินหรือหมอกยามเชา
หรือน้ําคางที่กําลังหยด
สิ่งนั้นจะมีความงามไดก็ตอเมื่อใจบริสุทธิ์เทานั้น
ถาใจนี้ไมบริสุทธิ์วาวุน
ดวยกิเลสสิ่งนั้นงามไมได
ความงามจริงนาจะตองผานจากการเพงความไมงามกอน เพราะฉะนั้น
พระพุทธองคจึงตรัสวาสุภาธาตุเกิดจากอสุภาธาตุทานคงจะไดยินวาการเพงซากศพ
ฟงดูแลวนา
เกลียดนาขยะแขยงมาก
แตผลของการเพงอสุภะนั้นมันจะเริ่มเห็นความงามของชีวิต เพราะฉะนั้น
ผูใดประสงคจะประสบกับความงามที่แทจริงของชีวิต
ผูนั้นตองผานการเพงความงามกอน ผูใดที่
Page 16
เพงหาความงามโดยลืมเงื่อนไขนี้ จะพบแตความนาเกลียดนาขยะแขยงของโลก
ตางวาทานเปน
สถาปนิกหรือศิลปนชอบงาม ชอบแตงตัวดี ชอบความสะอาด
ชอบกลิ่นหอมนั้นก็คือทานรังเกียจ
สิ่งสกปรก ถาไปที่ไหนที่มีกลิ่นไมดี ก็อุดจมูก
แลวชีวิตจะเริ่มแคบเขาแคบเขา แคบเขา เพราะได
ปดวงลอมตัวเองดวยสุภาธาตุ
คือธาตุงามอันเปนมุสาแตผูที่พบหรือเพงในดานอสุภะ คือความไม
งามจิตเริ่มเปนอิสระ มันเริ่มเห็นความงามของสิ่งสกปรกและสะอาด
มันเริ่มเห็นความงามของชีวิต
ที่มีทั้งทุกขและสุขมันเริ่มเห็นความงามชีวิตเทานั้นที่มันทั้งเจ็บปวดและทั้งปลาบปลื้ม
และ
ความรูสึกชนิดนี้จะเปนตนเงื่อนของความรักอยางอิสระโลงโถง
คราวนี้ขออาตมาเลื่อนมาถึงสิ่งที่เรียกวาที่วา รัก
รักนั้นเปนฉันใดที่วารักแทจริงๆนั้นมันคือ
อยางไรกันแนรักจริงนาจะตองหมายถึงการลดตัวกูลงอยางฉับพลันเมื่อทานตัดสินใจวาจะรัก
อะไร รักลูก รักเพื่อนหรือรักหญิงรักชายฉับพลันที่คิดเชนนั้นจะตองฝกสมาธิหรือเพงพินิจหรือ
ตองทํากรรมฐาน เพื่อใหเกิดวิปสสนา
คราวนี้คงจะเห็นแลววาเรื่องความรักแยกจากวิปสสนาไมได
เสียแลวก็เพราะวาคนออนแอนั้นรักใครไมได คนที่จิตโลเลนั้นใครจะรักลง
และจะรักใครลง อยาง
มากมันก็เที่ยวสะเพราขึ้นรถเมลทีก็รักอีกคนหนึ่งลงรถเมลที
ก็รักอีกคนหนึ่งนี่คือความวาวุนของ
จิต และคนชนิดนั้นก็คือคนที่จิตขาดสมาธิแลวจะรักใครไมได
แมแตจะรักลูกของตัวเองก็ไมได
เพราะหงุดหงิดขึ้นทุกวันลูกจะกลายเปนเสี้ยนหนามในชีวิตจะเกลียดชังเพื่อนมนุษยขึ้นทุกวัน
เพราะฉะนั้นความรักจริงนั้นตองตั้งตนดวยสมาธิทีนี้คงจะเห็นความสําคัญวาสมาธิสําคัญไมใช
นอยเสียแลวก็คือวาจะเปนตัวการสําคัญที่จะทําใหเราพบกับรักที่แทหรือไม
ดังนั้นอาตมภาพจะถามทานวาทานพรอมแลวหรือที่จะรักใคร
ความรักตองการสิ่งหนึ่งที่
สําคัญมากคือความกลาหาญ ถาขี้ขลาดอยารักใครเลยจะดีกวาถาจะรัก
จงตัดสินใจแลวรักใหสุด
ขั้วหัวใจเพราะวาคนที่กลาหาญเทานั้น
เขมแข็งเทานั้นจึงไดรับรสหวานของความรัก เหมือนใน
คัมภีรไบเบิลวาน้ําผึ้งที่หวานที่สุดตองซอนอยูในซากของสิงโตและทานตองเปนแซมซันเทานั้นจึง
จะรักใครได หมายความวาจิตใจตองเขมแข็งที่สุด แกรงที่สุด
ถาเปนคนโลเล ไมอาจที่จะรักใคร
และไมอาจที่จะผูกพันใหใครรักตัวเองไดจริง
และจะพบแตความชอกช้ําเรื่อยไป เพราะฉะนั้น
จําเปนเหลือเกินที่ทานตองแสวงหาความรักกอนที่จะมีคูรัก
ตรงนี้ระวังใหดี มันจะเปนเงื่อนไขที่
สําคัญที่สุด ที่มันปดดวงตาของหนุมสาวได
จนกวาพระธรรมจะมาเปดดวงตานั้นให และเขาจะ
เริ่มเห็นความรัก เริ่มเขาใจความรัก คือวาทานตองแสวงหาความรัก
กอนที่จะพบคูรัก
อะไรเลาคือความรักทานมีความพรอมที่จะรักหรือไมเลา
จิตใจนี้มันยังประทุษรายตนและ
ทานหรือไมมันยังหงุดหงิดหรือไม มันพอทนอะไรไดหรือไม
เมื่อถูกเหยียดหยาม หรือถูก
กระทบกระทั่งมันทนไหวไหม ถาทนได ตอจากนั้นแสวงหาคูรักได
แตถาไปแสวงหาคูรักกอน จะไม
มีวันพบกับความรัก จะพบแตเรื่องความเกลียดชัง
และคนนั้นจะเกลียดหญิงหรือชาย และเปนการ
สรางปมตางๆแกชีวิตใหเกลียดมนุษยทั้งโลก อยากจะฆาคนเสียทั้งโลก
อยากจะอยูคนเดียวถา
Page 17
เปนเชนนั้นชีวิตนี้นาสงสารเพราะไปแสวงหาคูรักกอนที่จะพบกับความรัก
เพราะฉะนั้นตอง
แสวงหาความรักและคอยหาคูรัก เมื่อพบความรักแลว ไมมีปญหาอะไรอีก
เพราะความรักนั้นมัน
ยิ่งใหญกวาคูรักนัก เพราะฉะนั้น
คนผูพบความรักแลวนั้นมีอิสระที่จะไมหาคูรักอีกเลยในชีวิตนี้
เพราะเขาไดพบกับชูรักของเขาแลวยิ่งใหญกวาชูในโลกนี้หลายสิบหลายพันเทานัก
ความนี้ทานจําเปนจะตองทําจิตของทานเต็มกอนเต็มเปยมกอน
แลวมันจึงลนไปสูผูอื่นนั้นจึง
จะเรียกวาความรัก ความรักจะเปนความเรียกรองไมได เมื่อจิตใจเราพรอง
เราแสวงหาผูอื่นมาชวย
เติมใหเต็ม เมื่อเติม มันเพิ่มอหังการ
และภาชนะแหงอหังการที่รองรับนี้มันขยายออก แลวมันพรอง
อีก แลวมันเรียกรองเมื่อเขาเติมใหมันขยายภาชนะที่รับออก
แลวมันพรองอีก แลวใครจะทนทาน
ได เพราะวาฝายเขาก็ตองการความเติมใหเต็มเชนกันจริงอยูใหมๆอาจจะมี"น้ําตมผักก็วา
หวาน" เหมือนเขาวาไวแตนานเขามันจะกลายเปนรสขม
และมันจะเพิ่มความชิงชังขึ้นมาอยางไม
ทันรูสึกตัว เพราะฉะนั้นตองทําใหเราเกิดความรักที่เต็มเปยม
และมันลนไปที่คนอื่นไมใชเที่ยว
เรียกรองแสวงหา ซึ่งจะทําใหพรองเรื่อยไป
การแสวงหาความรักจะทําใหตัวเองยิ่งพรอง แตการ
แสวงหาความรักจะทําใหเต็มเปยมจนลนไปถึงผูอื่น
การที่ลนไปถึงผูอื่นนั้น
เหมือนดังที่อาตมภาพไดกลาวแลววามันตองหมายถึงการเขาใจ เห็น
ใจ เพราะฉะนั้นคําพูดที่วาที่ใดมีรัก
ที่นั้นมีทุกขจึงไมจริงพระพุทธเจาไมไดตรัสเชนนี้นอกจากวา
เอาเองหรือนักประพันธรุนหลังพูดเอาเองเทานั้นแตที่สุดมีความรักที่นั่นมีสันติ
และที่สุดมีทุกขที่
นั้นจะมีความรักที่แทจริงคือความเมตตาสงสาร
เพราะมันเกิดมีหัวอกอันเดียวกัน เปนทุกขรวมกัน
เพราะฉะนั้นนักประพันธรุนหลังพยายามที่จะบิดเบือนหรือเขียนใหเกินความจริงและเขาใจวานี่
เปนพุทธภาษิตที่วาที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกขนั้นตองหมายถึงรักดวยอํานาจของราคะ
หรือรักหรือ
เมตตาดวยอวิชชาจึงมีทุกขแตที่สุดมีทุกขที่นั้นจะมิความรัก
คือเมตตาสงสารเกิดขึ้นและที่ใดมี
ความรักที่นั้นจะมีเมตตา และสันติจะเกิดขึ้น
คราวนี้ขออาตมภาพเลื่อนมาถึงสิ่งที่เรียกวา
สวัสดิกะแหงความรักหรือทางใหถึงความมั่นคง
ปลอดภัยแหงความรักคําวา
สวัสดิกะอยานึกถึงเครื่องหมายนาซีเปนอันขาดเครื่องหมายนั้นมัน
อาจจะหมายถึงอํานาจเผด็จการ แมกระนั้นก็อาจจะนึกได
ก็คือวาผูที่จะรักไดจริง ตองเผด็จการ
กับตัวเอง สวัสดิกะนั้น
ฮิตเลอรยืมไปจากเครื่องหมายธรรมจักรรุนแรกของพุทธคือเครื่องหมายที่
เปนรูปโคงไมใชหักเหลี่ยมแตมันโคงเปนตัวs
กลับขางไขวกันอยูอยางนั้นเรียกวาสวัสดิกะเปน
เครื่องหมายธรรมจักรรุนแรกที่สุดและเขามักจะเขียนไวที่หนาอกที่อุรังคประเทศของพระพุทธองค
ในพระพุทธรูปมหายาน
หมายถึงลักษณะของมหาบุรุษที่เปนยอดนักรักเพราะฉะนั้นเองสวัสดิกะ
แหงความรักนั้น จะตองไดแกคุณคาเหลานี้ ก็คือสุทธิเปนอันแรก
หัวเงื่อนแรกของสวัสดิกะ แลวก็
ปญญา เมตตา ขันติ
Page 18
ผูที่รักไดจริงตองมีความบริสุทธิ์ใจเขาหากันและกัน
ไมใชปดบังซึ่งกันและกันเดี๋ยวนี้หญิงชาย
เมื่อรักกันเขาปกปดความชั่วของเขา เสนอแตสินคาดี
ๆเพื่อลอหลอกใหรักกัน แลวนานเขาสินคา
เลวคอย ๆโผลออกมา แลวดีคอย ๆหดไป แลวมันกลายเปนความเกลียด มันยิ่งสมน้ําหนา
เพราะวาไดหลอกลวงกันและกันเพราะความรักเชนนั้นไมใชความรัก
แตความรักจริงนั้นตอง
บริสุทธิ์ ตองสารภาพถึงความเลวของตัวแมวาความรักระหวางหญิงชายก็ดีหรือเพื่อนก็ดี
เราตอง
ยอมรับเถิดวาคนที่แสวงหาคูรักนั้นคือคนออนแอ
เพราะถามีความรักเขาไมจําเปนตองมีคูรัก
เพราะเขามีความรักเสียแลวและความรักมีความเขมแข็งและยิ่งใหญแตผูตองการคูรักคือคน
ออนแอ จงยอมรับอยาอวดดีหรือตีปากไปเลย เมื่อเปนเชนนี้
เราตองยอมรับวาเมื่อเราแตงงานนี่
เพราะวาเราเหงาขึ้นมา และเราออนแอ ตองการหาใครมาชวยเรา
เพราะฉะนั้นเมื่อเราเสนอสินคาดี
ๆออกไป ปกปดของเลวไววันหนึ่งมันจะโผลออกมาเพราะฉะนั้นยอมรับวาตัวเองออนแอ
รีบเสนอ
ความเลวของตัวออกใหเร็วดวน ฉันไมดีอยางนี้
ๆเธอจะซื้อสินคานี้หรือไม เมื่อเปนเชนนั้นความรัก
จึงอาจจะเกิดขึ้นได คือมันสงสารและเขาใจ นี่คือเงื่อนไขของผูที่จะรักคูรัก
สวัสดิกะแหงความรักตองตั้งตนดวยสุทธิความบริสุทธิ์ใจ
สุทธิเล็งไปถึงความจริงใจเขาหากัน
เปดเผย ฉันเปนคนออนแออยางไร ขี้ขลาดอยางไร
ชวยฉันดวยแมความสัมพันธระหวางฆราวาส
และบรรพชิต สวนใหญฆราวาสทั่วไป ขออภัยตองขอประณามคนในกรุงเทพ ฯหนอย
แตไมใชทุก
คน ไปหาบรรพชิตในฐานะที่จะขมหรือเบง
ไมไปในฐานะที่ปรับทุกขวากําลังมีอะไรที่เปนปญหา
เจ็บแสบที่สุดจริงอยูทาทางและสถานที่ในสังคมของเราอาจจะดูเขมแข็ง
แตที่จริงเราอาจจะมีอะไร
อยูลึกๆ ถาไปในลักษณะที่จริงใจเชนนั้นผูนั้นเปนผูมีความบริสุทธิ์ใจซื่อเขาไป
และคนเชนนั้นทาน
ผูรูเรียกวาเปนคนซื่อตรงเปดเผย
ซึ่งจะตองไดรับรสแหงพระธรรมโดยแนแท แตเสมอไปแลวตรงกัน
ขาม ไปเพื่อหาพรรคพวกคือใหพระสนับสนุนอหังการของตัว
เมื่ออยูที่บานทะเลาะกับสามีไปคุย
กับพระดีกวาพระยอใหฟงตลกใหฟงก็สบายใจกลับมานี่เปนความบริสุทธิ์ที่ไมสะอาด
ฉะนั้น
พระพุทธเจาจึงตรัสพระพุทธภาษิตที่นาสนใจวาธมฺมํสุจริตํ จเร
ทานทั้งหลายจงประพฤติธรรมให
บริสุทธิ์ดวยประพฤติแลวยังบอกวาใหบริสุทธิ์ดวย ใหสุจริตดวย
เพราะวา ประพฤติธรรมไม
บริสุทธิ์ไมสุจริตก็มี
สวัสดิกะอันที่สองก็คือปญญา
ผูที่บริสุทธิ์ใจและเปดเผยตัวเองไดนั้นผูทําตองมีปญญา คน
ปญญาทรามยอมปกปดกิเลสของตัวไวและพอกพูนมันเสมอไป
เพราะหวาดกลัววาเขาจะไมรักเรา
ความกลัววาเขาจะไมรักเรานั้นคือคนไมรูก็คือคนที่พยายามปกปองตัวเอง
ผูที่ไมกลัววาเขาไมรัก
เพราะเขาเห็นยังมีสิ่งหนึ่งรักเขาศรัทธาในบุคคลที่ควรจะรักไดเทานั้นมนุษยนี่รักกันไดดวยธาตุ
เพราะฉะนั้นถาจะถามแซงขึ้นมาตรงนี้วาเราจะแสวงหาคูรักอยางไร
อาตมภาพจะบอกวาอยา
แสวงหาเลยเพราะมันจะพลาดทันทีเพราะอะไรเลาเพราะตาของเรานี้มันไวใจตัวเองไมได
มัน
ชอบดู ชอบแสวงหาของสวย สักเดี๋ยวมันจะรักหญิงที่สวย และชายที่รูปงามเพราะฉะนั้นถา
Page 19
แสวงหา มันตองแสวงหาดวยอํานาจของกามราคะ ดวยกิเลส
เมื่อเปนเชนนั้นมักจะปกปดความ
ชั่วของตัวฝายโนนก็ปกปดมันจึงลวงกันแลวถารักกันดวยอํานาจของการแสวงหาซึ่งกันและกันนี้
แลว จะถูกลวงโดยไมทันรูสึกตัว
เพราะฉะนั้นถาทานทั้งหลายถามอาตมภาพวาเราจะแสวงหาคูรักอยางไร ขอตอบวา อยา
แสวงหา แตจงประพฤติตนใหเปนผูถูกแสวงหาเถิด
จะไมมีวันพลาดนั้นก็คือวาเมื่อตัวเอง
ประพฤติสิ่งหนึ่งสิ่งใดอยูพึงแสวงหาความรักในธรรมใหแนวแนที่สุดซึ่งคนทั้งหลายอาจจะหาวา
เปนคนครึ ขออภัยใชคําของเด็กหนุมสาวสมัยนี้ก็คือหาวามันเปนคนเชย
เมื่อเปนเชนนี้พระธรรม
จะเปนรั้วปองกันไมใหอายเขอายโขงมันรักได
ประหนึ่งวาทานทั้งหลายประสงคจะจับปลาตัวที่
ทานประสงคไมอยากใหปลาตัวโต ๆที่เขี้ยวแหลมๆดุดันเขามา
จงขึงตาขายที่ตาถี่ยิบ และพอให
ปลาตัวที่ประสงคเขามาไดและตัวที่เราไมประสงคจะใหเขามันก็เขามาไมได
เพราะวาคนนี้มันคบกันดวยธาตุพระพุทธองคทานตรัสเชนนั้น
ผูที่ทรงสุตะจะตามหลังพระ
อานนทผูรักปญญาจะตามหลังพระสารีบุตร
ผูรักสมาธิจะตามหลังพระอนุรุทธผูทรงวินัยจะ
ตามหลังพระอุบาลี สวนภิกษุลามกจะตามมาหลังพระเทวทัต ก็หมายความวา
สัตวทั้งหลายมัน
คบกันดวยธาตุ เพราะฉะนั้นบรรพบุรุษของเรา เมื่อจะแตงงานลูกสาว
ลูกบาวของเขา เขาจะตอง
สมพงศธาตุกอน แตวาเรื่องโหราศาสตรนั้นอีกเรื่องหนึ่งสวนเรื่องสมพงศธาตุนี้ถูกตอง
เชนเขามีวา
คนนี้เปนธาตุไมจอมเขา
ผูหญิงคนนี้เปนหินธาตุธาตุต่ําหยาบคายดุจนางยักขิณีชายคนนี้เปน
ปณีต ธาตุประณีตดุจเทวดา ฉะนั้นอยูดวยกันไมได
เดี๋ยวทะเลาะกันเขาตองสมพงศธาตุ คือรูวา
ทําอยางไรมันจึงจะเขากันได
พอไปกันไดดวยเหตุนั้นกอนที่เขาจะแตงงานลูกสาว เขาตองสงคนไป
แอบฟงผูหญิงตําน้ําพริกถามันตําดวยจิตที่ไมคอยวางเทาไรแลว
มันก็ขึ้นกับอารมณ พริกกระเด็น
เขาตาบาง มันยิ่งโมโหใหญแลวเสียงตํามันจะไมเปนส่ําหรือเขาจะตองสงคนไปดูผูหญิงตากผานุง
เมื่อชายผา ๒ชายทับสนิทเสมอกันก็ตัดสินไดวาหญิงคนนั้นประณีต
ซึ่งโดยทั่วไปแลว พออาบน้ํา
เสร็จ ซักโครม ๆแลวเหวี่ยงขึ้นราวไปเลย
ถาอยางนั้นหญิงนั้นหยาบเมื่อสมพงศธาตุจะตอง
คํานึงถึงจริตนิสัยนี้ขึ้นมาอยาทําเลนกับบรรพบุรุษของเราเปนอันขาดเขาเคยทําใหชีวิตคูประสบ
ความสําเร็จมามากตอมากแลว ในขณะที่ปรัชญาไมอาจชวยไดเทาไรนัก
ดวยเหตุนั้นการแสวงหาคูรักที่ดีที่สุดจึงอยาแสวงหา
จงประพฤติตนใหเห็นผูถูกแสวงหา เพราะ
ผูที่มีธาตุเหมือนกันเทานั้นจะเล็ดลอดเขามาโดยสมัคร
ถาทานจะยอนถามวา ถาในโลกนี้มันเกิดมี
แตอายเขอายโขงแลว เราไมตายหรืออยูคนเดียวเปลี่ยวจนตาย
ขอนี้อยาไดกลัวเลย ถาพลาดจาก
คูรักในโลกนี้จะไดรับขึ้นสูสวรรค
คือแตงงานกับพระธรรมเจานี้ไมใชคําพูดเลนหรือโฆษณาชวน
เชื่อแตมันเปนเรื่องจริงที่วาถาประพฤติธรรมเขาไป
มันจะไดเห็นความรัก ไมใชไดรักอะไร หรือ
เรียกวา มันรูสึกถึงความอบอุนที่ธรรมชาตินี้อภิบาลชีวิตอยู
คือพระผูเปนเจาที่คุมครองสรรพสัตวนี้
อยู สวนชีวิตคูมันเปนเพียงวิกฤตการณที่เราวาเหว
และออนแอเทานั้นโปรดอยาปากแข็งเปนอัน
Page 20
ขาด เดี๋ยวจะมีการประณามวาพวกที่ไมมีคูเปนพวกองุนเปรี้ยว
แบบสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งกินองุนที่
อยูสูงไมได ก็เลยดาประณามวาองุนเปรี้ยว
แลวทําทีเปนมะนาวหวานอะไรทํานองนั้นขึ้นมาอีก
ทีนี้ขอมาถึงสวัสดิกะอันที่สาม ขันติ
คูรักทั้งหลายจําเปนตองทนไมวารักหญิง รักชายหรือรัก
พระธรรมเจาตองอดกลั้นอดทน ถึงขนาดน้ําตาไหล ขันติ
และโสรัจจะเห็นธรรมที่งามที่สุด ไมมีใคร
สนใจสิ่งนี้ และเพราะบางคนนั้นมีความอดทน แตมันอดทนแบบกัดกรามอยูขางใน
มันฮึดฮัดๆ มัน
เฉยจริง แตมันเฉยแบบไดยินเสียงขบเขี้ยวเคี้ยวกรามอยูขางใน
แตความอดทนหรือขันติในที่นี้ตอง
หมายถึงอดทนอยางสงบเสงี่ยมอยูขางใน มันพรอมที่จะใหอภัย
ก็คือมันตองมีเมตตา คืออันที่สี่
ของสวัสดิกะแหงความรัก
สุทธิ ปญญา เมตตา ขันติ
คือธงชัยหรือผาประเจียดประจําคูรักทั้งหลายในโลกนี้อยามัวไป
หาตะกรุด อยามัวไปหาอาจารยลงเสนหยาแฝด สะเดาะเคราะหอยามัวไปหาเมตตามหานิยมที่
ไหนอะไรตอมิอะไรที่เปนเรื่องเหลวไหลเลย
ชักธงแหงสวัสดิกะแหงความรักขึ้นในครอบครัว ในชีวิต
คู ในมิตรไมตรีระหวางเพื่อน ในระหวางลูก ระหวางสามี
ในครอบครัวหรือในสังคมขึ้นเถิดนึกถึง
สวัสดิกะที่ประกอบไปดวยสุทธิ ปญญาเมตตา
ขันติเมื่อเราตองการความบริสุทธิ์ใจก็ตองมี
ปญญา ปญญาเทานั้นจะทําใหบริสุทธิ์ปญญาเทานั้นทําใหอดทนไดอยางสงบเสงี่ยมและผูสงบ
เสงี่ยมอภัยแลวเทานั้นจึงเมตตาไดจริง
ผิดจากนี้แลวเปนเพียงเมตตาของทาทาง ซึ่งเราจําเปน
จะตองมีเหมือนกัน เพราะอยูดี ๆจะใหเมตตาถึงที่สุดเลยทําไมได
จึงจําเปนตองเมตตาทั้งขางนอก
และรอวันผลิออกจากขางในดวย
เมตตาที่แทจริงตองอุปมาเหมือนอาการบานออกของดอกมะลิ
ซึ่งเราจะจับฉีกมันไมได อยาง
นั้นไมเรียกวาบานจริงอยูเราอาจทําใหดอกบัวหรือคอกมะลิบานได
ซึ่งอุปมาดวยการพยายามที่จะ
เมตตา ทําไดแตเมตตาแทจริงตองเปนอํานาจเบงบานของมันเอง มันเห็นไปเอง
เมื่อเปนเชนนั้น
แหละจึงเรียกมันวาความรัก เพราะมันไมไดถูกบังคับบีบคนใหรัก
และมันจะไมเกลียดผูที่ไมรัก
ตอบตัว เดี๋ยวนี้เราพบวา
ฉันรักเธอตราบที่เธอยังซื่อสัตยตอฉันวันไหนฉันจับไดวาเธอไมรัก ฉันจะ
เชือดคอเธอ นี่ไมใชความรักมันเปนอาการของคนที่คลั่งอะไรอยางใดอยางหนึ่งหนึ่งตัวกู-ของกู
เปนการเสริมอัสสมิมานะของตัว
แกลงยืมมือหญิงที่นาสงสารหรือชายผูนาสงสารนั้นเสริมตัวเอง
แลวก็ใหเกียรติวานี่สามีของดิฉันนี่ศรีภริยาของผม
มันไมใชความรักเพราะฉะนั้น เราจึงตอง
แสวงหาความรักใหพบเสียกอนคือความพรอมที่จะรักใคร ๆไดจริงแลวจึงจะรักได.
คราวนี้ขอใหอาตมภาพเลื่อนมาถึงสิ่งที่สําคัญขึ้นไปกวานั้นอีกสักเล็กนอยเวลาไดลวงเลยมา
มากพอแตมันยังไมจบกระแสความ เพราะเรื่องราวของความรักนี้มันตองการเวลา
และผูที่รักจริง
นั้นไมคํานึงถึงกาละ เหมือนดังที่หญิงชายไปนั่งรอคูรักของตัว
ดึกดื่นเที่ยงคืนตาสวาง แตหาก
แตงงานแลวแมสัก ๕นาทีก็ชักรอไมคอยจะได
เพราะขณะที่อยูในความรักกาละไมปรากฏ ไมมี
Page 21
ความหมาย แตในความเกลียด ๒นาที๑นาทีทนไมไหว เสียงจะกระโชกกระชากขึ้นมาทันที
เพราะฉะนั้นถาทานทั้งหลายจะอดทนฟงตอไป
ก็ไดโปรดทําใจใหดีถึงเรื่องราวที่จะหวนมาถึงเรื่อง
สําคัญที่สุดของเรื่องราวของความรัก
ไดตั้งตนไวแลว ความรักตองผานทางความงาม และความงามนั้นตองผานทางความเขาใจ
ธรรมชาติแวดลอม
และธรรมชาตินั้นก็ไมไดหมายเพียงปรากฏการณที่ตาเห็นเชนแสงแดดออน
น้ําคาง มันตองหมายถึงเห็นสัจจะในธรรมชาติ สัจจะของธรรมชาติก็คือสัจจะแหงความ
แปรเปลี่ยนอยูนิรันดร คือเปลี่ยนอยูเรื่อยนั้นคือกฎแหงอิทัปปจจยตา
เปนสิ่งที่เราไมอาจไป
ดัดแปลงหรือไปแทรกแซงมันได คือมันตองเปนเชนนั้น
ไมอาจเปนอื่นเมื่อเห็นอยูเชนนั้นมันจึงจะ
เกิดอาการปลอยวาง เมื่อปลอยวาง
จะเริ่มเห็นความงามของทั้งสิ่งสกปรกและสะอาด บางทีคําวา
งามของสกปรกสะอาดนี้ทานอาจจะงง แตในวันแหงการปลอยวางนั้นชายทุกคน หญิงทุกคนงาม
ทั้งนั้นมันมีอะไรที่เปนทิพยลักษณะหรือDivinity
ในตัวของทุกๆสิ่งหญิงทุกคนงามตามธรรมชาติ
ชายทุกคนงามตามธรรมชาติ ไมวาที่เราเรียกกันวาเขาขี้เหรขี้ริ้วขนาดไหน
เพราะวามันงามมาจาก
ตาขางในที่ดูสิ่งนั้น ไมไดงามที่ตัวของมันเอง
ขอใหทานทั้งหลายสังเกตวันไหนที่ทานกลุมใจ อาหารที่อรอยกลับไมอรอย
ภาพที่นาชื่นชม
กลับไมชื่นชมเพราะขางในมันอึดอัดอยู
แตพอวันไหนมันปลอดโปรงกินขาวอรอยดี อยูที่ไหนก็
สบายดีหรือเดินที่สนามหลวง เขากําลังเดินขบวน ก็สบายดี
ไมเห็นจะตองเดือดรอนวุนวายอะไร
เพราะฉะนั้นมันตองเกิดที่จิตใจ แลวมันจะเห็นความงาม
และความงามนี้ตองผานมาทางปญญา
และปญญานี้ตองรูเห็นกฎเฉียบขาดของธรรมชาติ เมื่อเปนเชนนั้นแหละ
ผูที่เห็นความงามเชนนี้จะ
พึงมีคําตอบคําถามของเชคสเปยรที่วาความรักมันเกิดไดที่ไหน
เมื่อไรมันเกิดที่มันสมอง หรือเกิด
ที่จิตกันแน ซึ่งก็คงจะมีวา
๏เมื่อนั้น
รจนานารีมีศักดิ์
เทพไทอุปถัมภนําชัก
นงลักษณพิศเงาะเจาะจง
นางเห็นรูปสุวรรณอยูชั้นใน
เอารูปเงาะสวมไวใหคนหลง
ใครใครไมอาจเห็นรูปทรง
พระเปนทองทั้งองคอรามตา ฯ
นี่ไมใชเพียงแคยกขึ้นมาฟงเพลินๆเพราะหูเทานั้นแตวรรณกรรมเรื่องสุวรรณสังขชาดก
พระภิกษุชาวเหนือแตงไวเปนปฤศนาธรรม
จะยอใหฟงวาหกธิดาที่มันสมัครสโมสรโยนมาลัยไป
คลองหกเขยนั้นคืออายตนะภายในกับภายนอก ที่มันสมัครสโมสรกันและกัน
คือตากับรูป หูกับ
เสียง จมูกกับกลิ่น
ลิ้นกับรสผิวสัมผัสกับสิ่งที่มาสัมผัสและจิตที่เขามากระทบกับธัมมารมณ
อายตนะเหลานี้ไมอาจที่จะเห็นความงามของธรรมชาติหรือสัจจะของธรรมชาติได เปนเพียง
ปรากฏการณสัจจะอยูนอกเหนืออายตนะเหลานี้
มันตองเปนตาที่เจ็ดคือนางคันธาหรือรจนา
Page 22
เพราะฉะนั้น เมื่อรจนามันเห็นเจาเงาะ
คือปรากฏการณที่นาเกลียดซึ่งถูกกําหนดเห็นเปนความ
ทุกขสําหรับคนธรรมดา ไมเห็นความดับทุกข
ซึ่งเมื่อเห็นก็รูสึกวามันทิ่มแทงเราถึงขนาดนี้ทําไมชีวิต
ในโลกนี้ มันเจ็บปวดขนาดนี้แต
ในทามกลางความทุกขมันซอนความดับทุกขไว ทามกลางไฟมัน
ซอนความเย็นไวในนั้น เพราะฉะนั้นเองผูที่มาถึงปากทางแหงพระธรรม
คือนางคันธา ธรรมจักษุ
คือตาที่เจ็ดหรือเรียกวาตทายตนะ
ผูที่เห็นพระธรรมเจานั้นจะเริ่มเห็นความงามที่ซอนอยูในความ
ไมงามเพราะฉะนั้นเองอาตมาจึงไดกลาวแลววา
๏ เมื่อนั้น
รจนานารีมีศักดิ์
เทพไทอุปถัมภนําชัก
นงลักษณพิศเงาะเจาะจง
นางเห็นรูปสุวรรณอยูชั้นใน
เอารูปเงาะสวมไวใหคนหลง
ใครใครไมอาจเห็นรูปทรง
พระเปนทองทั้งองคอรามตา ฯ
ความทุกขที่เราเห็นนั้นเหมือนั้นจาเงาะ แลวเราเกลียด
เราไมชอบแตถาผูใดเพงใหดีจะพบวา
ความดับทุกขมันซอนอยูในความทุกข
ประหนึ่งวาเราเอามือแหยลงไปในน้ํารอน เมื่อเราดึงออก
มันเริ่มเย็นๆๆและความเย็นนี่มันเกิดจากความรอนผูใดมีทุกขมาก
จงอดทนเถิด เขาจะพบกับ
ความเย็นมาก ผูใดเศราโศก
เขากําลังจะเขมแข็งในวันหนึ่งเหมือนดังที่กวีเกอรเต กลาววา ผูใดไม
เคยตื่นอยูเดียวดาย คร่ําครวญ เพราะความหงอยเหงาแลว
ผูนั้นจะไมมีวันจะรูจักพลังของพระผู
เปนเจาไดเลยเพราะฉะนั้นจงอํานวยพรใหคนที่กําลังเศราโศก
แตสําหรับคนที่ตีปกรา เขาจะไมมี
วันรูจักกับความรัก เพราะฉะนั้นหนุมสาวที่เศราโศกทั้งหลาย
ขอใหมีความหวังเถอะวายังมีสิ่งหนึ่ง
ที่จะมาชวยชีวิตทานทั้งหลาย
ก็คือจะไดเห็นความรักจะไดเปนรจนาจะไดวิวาหกับพระสังข คือสิ่ง
ที่มันซอนอยูในความทุกขนี้คือความดับทุกขซึ่งเปนสิ่งที่อภิบาลชีวิตทุก
ๆชีวิต อยูทุกค่ําคืนขอให
สังเกตเมื่อเรานอนหลับใหดีสิ่งนี้จะอภิบาล
ถาสิ่งนี้ไมมีมนุษยตองตายหมด ถามนุษยนี้มันฟุงอยู
ทั้งวันทั้งคืน เดี๋ยวก็ตาย แตสิ่งนี้มันอภิบาลอยูในทุก ๆสิ่ง
ดวยเหตุนั้น จะพอเพียงหรือไมก็ไมทราบ
จะลงกันไดหรือคําตอบของทานกวีที่รัชกาลที่๖ทรงแปลไววา
๏ ตอบเอยตอบถอย
เกิดเมื่อเห็นนองนอยอยางสงสัย
ตาประสบตารักสมัครไซร
เหมือนหนึ่งใหอาหารสําราญครัน
แตถาแมสายใจไมสมัคร
เหมือนฆารักเสียแรกเกิดยอมอาสัญ
ไดแตชวนเพื่อนยามาพรอมกัน
รองรําพันสงสารรักหนักหนาเอย ฯ
นั่นก็คือความรักแทเกิดเมื่อเห็นธรรมะ ตาตอตาประสบกับพระธรรม และสิ่งที่ถนอมกลอม
เกลี้ยงเลี้ยงรักนี้ไวก็คือความรักธรรมะ ธรรมนันทิคือความเพลิดเพลินในธรรมะนั้นเอง
Page 23
ในการประพฤติปฏิบัติธรรมนั้นจะตองกระทําจนเห็นอสังขตธรรม ที่ซอนอยู ในสงขตธรรม
อสังขต นั้นหมายถึงความสงบเย็นหรือความดับทุกข
คือนิพพานเทานั้นวรรณคดีไทยเหลานี้ซอน
ปญหาไปเกือบทุกเรื่องในปญญาสชาดกและไดถูกแปลงใหเปนวรรณศิลปอยางเดียว
ใหเหลือแต
รสของวรรณศิลป ไมมีธรรมรส ซึ่งอันนี้เปนเรื่องจะเรียกวาเสียหายก็ได
แลวแตทานผูคงแกเรียนจะ
คิด แตสําหรับอาตมภาพเห็นวาเรื่องนี้เปนเรื่องเสียหายมากกวาไดประโยชนเพราะวาสิ่งที่เรียกวา
ธรรมรส มันไมอาจเทียบกับสิ่งที่เรียกวาวรรณศิลป หรือสุนทรียรสเลย
สิ่งหนึ่งมันปลอบประโลม
เหมือนเอาแอลกอฮอลมาทาฝใหเย็นๆ อีกสิ่งหนึ่งมันเอาหนองออก ซึ่งจะทําใหหาย และ
วรรณกรรมชนิดนี้เทานั้นที่เปนมหาวิทยาลัยของชาวบานเปนวิธีทางของชาวบานในอดีต
จนถึง
ขนาดเขียนไวตามผนังโบสถเกือบทุกวัดทางภาคเหนือเชนวัดภูมินทร
จังหวัดนานและทุกๆ แหง
ทางเหนือถาเปนนิทานประเภทไรสาระแลว เขาคงไมเขียนขึ้นเปนผนังโบสถอันเปนสถาน
ศักดิ์สิทธิ์ดอกตอมาภายหลังไดลดรูปลงมาเปนนิทาน
แลวเขาใจกันวาหญิงสูงศักดิ์เชนนางรจนา
นี่ เรียกหญิงสูงศักดิ์ ไปหลงรักชายรูปชั่วตัวดํา ไมฟงคําของพอแม
อยางนี้ไรสาระ ที่จะเขียนไวบน
ผนังซึ่งชาวบานจะตองไปเรียนกันทุกวันๆหากทองเรื่องเชนนี้จะเอามาเลากันทําไมใหเสียเวลา
ในที่สุดอาตมภาพก็มาถึงบทสรุปวาคูรักทั้งหลาย
หรือผูที่ยังไมมีคูรักก็ตามใจ จงแสวงหาชูรัก
ของทานเถิดชูรักของทานจะทําใหความรักในโลกนี้เกิดสันติ
และเพื่อที่จะไดวิวาหครั้งสุดทาย ชูรัก
คือพระธรรมนี้จะถูกรังเกียจถาไมรูจักเหมือนเรารังเกียจชูทางโลก
ที่มาแยงความรักของเราไป
เพราะวาพระธรรมนั้นจะมาแยงชิงความรักของเรา ในภรรยาและสามีของเรา
ดังที่พระคริสตตรัส
วาเรามาเพื่อใหพอแยกจากลูก
เรามาเพื่อใหพี่แยกจากนองเรามาเพื่อใหแมกับลูกของตัวแตกคอ
กันเพราะถาแมสนใจธรรมะ ลูกจะไมเห็นดวย ถาลูกเขาใจธรรมะ
แมจะไมเห็นดวยเพราะทั้งแม
ทั้งลูกประสงคจะกอดคอกันจมอยูในทะเลวนแหงวัฏสงสารนี้
ดวยเหตุนี้ทานจงแสวงหาชูของตัวให
ทันกาลถาชูทางโลกนั้นนาเกลียดมาก
แตชูทางธรรมก็นาเกลียดใชนอยสําหรับผูที่ไมรูจักธรรมะ
แตผูที่แสวงหาธรรมะ ผูนั้นกําลังแสวงหาชู
จงรีบหาชูของทานแลวเปนชู รวมกันอยูดวยเหตุฉะนี้
ขอใหทานทั้งหลายจงแสวงหาพระธรรมเจาผูอภิบาล
ซึ่งเปนชูรักของคูรักทุกคู และทานทั้งหลายจะ
ไมเห็นเพียงชูจะไดเห็นความรัก ความอภิบาลของพระธรรม
เพราะฉะนั้นทุกค่ําคืนทุกขณะ จงเปด
หนาตาง รอชูรักของทานไว เปดหนาตางของใจนี้ไวรอใหดี
เมื่อมันโปรงขึ้น ชูรักของทานจะปรากฏ
คือจิตนั้นวางลงจากอหังการ มมังการ เปดประตูหนาตางนี้ใหดี
สิ่งนั้นจะปรากฏขึ้น แลวจะเห็น
พระองค จะเห็นพระธรรมเจาที่อภิบาลชีวิตอยู และเมื่อทานจากไปเสีย
จิตมันวุนขึ้นอีก จงกระหาย
ถึงพระองค จงกระหายความรักชนิดนั้น ผู ใดกระหาย
ผูนั้นจะไดเติมใหเต็ม ผูใดชิงชังพระองค
ผูนําจะพรองเรื่อยไป จนกระทั่งตายไปแตผูใดกระหายรักในชูรักเชนนั้น
ก็จงเปดใจใหโลงและใน
ที่สุดพระองคพระธรรมเจาจะเขามาบรรจุใหเต็มในใจของคูรักทั้งหลายในโลกนี้
Page 24
ขออํานวยพรใหทานทั้งหลาย ประสบชูรักของทานจงทุกๆขณะประสบสันติสุขทุกทิพาราตรี
นับตั้งแตบัดนี้จนตราบเทาเขาสูการวิวาหอันถาวรเด็ดขาดสิ้นเชิง
คือพระนิพพานเถิด ขอใหสวัสดี
ชีวิตกับความรัก
ภาคคําถาม - คําตอบ
(ธรรมบรรยายโดย เขมานันทะ)
ถาม เรื่อง กากี สอนอะไรไว
ตอบ ทานทั้งหลายโปรดทําในใจใหดี
วรรณกรรมหรือวรรณคดีทั้งหลายนั้นที่เปนวรรณคดีทาง
โลก ๆเขาตองการรสอีกชนิดหนึ่ง เรื่อง กากี
นั้นเราไมแนใจวาคนเขียนประสงคอะไร แต
ถาคิดวาเปนเรื่องสงเสริมใหหญิงเปนคนชั่วแลว
เราตองใหความยุติธรรมตอผูแตงไมมากก็
นอย แมเรื่องนางวันทองหรือเรื่องอะไรก็ตาม
มันขึ้นกับผูวินิจฉัยหรือแมแตหนังสือเรื่องโร
เมโอจูเลียตหรือเรื่องลิลิตพระลอ อะไรก็ตาม มันขึ้นกับวาเราจะวินิจฉัยกันแงไหน
สําหรับกากี เราจะมองในแงของความสําสอนก็ได หรือเรื่องหนังสือที่เรียกวากามสูตร
ของโยคีคนหนึ่งที่แตงไวจะมองในแงที่ตองการใหคนตกต่ําก็ได
แตถามองอีกแงหนึ่งก็คือ
เขาตองการใหผานเรื่องกามารมณอยางถูกตองดวยวิธีการของศาสนา
เพื่อไมจมปลักอยู
ในนั้นและรีบดวนขามพนไป
สวนที่ประสงคทางลัดก็ไมประสงคเชนนั้นจัดการเขาไปที่ขาง
ใน เพราะวากามไมไดหมายถึงวัตถุกามพระพุทธเจาตรัสวานเต กามานิจิตฺรานิ โลเก
อารมณอันเห็นที่วิจิตรทั้งหลายในโลกนี้ไมใชกามแต
สงฺกปฺปราโคปุริสสฺสกาโม จิตที่ดําริ
เพราะกําหนัดนั้นคือกามโดยเหตุนั้นบางคนชอบคุยโววา ประสบการณทางโลกมาก ๆจึง
จะรูทางธรรม นี่เปนคนโงพูดเชนบอกวาเราตองโชกโชนในเรื่องกามารมณ
ในเรื่องอะไรตอ
อะไรอยางพระพุทธองคเปนตน ยังจะโกหกใสพระพุทธองคเสียอีกเพื่อสนับสนุนความ
เขลาของตัว เชน บอกวาเราตองมีประสบการณเรื่องชีวิต เรื่องกามารมณ
เรื่องอะไรๆให
มากเพื่อจะไดรูทางธรรม นี้ไมจริง
เพราะวาตัวประสบการณแทคือประสบการณของจิตที่
มันดําริดวยอํานาจของความกําหนัด และสิ่งนี้เรียกวากาม
เมื่อเปนเชนนั้นถาระงับไดที่
นั้นเปนอันวาผานประสบการณทุกวันและลึกถึงตนตอของมันดวย เพราะเหตุนั้นบรรพชิต
ผูแสวงหาทางรอดจะรูเรื่องกามมากกวาชาวบาน
ทีนี้เรื่อง กากีนั้นผูประสงคแตงเพื่ออะไรอาตมาไมทราบได
แตถาวินิจฉัยในแงของ
จริยธรรมหรือศีลธรรมแลว ก็ถือวาเปนการแตงชนิดที่เสี่ยงหรือทาทายตอศีลธรรมอยู
เชนเดียวกับลิลิตพระลอ จริงอยูลิลิตพระลอนั้นไพเราะในแงวรรณศิลป หรือในแง
Page 25
สุนทรียะมีอารมณสะเทือนประดุจเรื่องโรเมโอจูเลียตของเชคสเปยรแตดูใหดี
ถาเราดูบท
สุดทายเขาจะชี้โทษแหงกามใหเห็น ในโรเมโอจูเลียต ๒ตระกูลทั้งฝายชายและหญิงนั้น
ฆากันตายหมดสิ้น เพราะลัทธิความรักของโรเมโอและจูเลียต หรือความรักของพระเพื่อน
พระแพงที่มีตอพระลอ ทําใหทั้งสามถูกธนูจนลมไมลงดวยอํานาจของกามราคะ
เพราะฉะนั้นถาดูในแงนี้เราจะพบวาเขากําลังแสดงโทษของกามใหเห็นก็ได
โดยเหตุนี้เราจะดูเรื่องไหน ในเรื่องกากีก็ดูใหเปนก็แลวกันวรรณกรรมเปนสมบัติ
กลางๆของชาติ เปนมรดกตกทอด ยุคไหนมนุษยใหคานิยมอันไหน ก็เปนแงนั้นอาตม
ภาพขอยกตัวอยาง ไมใชวาจะจวงจาบคุณครูของอาตมภาพที่สอนกามนิตวาสิฎฐิทาน
สอนเรื่องกามนิตวาสิฎสีโดยไปย้ําอยูแตตอนบนลานอโศกจนหมดเทอม เพราะทานเปน
คุณครูสาวและชอบบทนั้นอาตมาพึ่งมารูวาเรื่องกามนิตนี่
แตงไดวิเศษสุดเหลือเกินเมื่อ
ไมกี่บีมานี้วาเปนหนังสือที่ดีมากโดยเฉพาะในหลักคําสอนเรื่องอริยสัจ
ทั้งเรื่องชีวิตรัก ทั้ง
เรื่องขนบธรรมเนียม อะไรเบ็ดเสร็จในนั้นและบทใกลๆสุดทายเนนที่เรื่องอริยสัจ ดู
เหมือนจะเปนตอนกามนิตเปนเด็กดื้อพระพุทธองคแสดงความจริงของชีวิตใหทราบแลว
ไมเชื่อแลวยังซักวานี่ทานไดยินจากปากพระพุทธองคหรือเมื่อพระองคตรัสวา
เราบอก
ไมได เขาก็ดีใจวาพระพุทธเจาไมไดตรัสเชนนี้บทสําคัญมันไปอยูที่นี่
คราวนี้ถาถามวา ในเรื่องทั้งหมดทานชอบใครที่สุด บางคนตอบวาฉันชอบกามนิต เปน
พระเอกรูปหลออะไรๆ ก็เกงเหมือนกามนิตหนุมเทียวก็ชอบเชนนั้นบางคนก็ชอบใครตอ
ใครในนั้นแตไมมีใครนึกถึงทานวาชศรพซึ่งเปนบุคคลที่นาสนใจที่สุดในหนังสือกามนิต
เปนผูเสียสละเปนครูของโจร สอนคุณธรรมใหโจร และตองตายเพราะอุดมการณของโจร
การที่จะตัดสินวรรณกรรมนั้นเราตองใหความยุติธรรมรอบดาน อยาเอาตัวเองเปน
หลักหรือวาดูแงเดียวลิลิตพระลอ ถาดูแงลามก
ก็เปนหนังสือลามกที่ดีที่สุดก็คือมัน
หยาบโลนที่สุด ถาเราดูในแงนั้น
แตถาดูในแงโทษแหงกามนี่ก็มีอยูอยางลึกซึ้งที่สุดและจบ
ลงอยางนาสลด เพราะฉะนั้นใครอาน คนนั้นก็เก็บเกี่ยวประโยชนเอาไดตามที่ตัวเอง
ประสงค
หนังสือเลมเดียวกันเชนหนังสือเรื่องเพศศึกษาจะอานใหเปนหนังสือลามกก็ได จะอาน
ใหเปนหนังสือที่เกิดความรูก็ไดเหมือนกันฉะนั้นอยาโทษวรรณกรรม
แตวาวรรณกรรมที่ผู
แตงไมเจตนาแตงเพื่อยั่วยุเด็กหนุมสาวใหเสียผูเสียคน
นี่ก็มีอยูดาษดื่นในปจจุบันนี้พวก
นักแตงเขาอาจจะมีอุดมคติวากวีเปนกระจกสะทอนสังคม
นี้เปนคําพูดที่คอนขางเห็นแก
ตัว และไมรับผิดชอบตอเพื่อนมนุษยแทจริงเขาตองการเงินหรือตองการชื่อเสียงเสีย
Page 26
มากมาย กวีที่แทจริงนั้น
แมวาตัวเองกําลังตกอยูในปลักแหงความเลวรายนั้นก็ยังตองมี
สํานึกถึงความดีงามของมนุษย
อยางทานมิชิมาแหงญี่ปุนตองควานทองตาย เพื่อประทวงความเสื่อมวัฒนธรรมของ
ชาติญี่ปุนกวีที่เขียนใหเราสํานึกถึงคุณธรรมของมนุษยทานทั้งหลายอาจจะลืมนึกถึง
แด
เนียลเดโฟ (DanieI Defoe) ที่แตงเรื่องโรบินสันครูโช(Robinson Crusoe) เพราะอาจจะ
เห็นวาไมเห็นสนุกตรงไหน ไมเราอารมณตรงไหน แตถาทานพิจารณาใหดีแลว จะพบวา
หนังสือเลมนั้นวิเศษมาก
มนุษยจะรูสึกพระเจาตอเมื่อเกิดทุกขเหงาขึ้นมาในเรือที่อัปปาง
หลังจากครูโซขึ้นเกาะแลวมีคัมภีรไบเบิลติดตัวอยูเลมหนึ่งหลังจากมัวเพลินปลูกขาวทํา
โตะ ทําเกาอี้พอวางขึ้นมาจึงหยิบขึ้นมาอาน และคอยๆซึมซาบถึงพระวัจนะขึ้นมา
เพราะฉะนั้นกวีมีหลายชนิดชนิดปลุกเราสํานึกใหเกิดน้ําตารวง คือบันดาลใจใหถอย
จากความประทุษรายเพื่อนมนุษยก็มีหรือแมสุนทรียรสอยางแบบโรแมนติคซิซึม
(Romanticism) อยางซิมโฟนี่นัมเบอร ๙ของบีโธเฟน (Beethoven) ที่นิยมเรียกกันวาAII
men shall be brothers. นั้นปลุกเราสํานึกของมนุษยใหอยาประหัตประหารกันเปนอัน
ขาด ในสมัยของบีโธเฟนนั้นนโปเลียนกําลังลางผลาญมนุษยอยางใหญหลวง บีโธเฟนจึง
เอากวีของชิลเลอร(Schiller)
มาดัดแปลงเนื้อเพื่อแตงเปนเพลงซิมโฟนี่ชนิดที่ปลุกสํานึก
มนุษยวา อยาฆากันเปนอันขาด ผูใดไมสรางสันติใหแกสังคม
ผูนั้นเปนอายมหาโจร
คําพูดของกวีชิลเลอรที่ถูกดัดแปลงมาในซิมโฟนี่นั้นวา
ผูใดที่ไมสงเสริมและสรางสันติสุข
ใหแกสังคมผูนั้นเปนอายมหาโจร เขายอมไมสมควรอยูในสังคมนี้
นี่เปนความวิจิตรของดนตรีชนิดที่ปลุกเราสํานึกของมนุษย ใหรําลึกถึงพันธสัญญาของ
การอยูรวมกันและชี้ใหเห็นถึงความหวังพลังของชีวิตความรักและความเปนหนึ่งเดียว
ของมวลมนุษย แตถาตกมาถึงยุคหนึ่งมันเกิดบิดเบือน เชน ไปเนนแตบทอัศจรรยดังใน
วรรณคดีไทยอยางนี้ถือเปนเรื่องเหลวไหลไรสาระ แตเดิมวรรณกรรมที่เรียกวามหากาพย
หรือEpic นั้นเขาตองการสิ่งที่เรียกวาเบ็ดเสร็จ ทั้งเรื่องคุณธรรม
ศาสนธรรม จริยธรรม
ประเพณี อะไร ๆมันสุมอยูในนั้นทั้งหมด เชน ในมหากาพยรามายณะนั้นเมื่อพระรามจะ
แตงงาน พวกพราหมณจะตองเปาสังข ตีเภรี เปาอะไรสารพัด
เพื่อใหรูวาเครื่องดนตรีมีกี่
ชิ้นในยุคนั้น
ถาทานทั้งหลายเปนคนปกษใต คงจะเคยดูหนังตะลุงหนังตะลุงนั้นไทยรับวิธีการ
ถายทอดเผยแพรมหากาพยมาจากอินเดียแตครั้งโบราณผานทางชวา ตัวตลกที่ชื่ออายเทง
กับหนูนุย จะพูดภาษาปกษใต ตัวพระตัวนางจะพูดภาษากลาง ดวยเหตุนั้นคนปกษใตไม
เคยมากรุงเทพฯ พูดภาษากลางไดถาดูหนังตะลุงทุกคืน เพราะมันมีทั้งภาษาศาสตร
Page 27
ประเพณี จริยธรรม ธรรมะทั้งคืนเดี๋ยวนี้เกิดเขาใจผิดตอเรื่องมหากาพยหรือเรื่อง
วรรณกรรม ไปเอาสิ่งนั้นมารับใชอารมณของตัว
และอางวาเพื่อชีวิตแตวาเพื่อชีวิตทําไม
ตองปลุกเราใหฆาชีวิต
ขอใหทานทั้งหลายสังเกตดูวาเพื่อชีวิตทําไมตองใหฆาชีวิตคือปลุก
เราใหฆากันกวีเพื่อชีวิตตองเสริมชีวิต
และปลุกเราใหฆากิเลสของตัวหรืออหังการที่จะ
ไปเลนงานเพื่อนนั้นตางหากที่เปนวรรณคดีที่ควรเชื่อถือ
เพราะฉะนั้นเรื่อง กากีสอนอะไรไวนี้ ผูอานโปรดพิจารณาเองและใหความยุติธรรมแก
ผูแตง และดวยใจที่อยาสอดสายหาสิ่งที่ตัวเองอยากสนองตอบมันอยูแลวในทางอกุศล
เลย
ถาม เพราะเหตุใดจึงวา
ปรัชญาที่อยูในเรื่องกามนิตวาสิฏฐีที่กลาววาที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข
เปนความเท็จทั้งที่ขอความบทนี้เปนความจริง และเปนวรรณกรรมอิงพุทธศาสนาที่
ถูกตองตามสัจธรรมมากที่สุดในวรรณคดีไทย
ตอบ ขอนี้ตองทําความตกลงกันใหมที่ใดมีรักที่นั้นมีทุกขพระพุทธองคไมไดตรัสไวเชนนี้
แต
ทานบอกวาเปมโต ชายตึ โสโก เปมโต ชายตึ ภยํ ความรักทําใหเกิดความโศก และความ
รักทําใหเกิดความกลัวเปม ในที่นี้หมายถึง รักดวยราคะ
ไมไดรักชนิดเปนเมตตาบริสุทธิ์
เมื่อรักดวยอํานาจของราคะ ก็เขาไปจับจองวาของเขา ของเรา พรอมกันนั้นมันก็กลัวจะ
สูญเสียอยูในตัวมันเสร็จเบ็ดเสร็จ ขณะที่กําลังเสวยรักก็กําลังสะสมความหวาดกลัวตอ
การสูญเสีย ขณะที่ทานรักภรรยาหรือสามีขณะนั้นกําลังสะสมฤทธิ์แหงความหึงหลง
ภรรยาหรือสามีอยูในตัวดวย
ทีนี้ในสํานวนนั้นที่วานั้นจะตองไปถามทานผูแตงที่ทําไมเอา
คํานํามาใชคําวาที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข
และดูเหมือนจะพึ่งวากันในสํานวนไทยนี่เอง แตถา
ดูอีกแงหนึ่งเราอาจพบวาที่ใดมีความทุกข
ที่นั้นจะมีเมตตาที่แทจริงคือคนจะรักกันได
ตอเมื่อเกิดเห็นใจกัน ความรักที่เกิดในทามกลางกองเงินกองทอง
มันอาจจะเปนความรักที่
คอนขางเหลวไหลก็ได ถาผูนั้นปราศจากคุณธรรมหรือปญญา มันรักกันไดเพราะวาตาง
คนตางชวยกันเสริมตัวตนของกันและกันและพรอมกันนั้นพรอมที่จะเปลี่ยน ดวยเหตุนั้น
ความรักแทหายากในหมูที่ร่ํารวยแตปราศจากคุณธรรมและปญญา
ที่วาหนังสือนี้อิงพุทธศาสนานั้นก็ถูกตองแลว
ผูประพันธชาวเยอรมันที่ชื่อคารลเยเลลูฟ
นั้นเขาอานพระไตรปฎก เขาหยิบเอาเรื่องของทานพระปุกกุสาติแลวเอามาดัดแปลงเปน
เรื่องกามนิต ซึ่งมีใจความยอวาทานพระปุกกุสาติซึ่งเปนปริพาชก
เดินทางจะไปเฝาพระ
พุทธองค เพื่อขอบวชเปนพระสาวก เพราะขาววาพระพุทธองคสอนไมเหมือนใครเลยใน
ชมพูทวีปสมัยนั้นคืนหนึ่งไปพบกันที่บานชางหมอทานพระปุกกุสาติไมรูจักวาเปนพระ
Page 28
พุทธองคนั่งประทับอยูเมื่อพระพุทธองคทานสังเกตเห็นวา
เด็กหนุมคนนี้ทาทางเอาจริง
จึงถามวาออกบวชอุทิศใครทานก็ตอบวาออกบวชอุทิศพระโคดมศากยมุนีเมื่อเปน
เชนนั้นพระพุทธเจาจึงทรงแสดงธรรมโปรด โดยไมไดบอกวาพระองคทานเปนพระศากย
มุนี แตในเรื่องในพระสูตรนั้นมีวาเมื่อพระปุกกุสาติฟงธรรมจบ
ทานลุกขึ้นเอาผาเฉวียงบา
กราบแทบพระบาทเปลงอุทานวาพระองคคือพระศากยมุนีโดยแนแททานรูจัก
พระพุทธเจาโดยพระธรรม และขอบวช พระองคจึงใหไปหาจีวรและบาตรมา เมื่อออกไป
แมวัวบาก็ขวิดตาย แตทานพระปุกกุสาติบรรลุธรรมเปนพระอนาคามีแลวกอนที่จะถูกแม
วัวขวิดดวยซ้ําไป
ทานคารลเยเลลูฟ เอาเหตุการณนี้มาดัดแปลง ประสบกับเรื่องราวของพระพาหิยะเรือ
แตก เหลือแตตัว ขึ้นฝง ไมมีเสื้อผา จึงเอาใบไมมากลัดๆ แลวนุง
ชาวบานเห็นก็เขาใจวา
เปนพระอรหันต เพราะดูเครงครัด หรือแปลก ๆดีพระพาหิยะเลยอุปโหลกนตัวเองเปน
พระอรหันตทําทาเปนพระอรหันตอยูหลายบี ทั้ง
ๆที่รูตัววาไมใชแตวามันเปนทางไดมา
ซึ่งอาหารและสักการะ
เมื่อไดยินขาววาพระพุทธเจาอุบัติขึ้นในโลกแลวโดยการรูสึกสํานึก
ขึ้นมาวาเลิกตมประชาชนทีไปเอาเรื่องจริงกันทีทานจึงออกเดินคืนเดียวไมหยุดดวยความ
รอนใจ จนถึงอารามที่พระพุทธองคประทับอยู เมื่อถึงอารามแลวถามถึงพระพุทธองค พระ
ในอารามบอกวาพระพุทธองคเสด็จออกไปบิณฑบาตพระพาหิยะทานทนรอไมไหว ตาม
ไปจนพบกันกลางทาง ก็ทรุดกายลงจับพระบาทของพระพุทธองค แลวขอใหตรัสสั้นๆ
ที่สุดวาประพฤติธรรมนั้นทําอยางไร พระพุทธองคตรัสวายังไมใชเวลา
ยังไมใชเวลา ตรัส
หามตั้ง ๓ครั้งพระพาหิยะก็ไมฟง ขอฟงเพียงคําเดียวเทานั้นพระพุทธองคจึงตรัสวา
ดูกอนพาหิยะถาเชนนั้นเธอจงทําในใจใหดี เราจะกลาวสั้น
ๆเมื่อใดตาเธอเห็นรูปก็ให
สักวาเห็น ซึ่งภาษิตนี้เราไดยินไดฟงกันบอยที่สุด
เมื่อใดหูไดยินเสียง สักวาไดยินจมูกได
กลิ่น สักวาไดกลิ่น
ลิ้นลิ้มรสสักวาลิ้มรสผิวหนังสัมผัสสักวาสัมผัสอยาใหเกิดยินดียิน
รายขึ้นมา เมื่อเปนเชนนี้เธอจะไมมี
ดูเหมือนเราไดเคยพูดกันในหัวขอธรรมบรรยายอื่นๆแลววาเมื่อไปกําหนดอะไรเขา
เกินความเห็นจริงตามที่มันเปนอยูเอง มันจะยอนมากําหนดผูกําหนดเขา
ทีนี้เมื่อสักวา
มันทําใหเกิดวางลง วางจากตน ผูกําหนดจึงไมมี
และตรัสกับพระพาหิยะตอไปวาเมื่อเปน
เชนนั้นเธอจะ ไมปรากฏในที่นี้ ไมปรากฏในโลกหนา ไมปรากฏในอดีต ในอนาคต นั้นคือ
ที่สุดแหงทุกขพระพาหิยะไดตรัสรูฉับพลันขณะที่กําลังหมอบอยูแทบพระบาท แลวออกไป
หาจีวรมาเพื่อบวชและถูกแมวัวบาขวิดตาย
ทานคารลเยเลลูฟ เอา ๒เรื่องนี้มารวมกันเขา แลวแตงเปนกามนิตวาสิฎฐีขึ้นมา
เรียกวาอิงพุทธศาสนา ที่จริงนั้นไมถูกควรเรียกวาอิงพระไตรปฎก สวนหลักธรรมนั้น
Page 29
เยเลลูฟพยายามที่จะสอดใสเขาไป ซึ่งเราตองยอมรับวาแตงไดวิเศษมาก
เชนเรื่องอริยสัจ
สี่เขียนขึ้นอยางงายๆชนิดที่นาสรรเสริญ
แตขอนี้เราก็ไมควรลืมทานผูแปลที่แปลไดถึง
ขนาดและนาสรรเสริญยิ่ง
ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่นาสงสัยผูถามคงจะตองสงสัยขึ้นมาอีกจนได
ก็คือวาการรองรําใน
หมูสงฆเปนอาการบา การหัวเราะเปนอาการของเด็กออน การรองเพลงคือการรองไห แต
โดยเนื้อแทแลวมันตองมีความหมายนี้อยาเขาใจตรงๆตามตัวหนังสือนัก ตองไปดูที่มา
คุณคาที่สอดคลองกับสิ่งอื่นดวยเชน ศีลขอที่วานจฺจคีต วาทิต วิสูก
ทสฺสนมาลา คนฺธ
วิเลปน ธารณมณฺฑณวิภูสนตฺ ฐานา ฯลฯที่ทานทั้งหลายรับกันอยูในวันอุโบสถขอที่วา
หามดูการเลนดีดสีตีเปา ขับฟอนทัดทรง สวมใส ประดับ ตกแตงถาจะถือเถรตรงตาม
ตัวหนังสือทานทุกคนในที่นี่จะตองถูกตัดสินวาผิดศีลแตใจความสําคัญอยูที่วาหามทัด
ทรง สวมใส ตกแตง ประดับดูการเลน ชนิดที่เปนขาศึกตอกุศล หากไมแปลความเชนนี้
แลว พระพุทธองคที่สวดมนตจะตองถูกปรับอาบัติ เพราะกําลังรองเพลงสรรเสริญคุณพระ
พุทธองค เราสวด นโม ตสฺสนี้คือเพลงที่มีทํานอง อิติปโส
ภควานี้เปนทํานองเพลง ฉะนั้น
จะตองแปลความใหชัดเจนวา รองรํา ประดับตกแตง ชนิดที่ยั่วยุกามารมณ
หรือชนิดที่เปน
ขาศึกตอกุศลทําใหตนกําหนัด ใหผูอื่นกําหนัดเรียกวาบาป
เพราะฉะนั้นแตงตัวอนาจารยั่วยวน หรือขออภัย ที่ตองใชคําของหนุมๆสาวๆวาโปนี้
เปนบาปการประกวดนางงามนี้เปนไปไมไดในเมืองชาวพุทธมันเปนเรื่องเสียหาย เปน
การยั่วยุที่จริงผูจัดนั้นไมใชชาวพุทธก็คือวาจิตใจไมเปนชาวพุทธที่แทจริง
ขอใหทาน
ทั้งหลายไดรําลึกถึงการประกวดนางสาวไทยรุนแรก ดูเหมือนนางสาวไทยคนแรก ดู
เหมือนจะชื่อนางสาวลัดดาสมัยนั้นเขาประกวดที่จรรยามารยาท เดินถือรม งดงามตาม
แบบไทย ๆไมไดประกวดเนื้อหนัง เดี๋ยวนี้วิวัฒนาการลุกลามจนกระทั่งอาตมาไดยินวามี
การประกวดนางงามกฐินเกิดขึ้นแลวในวัดนี้เปนเรื่องเลวรายที่สุด อีกประการหนึ่ง
ประกวดนางนพมาศในประเพณีลอยประทีปนั้นเขาใหนุงนอยหมนอยซึ่งนาขบขันตรง
ที่วา การลอยประทีปนั้นเปนประเพณีหรือธรรมนิยมที่ศักดิ์สิทธิ์
เพราะเปนการลอยประทีป
ไปบูชาฝาพระบาทของพระพุทธองคที่ฝงแมน้ํานัมทานทีนี่ถาพระพุทธองคทรงยังพระ
ชนมอยูแลวแตงตัวอยางนั้นไปบูชาพระองคทาน ลองนึกดูวาพระองคทานจะวาอยางไร
เห็นทีจะตรัสวากลับไปแตงตัวใหดีกอนแลวคอยลอยประทีปบูชาทาน
ถาม ขั้นแรกของการเขาวิปสสนาทําอยางไรกอน
Page 30
ตอบ คําถามนี้ดูเหมือนจะกวางขวางเกินไป แตโดยสรุปแลว
โปรดเขาใจวาวิปสสนาไมได
หมายถึงการนั่งหลับตาเห็นผีหรือเห็นสางหรือวาเปนการหลีกไปอยูในถ้ําในปาวิปสสนา
นี้แปลวาเห็นแจง เห็นแจงอะไร คอยเห็นแจงตอพฤติตาง ๆของชีวิต
และโดยเฉพาะอยาง
ยิ่งเล็งไปที่การเห็นกฎของธรรมชาติ คือกฎแหง อนิจจํทุกฺขํอนตฺตาอยางนี้เรียกวา
วิปสสนาญาณ ฉะนั้นการนั่งหลับตา
บางทีไมเกิดวิปสสนายิ่งหางจากวิปสสนาขึ้นไปอีกก็
อาจเปนได
การวิปสสนาที่แทจริงนั้นหมายถึงการเห็นกฎธรรมชาติในชีวิตประจําวันนั้นเอง แตการ
ที่เขาไปนั่งสมาธิกอนนั้นเปนบุพพภาค
คือเปนสวนหนึ่งที่ตองฝกกอนเพื่อทําจิตให
เหมาะสม คือมีกําลัง
มีสมรรถนะซึ่งจะทําที่บานก็ลําบากอยูจะตองไปทําที่วัดที่สงัด
และไดกัลยาณมิตรชวยแวดลอมใหและมันเกิดการเห็นแจงงายขึ้นเทานั้นเอง
แตอยางไรก็ดีวิปสสนาที่แทจริงนั้น
ก็คือการเพงพินิจชีวิตจนเห็นเรื่องราวของมัน และ
ยอดสุดของวิปสสนาคือเห็นวา ขันธ
๕หรือสถานะภาพของชีวิตที่เปนอยูเองแลวนั้นวาง
จากความเปนตน และของตน นี้เปนขีดสุดของวิปสสนาคํานี้เราอาจเทียบกับคําวา
insight หรือintuition
ในภาษาอังกฤษไดมันเห็นแจงถึงเรื่องราววาความรักคืออะไรเงิน
คืออะไร ลูกคืออะไร เมียคืออะไร กิเลสคืออะไร เกิดขึ้นอยางไร
และดับอยางไร ชีวิตตองไป
อยางไร อะไรเปนเปาหมายอันสูงสุดของมัน อยางนี้เรียกวาวิปสสนา
การนั่งกรรมฐานเปนวิถีทางเพื่อใหเกิดวิปสสนาและอยาเขาใจผิดเปนอันขาดวานั่ง
เห็นผีแลวบรรลุวิปสสนา อยางนั้นบางทีอาจจะเปนคนเคลิบเคลิ้มและไมคอยสบายมาก
ขึ้นทุกที สวนจะเริ่มลงมือฝกกรรมฐานนั้นก็ตองไปศึกษาทําความเขาใจใหดีและโดยเนื้อ
แทแลวตองศึกษาทุกขณะทุกครั้งที่ตาเห็นรูป หูไดยินเสียง ฯลฯ
ดังที่พระพุทธองคตรัสกับ
ทานพระพาหิยะนั่นเอง
ถาม ความรักที่เปนวิทยาศาสตรนั้นเปนอยางไร
ตอบ อาตมาไมเขาใจคําถามนี้เพราะความรักมันเปนเรื่องราวของ spirit
ไมใชเรื่องราวของ
mechanism ทางดานกายภาพ การเอามือแตะกันเรียกวารักไมไดการเอามือจับหญิง
หญิงจับชายเรียกวาความรักไมได เรามักไดยินคํากลาวที่วา เมื่อเอามือสัมผัสมือ
ประหนึ่งวาไฟฟาช็อต อยางนั้นมันเปนเรื่องทางกายหรือเพียงความคิดตางหาก
ความรักที่แทจริงอาจไมมีการสัมผัสทางกายเลยก็ได อุปมาเหมือนเรารักดวงดาว แลว
ก็ฝากมันไวบนสวรรคบนทองฟา
ไมตองไปเรียกรองใหมันมาอยูในมือหรืออะไรทั้งนั้นหรือ
เรารักดอกกุหลาบ ไมตองไปตัดเอามาดมก็ได ทิ้งไวที่กอกุหลาบนั้นแหละ
รักชางสักตัว
Page 31
หนึ่งก็ปลอยไวในปา ใหปามันเลี้ยงไวเหมือนทานกวีเกอรเต
กลาววาถาฉันรักเธอมันไม
เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเธอสักนิดหนึ่งก็หมายความวามันเล็งที่ตัวความรัก
เมื่อเกิดความรัก
แลว มันก็จบกัน สวนคนรักนั้น ระวังใหดีมันมักจะเปนผูทาทายความรัก
นอกจากคนรักนั้น
พบความรักดวย แลวทั้งคูมาอยูดวยกันแลวถนอมความรักซึ่งกันและกัน
ปลดปลอยซึ่งกัน
และกัน ใหอิสรภาพซึ่งกันและกันความรักชนิดนั้นเรียกวาเมตตา
วัฒนธรรมของชมพูทวีปเดิม ที่เรารับวัฒนธรรมนั้นมาสามีเมื่ออายุมากเขาก็เปนดั่ง
พระศาสดา สาวกสาวิกาคือภรรยาและลูกๆ พอแกเฒาก็เริ่มสั่งสอนศีลธรรม จริยธรรม นี้
เปนจริงไมใชเรื่องชวนหัวเราะ
เรารับวัฒนธรรมนี้มาทางปกษใตยังมีเหลือใหเห็นอยูบาง
คนแกเมื่อใกลจะตายจะขอใหลูกอุมขึ้นนั่งพิงผนังพิงเสาดั้ง
แลวเทศนาสงสอนเรื่องสุข
เรื่องทุกขเรื่องรัก เรื่องโกรธ เรื่องโลภ แลวก็นั่งตาย
เพราะถือธรรมเนียมวา สามีนั้นตองทํา
ตัวประหนึ่งผูนําของครอบครัวทั้งทางดานกายและจิตใจก็เพื่อวาจะไดนําครอบครัวไปใน
วิถีทางที่จะใหบรรลุถึงสันติสุข
ฉะนั้นความรักที่เปนวิทยาศาสตรนั้นวิทยาศาสตรแงไหน ตองถามกอน ถาแงฟสิกส
อาตมาไมเขาใจ และนั้นเปนเรื่องทางเพศ
ไมใชความรักและถาเปนเรื่องของ spirit คือ
ดานจิตวิญญาณแลว ความรักตองหมายถึงความเต็มเปยม ไมมีการพรอง ไมเรียกรอง
และรุนแรง แตมันจะลนออกไป คือเมตตาและกรุณา และความรักชนิดนี้ไมเลือกรักเฉพาะ
ภรรยาของตัวอันเห็นเหตุใหชังผูอื่นแตมันหมายถึงเมตตาที่เปนสากลเฉพาะ
เล็งเห็นวา
สัตวทั้งหลายนี้มีปญหาดวยกัน
เพราะฉะนั้นรักแทไมแสดงอาการขึ้นๆลงๆ ความรักที่ขึ้น ๆลงๆ ซึ่งดูเหมือนคนหนุม
สาวเขาเรียกมันวา ไฟรัก อยางนั้นเปนเรื่องบาคลั่งเดี๋ยวรัก
เดี๋ยวโมโหเดี๋ยวเกลียดเดี๋ยว
โกรธ ซึ่งเขารูดีกวาเปนรสชาติแหงความรักรสชนิดนั้นนําไปสุดการฆาการ
ประหัตประหาร เหมือนเรื่องคาเมนโจน รักอยางสุดซึ้ง
แลวก็ฆากันอยางสุดซึ้งเหมือนกัน
นั้นไมใชความรัก ขอใหรูเถิดความรักตองหมายถึงเมตตากรุณาเทานั้น
สิ่งนี้ถูกละเลยไว
ในพระไตรปฎกฝายเถรวาทเรา ไมไดหยิบยกมาพูดกันถึงเมตตาเจโตวิมุตติ หลุดพนดวย
อํานาจของเมตตาจิตอันบริสุทธิ์และสูงสุด นี้เปนหนทางแหงการประพฤติธรรมดวยความ
รัก เพราะฉะนั้นเด็ก ๆของเราจึงควรถูกสอนใหเปนคนรักคนอื่นตั้งแตเล็กๆ
ใหแผเมตตา
ซึ่งในอดีตสังคมของเราเปนอยูเชนนั้นยายายสอนใหแผเมตตาทุกค่ําคืน
เพื่อวาเขาจะ
เลื่อนจากความรักที่ผูกพันกันทางเพศมาสูความรักมนุษยชาติ
ความรักในสรรพสัตวผูรวม
ทุกขเกิดแกเจ็บตายดวยกันทั้งสิ้น
Page 32
ถาม เรื่องกามนิต ดิฉันคิดวาที่กลาววาที่ใดมีรักที่นั้นมีทุกข
เพราะไปคํานึงถึงความพลัดพราก
จากของที่รักมากกวาหากไมมีการจากก็ไมใชความทุกข
ตอบ เรื่องนี้ระวังจะตองวินิจฉัยใหดี
ไมวาจากหรือยังอยูดวยกันมันขึ้นอยูกับความยึดมั่นถือ
มั่น ความทุกขเกิดจากความยืดมั่นถือมั่นที่บอกวาความทุกขนั้นเกิดจากพลัดพรากจาก
ของรัก ถาของรักมีอยู ไมเรียกวาทุกขนี้ไมจริง
ถาคนนั้นยึดถือดวยอุปาทานแลวจะตอง
เปนทุกข ดวยอาการยืดมั่นถือมั่นนั้นนั่นเอง
ก็คือความเหน็ดเหนื่อยที่จะตองรักทั้งวัน และ
คนบางคนชอบบังคับคนอื่นใหรักตัวทุกลมหายใจเขาออกนะนี้เปนเรื่องเคลิบเคลิ้มไมมี
ใคร ไมมีมนุษยไหนทําได
เวนไวแตคูรักที่เรียกวาพระธรรมเทานั้นที่อาจอยูทุกลมหายใจ
เขาออกอยางแทจริง
เพราะฉะนั้น เราจะเปนคนโงเขลาขึ้นมาก็ได
เมื่อไปบังคับใครใหรักเราทุกลมหายใจเขา
ออก ที่จริงคูรักที่รูเรื่องนี้ควรจะบอกกลาวกันวา
ลืมฉันใหเร็วที่สุด ใหมากที่สุด แลวไปอยู
กับ "ชูรัก" ของเธอ แลวเราจะไดอยูดวยกันอยางสันติ
คําพูดชนิดนี้ชวนฉงน แตอยาคิดวา
เปนถอยคําตลก ทานทั้งหลายพบดวยตัวเองมิใชหรือวาอยูกันนาน
ๆรักกันมาก ๆก็เบื่อ
เร็ว รักกันมากเขา เดี๋ยวทะเลาะกันแลว แมพี่กับนองพอจากกันนาน
ๆก็ชักคิดถึงกันและ
กัน ครั้นเมื่อเขาใกล
กระทบกระทั่งกันก็เกลียดหนากันพอจากกันก็คิดถึงกันอีกเพราะตาง
ไมรูวาความรักชนิดนั้นไมวาอยูหรือพลัดพราก มันเปนความผูกพัน
กําหนดซึ่งกันและกัน
สูญเสียอิสรภาพของกันและกันเพราะฉะนั้นเราจึงขอเรียกรองใหเด็กหนุมปลอยเด็กสาว
เสีย และเด็กสาวปลดปลอยเด็กหนุมเสียเถิด อยาใหบวงนั้นไปผูกคอเขาไว
แลวใหเขาหัน
หนาเขาหากันในลักษณะเมตตาการุณยซึ่งกันและกันนั่นเขาจะพบกับความรักที่แทจริงได
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น