หลวงพ่อ (พระโพธิญาณเถร) บอกว่า
'ธรรมดาเราดูแต่คนอื่น 90 % ดูตัวเองแค่ 10 %'
คือคอยดูแต่ความผิดของคนอื่น เพ่งโทษคนอื่น คิดแต่จะแก้ไขคนอื่น
กลับเสียใหม่นะ ดูคนอื่นเหลือไว้ 10 %
ดูเพื่อศึกษาว่า เมื่อเขาทำอย่างนั้น คนอื่นจะรู้สึกอย่างไร
เพื่อเอามาสอนตัวเองนั่นแหละ
ดูตัวเอง พิจารณาตัวเอง 90 % จึงเรียกว่าปฏิบัติธรรมอยู่
ธรรมชาติของจิตใจมันเข้าข้างตัวเอง
โบราณพูดว่า เรามักจะเห็น ความผิดของคนอื่นเท่าภูเขา ความผิดของตนเองเท่ารูเข็ม
มันเป็นความจริงอย่างนั้นด้วย เราจึงต้องระวังความรู้สึกนึกคิดของตัวเองให้มากๆ
เห็นความผิดของคนอื่น ให้หารด้วย 10
เห็นความผิดตัวเอง ให้คูณด้วย 10
จึงจะใกล้เคียงกับความจริงและยุติธรรม
เพราะเหตุนี้เราจะต้องพยายามมองแง่ดีของคนอื่นมากๆ
และตำหนิติเตียนตัวเองมากๆ
แต่ถึงอย่างไรๆ เราก็ยังเข้าข้างตัวเองนั่นแหละ
พยายามอย่าสนใจการกระทำ การปฏิบัติของคนอื่น
ดูตัวเอง สนใจแก้ไขตัวเองนั่นแหละมากๆ
เช่น เข้าครัวเห็นเด็กทำอะไรไม่ถูกใจ
แล้วก็เกิดอารมณ์ร้อนใจ
ยังไม่ต้องบอกให้เขาแก้ไขอะไรหรอก
รีบแก้ไข ระงับอารมณ์ร้อนใจของตัวเองเสียก่อน
เห็นอะไร คิดอะไร รู้สึกอย่างไร ก็สักแต่ว่า ใจเย็นๆ ไว้ก่อน
ความเห็น ความคิด ความรู้สึกก็ไม่แน่..... ไม่แน่
อาจจะถูกก็ได้ อาจจะผิดก็ได้
เราอาจจะเปลี่ยนความเห็นก็ได้
สักแต่ว่า..... สักแต่ว่า..... ใจเย็นๆ ไว้ก่อน ยังไม่ต้องพูด
ดูใจเราก่อน สอนใจเราก่อน หัดปล่อยวางก่อน
เมื่อจิตสงบแล้ว เมื่อจิตปกติแล้ว
จึงค่อยพูด จึงค่อยออกความเห็น
พูดด้วยเหตุ ด้วยผล ประกอบด้วยจิตเมตตากรุณา
ขณะมีอารมณ์อย่าเพิ่งพูด
ทำให้เสียความรู้สึกของผู้อื่น
ทำให้เสียความรู้สึกของตัวเอง
ไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร
มักจะเสียประโยชน์ซ้ำไป
เพราะฉะนั้น อยู่ที่ไหน อยู่ที่วัด อยู่ที่บ้าน
ก็สงบๆ ๆ ไม่ต้องดูคนอื่นว่าเขาทำผิดๆ ๆ
ดูแต่ตัวเรา ระวังความรู้สึก ระวังอารมณ์ของเราเองให้มากๆ
พยายามแก้ไข พัฒนาตัวเรา..... นั่นแหละ
เห็นอะไรชอบ ไม่ชอบ ปล่อยไว้ก่อน
เรื่องของคนอื่น พยายามอย่าให้เข้ามาที่จิตใจเรา
ถ้าไม่ระวัง ก็จะยุ่งกับเรื่องของคนอื่นไปเรื่อยๆ
หาเรื่องอยู่อย่างนั้น เอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเป็นเรื่องของเราหมด
มีแต่ยินดี ยินร้าย พอใจ ไม่พอใจ ทั้งวัน
อารมณ์มาก จิตไม่ปกติ ไม่สบาย ทั้งวันๆ ก็หมดแรง
ระวังนะ
พยายามตามดูจิตของเรา รักษาจิตของเราให้เป็นปกติให้มาก
ใครจะเป็นอะไร ใครจะทำอะไร ดีหรือไม่ดี เรื่องของเขา
แม้เขาจะทำกับเรา ว่าเรา..... ก็เรื่องของเขา
อย่าเอามาเป็นอารมณ์
อย่าเอามาเป็นเรื่องของเรา
ดูใจเรานั่นแหละ
พัฒนาตัวเองนั่นแหละ
ทำใจเราให้ปกติ สบายๆ มากๆ
หัด-ฝึก ปล่อยวาง นั่นเอง
ไม่มีอะไรหรอก
ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการตามรักษาจิตของเรา
คิดดี พูดดี ทำดี มีความสุข
ยกมือขึ้น สาธุๆ ด้วยกันนะค่ะ
7---/////////////////////////////////////
ความสุขที่ถูกมองขาม (พระไพศาล วิสาโล)
คุณเปนคนหนึ่งหรือไมที่เชื่อวา ยิ่งมีเงินทองมากเทาไร
ก็ยิ่งมีความสุขมากเทานั้น ความเชื่อดังกลาวดูเผิน ๆ ก็นาจะ
ถูกตองโดยไมตองเสียเวลาพิสูจน แตถาเปนเชนนั้นจริง
ประเทศไทยนาจะมีคนปวยดวยโรคจิตนอยลง มิใชเพิ่มมาก
ขึ้น ทั้ง ๆ ที่รายไดของคนไทยสูงขึ้นทุกป ในทํานองเดียวกัน
ผูจัดการก็นาจะมีความสุขมากกวาพนักงานระดับลาง ๆ
เนื่องจากมีเงินเดือนมากกวา แตความจริงก็ไมเปนเชนนั้น
เสมอไป
ไมนานมานี้มหาเศรษฐีคนหนึ่งของไทยไดใหสัมภาษณ
หนังสือพิมพวา เขารูสึกเบื่อหนายกับชีวิต เขาพูดถึงตัวเองวา
"ชีวิต(ของผม)เริ่มหมดคาทางธุรกิจ" ลึกลงไปกวานั้นเขายัง
รูสึกวาตัวเองไมมีความหมาย เขาเคยพูดวา "ผมจะมี
ความหมายอะไร ก็เปนแค....มหาเศรษฐีหมื่นลานคนหนึ่ง"
เมื่อเงินหมื่นลานไมทําใหมีความสุข เขาจึงอยูเฉยไมได ใน
ที่สุดวิ่งเตนจนไดเปนรัฐมนตรี ขณะที่เศรษฐีหมื่นลานคนอื่น
Page 2
ๆ ยังคงมุงหนาหาเงินตอไป ดวยความหวังวาถาเปนเศรษฐี
แสนลานจะมีความสุขมากกวานี้ คําถามก็คือ เขาจะมีความสุข
เพิ่มขึ้นจริงหรือ ?
คําถามขางตนคงมีประโยชนไมมากนักสําหรับคนทั่วไป เพราะ
ชาตินี้คงไมมีวาสนาแมแตจะเปนเศรษฐีรอยลานดวยซ้ํา แต
อยางนอยก็คงตอบคําถามที่อยูในใจของคนจํานวนไมนอย
ไดบางวา ทําไมอัครมหาเศรษฐีทั้งหลาย รวมทั้งบิล เกตส
จึงไมหยุดหาเงินเสียที ทั้ง ๆ ที่มีสมบัติมหาศาล ขนาด
นั่งกินนอนกินไป ๗ ชาติก็ยังไมหมด
แตถาเราอยากจะคนพบคําตอบใหมากกวานี้ ก็นาจะยอนถาม
ตัวเองดวยวา ทําไมถึงไมหยุดซื้อแผนซีดีเสียทีทั้ง ๆ ที่มีอยู
แลวนับหมื่นแผน ทําไมถึงไมหยุดซื้อเสื้อผาเสียทีทั้ง ๆ ที่มี
อยูแลวเกือบพันตัว ทําไมถึงไมหยุดซื้อรองเทาเสียทีทั้ง ๆ ที่
มีอยูแลวนับรอยคู
แผนซีดีที่มีอยูมากมายนั้น บางคนฟงทั้งชาติก็ยังไมหมด ใน
ทํานองเดียวกัน เสื้อผา หรือรองเทา ที่มีอยูมากมายนั้น
บางคนก็เอามาใสไมครบทุกตัวหรือทุกคูดวยซ้ํา มีหลายตัว
หลายคูที่ซื้อมาโดยไมไดใชเลย แตทําไมเราถึงยังอยากจะได
Page 3
อีกไมหยุดหยอน
ใชหรือไมวา สิ่งที่เรามีอยูแลวในมือนั้นไมทําใหเรามีความสุข
ไดมากกวาสิ่งที่ไดมาใหม มีเสื้อผาอยูแลวนับรอยก็ไมทําให
จิตใจเบงบานไดเทากับเสื้อ ๑ ตัวที่ไดมาใหม มีซีดีอยูแลว
นับพันก็ไมทําใหรูสึกตื่นเตนไดเทากับซีดี ๑ แผนที่ไดมาใหม
ในทํานองเดียวกันมีเงินนับรอยลานในธนาคารก็ไมทําใหรูสึก
ปลาบ ปลื้มใจเทากับเมื่อไดมาใหมอีก ๑ ลาน
พูดอีกอยางก็คือ คนเรานั้นมักมีความสุขจากการได มากกวา
ความสุขจากการ มี มีเทาไรก็ยังอยากจะไดมาใหม เพราะเรา
มักคิดวาของใหมจะใหความสุขแกเราไดมากกวาสิ่งที่มีอยูเดิม
บอยครั้งของที่ไดมาใหมนั้นก็เหมือนกับของเดิมไมผิดเพี้ยน
แตเพียงเพราะวามันเปนของใหม ก็ทําใหเราดีใจแลวที่ไดมา
จะวาไปนี่อาจเปนสัญชาตญาณที่มีอยูกับสัตวหลายชนิดไม
เฉพาะแตมนุษยเทานั้น ถาโยนนองไกใหหมา หมาก็จะวิ่งไป
คาบ แตถาโยนนองไกชิ้นใหมไปให มันจะรีบคายของเกาและ
คาบชิ้นใหมแทน ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองชิ้นก็มีขนาดเทากัน ไมวา
หมาตัวไหนก็ตาม ของเกาที่มีอยูในปากไมนาสนใจเทากับ
Page 4
ของใหมที่ไดมา
ถาหากวาของใหมใหความสุขไดมากกวาของเกาจริง ๆ เรื่องก็
นาจะจบลงดวยดี แตปญหาก็คือของใหมนั้นไมนานก็
กลายเปนของเกา และความสุขที่ไดมานั้นในที่สุดก็จางหายไป
ผลก็คือกลับมารูสึก "เฉย ๆ" เหมือนเดิม และดังนั้นจึง
ตองไลลาหาของใหมมาอีก เพื่อหวังจะใหมีความสุขมากกวา
เดิม แตแลวก็วกกลับมาสูจุดเดิม เปนเชนนี้ไมรูจบ นาคิดวา
ชีวิตเชนนี้จะมีความสุขจริงหรือ ?
เพราะไลลาแตละครั้งก็ตองเหนื่อย ไหนจะตองขวนขวายหา
เงินหาทอง ไหนจะตองแขงกับผูอื่นเพื่อใหไดมาซึ่งสิ่งที่
ตองการ ครั้นไดมาแลวก็ตองรักษาเอาไวใหได ไมใหใครมา
แยงไป แถมยังตองเปลืองสมองหาเรื่องใชมันเพื่อใหรูสึก
คุมคา ยิ่งมีมากชิ้นก็ยิ่งตองเสียเวลาในการเลือกวาจะใชอัน
ไหนกอน ทํานองเดียวกับคนที่มีเงินมาก ๆ ก็ตองยุงยากกับ
การตัดสินใจวาจะไปเที่ยวลอนดอน นิวยอรค เวกัส โตเกียว
มาเกา หรือซิดนียดี
Page 5
ถาเราเพียงแตรูจักแสวงหาความสุขจากสิ่งที่มีอยูแลว ชีวิตจะ
ยุงยากนอยลงและโปรงเบามากขึ้น อันที่จริงความพอใจในสิ่ง
ที่เรามีนั้นไมใชเรื่องยาก แตที่เปนปญหาก็เพราะเราชอบมอง
ออกไปนอกตัว และเอาสิ่งใหมมาเทียบกับของที่เรามีอยู หา
ไมก็เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เมื่อเห็นเขามีของใหม
ก็อยากมีบาง คงไมมีอะไรที่จะทําใหเราทุกขไดบอยครั้งเทากับ
การชอบเปรียบ เทียบตัวเองกับคนอื่น การเปรียบเทียบจึง
เปนหนทางลัดไปสูความทุกขที่ใคร ๆ ก็นิยมใชกัน
นิสัยชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น ทําใหเราไมเคยมีความพอใจ
ในสิ่งที่ตนมีเสียที แมจะมีหนาตาดี ก็ยังรูสึกวาตัวเองไมสวย
เพราะไปเปรียบเทียบตัวเองกับดาราหรือพรีเซนเตอรในหนัง
โฆษณา
การมองแบบนี้ทําให "ขาดทุน" สองสถาน คือนอกจากจะไม
มีความสุขกับสิ่งที่มีอยูแลว ยังเปนทุกขเพราะไมไดสิ่งที่อยาก
พูดอีกอยางคือไมมีความสุขกับปจจุบัน แถมยังเปนทุกข
เพราะอนาคตที่พึงปรารถนายังมาไมถึง ไมมีอะไรที่เปนอุทธา
หรณสอนใจไดดีเทากับนิทานอีสปเรื่องหมา คาบเนื้อ คงจํา
ไดวา มีหมาตัวหนึ่งไดเนื้อชิ้นใหญมา ขณะที่กําลังเดินขาม
Page 6
สะพาน มันมองลงมาที่ลําธาร เห็นเงาของหมาตัวหนึ่ง (ซึ่งก็
คือตัวมันเอง) กําลังคาบเนื้อชิ้นใหญ เนื้อชิ้นนั้นดูใหญกวา
ชิ้นที่มันกําลังคาบเสียอีก ดวยความโลภ (และหลง) มันจึง
คายเนื้อที่คาบอยู เพื่อจะไปคาบชิ้นเนื้อที่เห็นในน้ํา ผลก็คือ
เมื่อเนื้อตกน้ํา ชิ้นเนื้อในน้ําก็หายไป มันจึงสูญทั้งเนื้อที่คาบ
อยูและเนื้อที่เห็นในน้ํา
บอเกิดแหงความสุขมีอยูกับเราทุกคนในขณะนี้อยูแลว
เพียงแตเรามองขามไปหรือไมรูจักใชเทานั้น เมื่อใดที่เรามี
ความทุกข แทนที่จะมองหาสิ่งนอกตัว ลองพิจารณาสิ่งที่เรา
มีอยูและเปนอยู ไมวา มิตรภาพ ครอบครัว สุขภาพ
ทรัพยสิน รวมทั้งจิตใจของเรา ลวนสามารถบันดาลความสุข
ใหแกเราไดทั้งนั้น ขอเพียงแตเรารูจักชื่นชม รูจักมอง และ
จัดการอยางถูกตองเทานั้น
แทนที่จะแสวงหาแตความสุขจากการได ลองหันมาแสวงหา
ความสุขจากการ มี หรือจากสิ่งที่ มี ขั้นตอไปคือการแสวงหา
ความสุขจากการ ให กลาวคือยิ่งใหความสุข ก็ยิ่งไดรับ
ความสุข สุขเพราะเห็นน้ําตาของผูอื่นเปลี่ยนเปนรอยยิ้ม และ
สุขเพราะภาคภูมิใจที่ไดทําความดีและทําใหชีวิตมีความหมาย
Page 7
จากจุดนั้นแหละก็ไมยากที่เราจะคนพบความสุขจากการ ไมมี
นั่นคือสุขจากการปลอยวาง ไมยึดถือในสิ่งที่มี และเพราะเหตุ
นั้น แมไมมีหรือสูญเสียไป ก็ยังเปนสุขอยูได
เกิดมาทั้งที นาจะมีโอกาสไดสัมผัสกับความสุขจากการ ให
และ การ ไมมี เพราะนั่นคือสุขที่สงบเย็นและยั่งยืนอยาง
แทจริง
พระไพศาล วิสาโล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น