++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สิบกลวิธีสร้างนิสัยรักการอ่าน ใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

จาก พระราชนิพนธ์ เรื่อง "แม่" ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี ตอนที่ทรงเล่าถึงวิธีการซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ ทรงใช้อบรมพระราชโอรส และพระราชธิดานั้น
ได้สะท้อนถึงกลวิธีสร้างนิสัยรักการอ่านในสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ อันเปี่ยมไปด้วยศาสตร์และศิลป์ โดยอาจสังเคราะห์ออกเป็น
10 วิธีการ เพื่อที่พสกนิกรจักน้อมนำไปปรับใช้สร้างเสริมนิสัยรักการอ่านในครอบครัวของ
ตนได้ ดังนี้

"...พอค่ำ ลงเราก็ขึ้นมารับประทานอาหาร
ตอนอาหารนี้ถ้าว่างพระราชกิจ สมเด็จแม่มักจะอยู่ด้วย ประการแรก
ท่านจะได้ดูว่ารับประทานที่มีคุณค่าทางอาหารพอหรือไม่ ประการที่สอง
ดูมารยาทโต๊ะและประการที่สาม
เป็นข้อที่พี่น้องทุกคนรวมทั้งพี่เลี้ยงชอบที่สุด คือ
ท่านจะเลือกหนังสือดีๆ สนุกๆ มาเล่าให้ฟัง หนังสือที่ท่านเอามาเล่า
บางทีก็เป็นนิทานธรรมดาๆ หรือนิทานเรื่องชาดกในพุทธศาสนา
บางทีก็เป็นหนังสือประวัติศาสตร์,ประวัติบุคคลสำคัญและความรู้รอบตัวอื่นๆ
บางครั้งเป็นข่าวจากหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ ตอนหลังๆ
นี้ท่านชอบอ่านเป็นภาษาอังกฤษให้เราหัดฟังภาษาด้วย

นานๆ ทีก็อาจจะมีการถามปัญหาทวนความจำ ถ้าตอบถูกมักมีรางวัลเงินสด
๑ บาท เป็นที่ขบขันกันในครอบครัวว่า หนังสือธรรมดาๆ
ที่น่าเบื่อที่สุดในโลก พอสมเด็จแม่เล่า มันสนุกตื่นเต้น มีรส
มีชาติขึ้นมาทันที

ท่านจะเน้นระบายสี หยิบยกจับความที่น่าสนใจมาเล่า
(ทูลหม่อมพ่อยังโปรดฟัง) ทำให้จำง่ายไม่ต้องท่อง
เรื่องนี้มีความลับอย่างหนึ่ง (ที่เปิดเผยได้แล้ว) ว่า
บางทีข้าพเจ้าขี้เกียจอ่านหนังสือเพราะเรียนเยอะแยะ
ก็อาศัยจำเอาจากสมเด็จแม่เล่า นำมาวิจารณ์เพิ่มเติมแล้วใช้ตอบข้อสอบ
หรือเขียนรายงานส่งครูสบายๆ เรื่องนิทานของสมเด็จแม่
มีเรื่องที่น่าตื่นเต้นคือเรื่องผี
แต่ก่อนนี้พี่เลี้ยงไม่ยอมเล่าเรื่องผี พอไปโรงเรียนเพื่อนๆ ก็มาหลอก
สมเด็จแม่ท่านว่า ถ้ามานั่งอธิบายว่าผีไม่มีจ้างก็ไม่เชื่อ
ท่านจึงสำทับโดยการเล่าเรื่องผีที่น่ากลัวกว่าให้เข็ด

เมื่อตอนเล็กๆ ตั้งแต่เริ่มเรียนประถม
ท่านสอนภาษาไทยโดยการอ่านวรรณคดีเรื่องยืนโรงสามเรื่อง คือ พระอภัยมณี,
อิเหนา และรามเกียรติ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอิเหนา
ท่านให้ท่องกลอนตอนที่เพราะๆ เช่น ว่าพลางทางชมคณานก โผนผกจับไม้อึงมี่
ฯลฯ

คงจะเป็นเพราะได้อ่านกลอนมาแต่เล็กๆ
ทำให้ข้าพเจ้าชอบเรียนวรรณคดีไทย ชอบแต่งกลอนตอนเด็กๆ
ข้าพเจ้าเรียนวิชาภาษาอังกฤษค่อนข้างจะอ่อนและหนีเรียนอยู่เสมอ
หลังจากฟังพระบรมราโชวาทของทูลกระหม่อมพ่อเรื่อง
"ทำไมคนเราต้องเรียนภาษาอังกฤษ" แล้ว สมเด็จแม่ก็ค่อยๆ
เริ่มสอนศัพท์อังกฤษให้ท่อง ให้อ่านหนังสือตามลำดับยากง่าย
จนเดี๋ยวนี้พอจะส่งภาษาฝรั่งมังฆ้องมังค่าได้..."

บางตอนจากพระราชนิพนธ์ เรื่อง "แม่" ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี

วิธีที่ ๑. ใช้เวลาสบายๆ ของครอบครัวเพื่อส่งเสริมการอ่าน
ข้อความในพระราชนิพนธ์เรื่อง "แม่"

"... พอค่ำลงเราก็ขึ้นมารับประทานอาหาร
ตอนอาหารนี้ถ้าว่างพระราชกิจ สมเด็จแม่มักจะอยู่ด้วย ประการแรก
ท่านจะได้ดูว่ารับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารพอหรือไม่ ประการที่สอง
ดูมารยาทโต๊ะและประการที่สาม
เป็นข้อที่พี่น้องทุกคนรวมทั้งพี่เลี้ยงชอบที่สุด คือ..."

การน้อมนำไปปรับใช้
การสร้างเสริมนิสัยรักการอ่านเริ่มต้นที่พ่อแม่
พ่อแม่อ่านลูกก็อ่าน
พ่อแม่ควรจัดเวลาการอ่านหรือสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับหนังสือที่
ชัดเจน แทนที่จะดูทีวีกลับเปลี่ยนเป็นพูดคุยเกี่ยวกับหนังสือในระหว่างมื้ออาหาร
พาลูกไปร้านหนังสือหรือห้องสมุดทุกสัปดาห์
การสร้างเสริมนิสัยรักการอ่านต้องไม่เคร่งเครียด ควรเป็นเรื่องสบายๆ
ที่ทุกคนในครอบครัวมีความสุขร่วมกันได้

วิธีที่ ๒. เลือกหนังสือดีที่เด็กสนุก
ข้อความในพระราชนิพนธ์ เรื่อง "แม่"

"...ท่านจะเลือกหนังสือดีๆ สนุกๆ มาเล่าให้ฟัง..."

การน้อมนำไปปรับใช้
หนังสือดีมีคุณภาพที่สนุก
เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เด็กผูกพันกับหนังสือและการอ่าน
เมื่อใดรู้ว่าลูกชอบเรื่องแบบไหน
การส่งเสริมให้เกิดการขวนขวายอ่านเองของลูก ก็จะง่ายขึ้น

วิธีที่ ๓. ให้เด็กได้รู้เรื่องราวหลากหลาย จากพหุวัฒนธรรม
ข้อความในพระราชนิพนธ์เรื่อง "แม่"

"... หนังสือที่ท่านเอามาเล่าบางทีก็เป็นหนังสือนิทานธรรมดาๆ
หรือนิทานเรื่องชาดกในพุทธศาสนา บางทีก็เป็นหนังสือประวัติศาสตร์,
ประวัติบุคคลสำคัญหรือความรู้รอบตัวอื่นๆ
บางครั้งเป็นข่าวจากหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ ตอนหลังๆ
นี้ท่านชอบอ่านเป็นภาษาอังกฤษให้เราหัดฟังภาษาด้วย..."

การน้อมนำไปปรับใช้
หนังสือหรือเรื่องราวบางแนวอาจไม่สนุกหรือน่าสนใจนักสำหรับเด็กๆ
แต่การแนะนำที่มีเสน่ห์โดยพ่อแม่จะขยายขอบฟ้าแห่งการเรียนรู้ของลูกให้กว้าง
ไกลและสร้างแรงบันดาลใจที่หลากหลาย ทำให้ลูกมีความรอบรู้ที่กว้างขวาง
มีจิตใจที่เปิดรับความแตกต่าง รู้เหตุผลที่มาที่ไปของวัฒนธรรมต่างๆ
ในโลกนี้

วิธีที่ ๔. มีกิจกรรมพัฒนาทักษะการคิด
ข้อความในพระราชนิพนธ์เรื่อง "แม่"

"...นานๆ ทีก็อาจจะมีการถามปัญหาทวนความจำ
ถ้าตอบถูกมักมีรางวัลเงินสด ๑ บาท..."

การน้อมนำไปปรับใช้
การพัฒนาทักษะการคิดเป็นกิจกรรมที่สำคัญที่ควรทำควบคู่ไปกับการสร้าง
เสริมนิสัยรักการอ่าน เพราะในท้ายที่สุด เราหวังว่าเด็กๆ
จะใช้ประโยชน์จากการอ่านได้ เด็กๆ ไม่อ่านเพื่อที่จะเชื่อ
แต่อ่านเพื่อที่จะคิด ทั้งทักษะการคิดระดับต้น(จำ-เข้าใจ-ประยุกต์ใช้)
และทักษะการคิดระดับสูง(วิเคราะห์-สังเคราะห์-ประเมิน)
ดังนั้นการจัดให้มีกิจกรรมต่างๆ
เพื่อกระตุ้นการคิดและสร้างแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

วิธีที่ ๕. ใช้ทักษะนาฏการในการเล่า
ข้อความในพระราชนิพนธ์เรื่อง "แม่"

"... เป็นที่ขบขันกันในครอบครัวว่า หนังสือธรรมดาๆ
ที่น่าเบื่อที่สุดในโลก พอสมเด็จแม่เล่า
มันสนุกตื่นเต้นมีรสมีชาติขึ้นมาในทันที..."

การน้อมไปปรับใช้
วิธีการแบบนาฏการที่ง่ายที่สุดในการเล่าเรื่องสำหรับเด็กๆ คือ
๑.แยกเสียงบรรยายหรือการเล่าโดยทั่วไป ออกจากเสียงบทสนทนาของตัวละคร
๒.เล่าอย่างมีชีวิตชีวาโดยเห็นภาพพจน์ของสิ่งที่เล่าและภาวะอารมณ์ของตัว
ละคร ๓.ออกเสียงชัดเจน ถูกอักขรวิธี แต่ในขณะเดียวกันก็มีลูกเล่นแปลกๆ
บ้าง ๔.และที่สำคัญที่สุด มีความสุขในขณะเล่าไปพร้อมกับเด็กๆ

วิธีที่ ๖. ใช้กิจกรรมศิลปะเชื่อมโยงกับการอ่าน
ข้อความในพระราชนิพนธ์เรื่อง "แม่"

"...ท่านจะเน้นระบายสี..."

การน้อมไปปรับใช้
กิจกรรมศิลปะที่เกี่ยวเนื่องกับหนังสือและการอ่าน
นอกจากช่วยพัฒนาสุนทรียภาพในเด็กแล้ว
ยังช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในมิติอื่นๆของเรื่องราว
เป็นเสมือนการวิจัยย่อมๆ ที่เด็กๆ กระทำได้อย่างสนุกสนานอีกด้วย
กิจกรรมศิลปะมีหลากหลาย อาทิ วาดรูประบายสี (ด้วยเทคนิคต่างๆ - สีเทียน -
สีไม้ - สีน้ำ - สีน้ำมัน - สีโปสเตอร์ - สีดิน - สีดอกไม้ - สีพืชผัก)
ทำประติมากรรม,ทำหุ่น,ทำละคร,ร้องเพลง

วิธีที่ ๗. สอนให้รู้จักสกัดความรู้และจับใจความสำคัญ
ข้อความในพระราชนิพนธ์เรื่อง "แม่"

"... หยิบยกจับความที่น่าสนใจขึ้นมาเล่า (ทูลหม่อมพ่อยังโปรดฟัง)
ทำให้จำง่ายไม่ต้องท่อง เรื่องนี้มีความลับอย่างหนึ่ง
(ซึ่งเปิดเผยได้แล้ว) ว่า
บางทีข้าพเจ้าขี้เกียจอ่านหนังสือเพราะเรียนเยอะแยะ
ก็อาศัยจำเอาจากที่สมเด็จแม่เล่า
นำมาวิจารณ์เพิ่มเติมแล้วใช้จอบข้อสอบหรือเขียนรายงานส่งครูสบายๆ..."

การน้อมไปปรับใช้
เมื่ออ่านแล้วต้องสามารถจับใจความสำคัญและสกัดความรู้ไปใช้ประโยชน์
ได้ แรกเริ่มพ่อแม่อาจช่วยสรุป
ช่วยสกัดอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยสร้างความคุ้นเคยในระเบียบวิธีการแก่เด็กๆ
เป็นปฐม ต่อมาอาจฝึกให้เด็กใช้แผนภูมิ แผนภาพต่างๆ เช่น แผนภาพใยแมลงมุม
แผนภาพก้างปลา เพื่อหัดจับใจความสำคัญและสกัดความรู้ความเข้าใจด้วยตนเองได้
หลายคนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยาก
แต่ที่จริงแล้วไม่ยากเลยหากเด็กได้มีการฝึกฝนทักษะเหล่านี้อยู่เป็นประจำ

วิธีที่ ๘. ต่อยอดจากประสบการณ์เดิมของผู้เรียน
ข้อความในพระราชนิพนธ์เรื่อง "แม่"

"... เรื่องนิทานของสมเด็จแม่ มีเรื่องที่น่าตื่นเต้นคือเรื่องผี
แต่ก่อนหน้านี้พี่เลี้ยงไม่ยอมเล่าเรื่องผี พอไปโรงเรียนเพื่อนๆ ก็มาหลอก
สมเด็จแม่ท่านว่า ถ้ามานั่งอธิบายว่าผีไม่มี จ้างก็ไม่เชื่อ
ท่านจึงสำทับโดยการเล่าผีที่น่ากลัวกว่าให้เข็ด..."

การน้อบไปปรับใช้
พ่อแม่ต้องไวในเรื่องการรับรู้และความสนใจของลูก
และเป็นฝ่ายช่วงชิงใช้ประโยชน์จากความสนใจที่เกิดขึ้นแล้วนั้นๆ
เพื่อจัดกระบวนการเรียนรู้เสริมหรือนำมาใช้ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านอย่างต่อ
เนื่อง

วิธีที่ ๙. นำเด็กสู่โลกแห่งวรรณคดี
ข้อความในพระราชนิพนธ์เรื่อง "แม่"

"... เมื่อตอนเล็กๆ ตั้งแต่เริ่มเรียนประถม
ท่านสอนภาษาไทยโดยให้อ่านวรรณคดีเรื่องยืนโรงสามเรื่อง
คือพระอภัยมณี,อิเหนาและรามเกียรติ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอิเหนา
ท่านให้ท่องกลอนตอนที่เพราะๆ เช่น ว่าพลางทางชมคณานก โผนผกจับไม้อึงมี่
ฯลฯ คงจะเป็นเพราะได้อ่านกลอนมาตั้งแต่เล็กๆ
ทำให้ข้าพเจ้าชอบเรียนวรรณคดีไทย ชอบแต่งกลอน..."

วิธีที่ ๑๐. พัฒนาทักษะไพรัชภาษาพาสู่โลกกว้าง
ข้อความในพระราชนิพนธ์เรื่อง "แม่"

"... ตอนเด็กๆ
ข้าพเจ้าเรียนวิชาภาษาอังกฤษค่อนข้างจะอ่อนและหนีเรียนอยู่เสมอ
หลังจากฟังพระบรมราโชวาทของทูลกระหม่อมพ่อเรื่อง
"ทำไมคนเราต้องเรียนภาษาอังกฤษ" แล้วสมเด็จแม่ก็ค่อยๆ
เริ่มสอนศัพท์ภาษาอังกฤษให้ท่อง ให้อ่านหนังสือตามลำดับยากง่าย
จนเดี๋ยวนี้พอจะส่งภาษาฝรั่งมังฆ้องมังค่าได้..."

การน้อมนำไปปรับใช้
การอ่านทำให้รู้จักตนเอง และรู้จักโลก
จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพัฒนาทักษะการอ่านไพรัชภาษาในเด็กซึ่งกำลัง
เติบโตขึ้นท่ามกลางกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกทุกวันนี้
ตำราไทยที่แปลมาจากภาษาต่างประเทศนั้นล่าช้ากว่าเวลาจริงของเอกสารนั้นๆ
อยู่หลายปี บางเล่มเป็นสิบปี การที่เด็กเข้าถึงหนังสือต่างประเทศได้
ทำให้ไทยรู้เขารู้เรา
สามารถนำความรู้และเทคโนโลยีสากลมาประสมกับความรู้ไทย
เพื่อสร้างสรรค์ประเทศของเราให้จำเริญยิ่งๆ ขึ้นไป

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000092639

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น