++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557

คนมักจะเข้าใจว่าชีวิตที่ดี

" ...อาตมานึกถึงต้นไม้ ต้นไม้ตอนที่ยังเป็นต้นกล้า เขาต้องอาศัยฝนจากฟ้า ต้องอาศัยคนรดน้ำให้ แต่พอเป็นต้นไม้ใหญ่ รากยิ่งหยั่งลึกเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมั่นคง และถ้าสามารถหยั่งรากลึกไปถึงตาน้ำใต้ดินได้ เขาก็จะเขียวสะพรั่งตลอดปี เหมือนกับต้นไม้ในเขตป่าดิบแล้งที่เขียวตลอดปีอย่างต้นไม้ที่ภูหลง ซ้ายมือของพวกเรา ที่เขียวตลอดปีได้ก็เพราะว่าเขาสามารถหยั่งรากลึกไปถึงน้ำใต้ดินได้ แต่ถ้าเป็นต้นไม้อื่นที่รอฝนจากฟ้า รอคนรดน้ำ ป่านนี้ก็เหลืองแห้งไปหมดหรือตายไปแล้ว เหมือนกับต้นไม้ที่เราเห็นสองข้างทางขณะที่เดินธรรมยาตรา มีต้นไม้จำนวนมากแห้งตาย ส่วนใหญ่เป็นพืชล้มลุก แต่ต้นไม้จำนวนหนึ่งยังเขียวอยู่ ทนแล้งได้ แม้ฝนไม่ตกก็ยังเขียวได้

...ขอให้เราเป็นเช่นนั้น คือสามารถที่จะยืนหยัดอยู่ได้แม้ว่าสิ่งแวดล้อมจะไม่เป็นใจ เพราะเราสามารถเข้าถึงต้นธารแห่งความสุข ต้นธารแห่งความสุขหรือตาน้ำแห่งความสุขนี้อยู่ในใจเรา ในป่ามีตาน้ำซึ่งเป็นต้นธารของลำห้วย ลำปะทาวและแม่น้ำทั้งปวง ทั้งปิงวังยมน่านก็เกิดจากตาน้ำเล็กๆ ในป่า ในป่ามีตาน้ำ ในใจเราก็มีตาน้ำเหมือนกัน อันเป็นที่มาแห่งความสุขที่เราต้องหยั่งลงไปให้ถึง ถ้าเราหยั่งถึงได้เราก็จะมีความสุข แม้ว่าผู้คนจะไม่เข้าใจเราก็ตาม เมื่อใจเราหยั่งลึกเราก็จะรู้ว่าคุณค่าของชีวิตหรือชีวิตที่ดี ไม่ใช่หมายถึงชีวิตที่ยืนยาว

***คนมักจะเข้าใจว่าชีวิตที่ดี คือชีวิตที่มีอายุยืน แต่สิ่งที่สำคัญกว่าชีวิตที่ยืนยาว คือชีวิตที่มีทั้งความกว้างและความลึก ชีวิตยืนยาวอย่างเดียวไม่พอ ต้องกว้างด้วย กว้างคือมีน้ำใจกว้างขวาง เห็นผู้คนเป็นเพื่อนมนุษย์ ไม่ได้เห็นเป็นศัตรู มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อสรรพสัตว์ นอกจากกว้างแล้วก็ต้องลึกด้วย คือมีความลุ่มลึกทางจิตใจ สามารถจะเข้าถึงความสุขภายในที่อยู่ในจิตใจของเราได้ ถ้ากว้างและลึกแล้ว แม้ชีวิตจะสั้นก็มีความหมาย***

...พระพุทธเจ้าตรัสว่า มีชีวิตวันเดียว แต่อยู่อย่างบัณฑิต มีค่ากว่าการอยู่อย่างอายุยืนยาวเป็นร้อยปี แต่ว่าไม่ได้ทำความดีอะไรเลย "

คติธรรมจาก พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น