++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สุนัขยอดกตัญญู ... รอรับเจ้านายผู้ล่วงลับไปแล้ว อยู่ถึง 10 ปี ตราบจนสิ้นลมหายใจ

==ยาวมากหน่อย น่าสนใจมาก ของสุนัขที่จงรักภักดีต่อเจ้าของจนวันตาย==
****สุนัขยอดกตัญญู ... รอรับเจ้านายผู้ล่วงลับไปแล้ว อยู่ถึง 10 ปี ตราบจนสิ้นลมหายใจ
สุนัขยอดกตัญญู ... รอรับเจ้านายผู้ล่วงลับไปแล้ว อยู่ถึง 10 ปี ตราบจนสิ้นลมหายใจ ฮาจิ
หากจะเอ่ยถึงสัตว์เลี้ยงที่มีความใกล้ชิดคนเรา และมีความจงรักภักดีมากที่สุด คงจะ
ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "สุนัข" แต่สุนัขที่จะกล่าวถึงนี้ เป็นตำนานของสุนัขยอด
กตัญญู ซื่อสัตย์ และภักดี เป็นพิเศษ ที่เฝ้ารอเจ้านายผู้ล่วงลับไปแล้ว อยู่ที่สถานี
รถไฟนานนับสิบปี จวบจนลมหายใจสุดท้ายของมัน
เรื่องราวของ "ฮาจิ" เกิดขึ้นเมื่อ 87 ปีก่อน
เรื่องราวนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2467 หรือ 87 ปี
ก่อน ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในอำเภอคิตะอาคิตะ จังหวัดอาคิตะ ซึ่งปัจจุบันนี้ ก็คือ
เทศบาลโอดาเตะ ของจังหวัดอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น มีภูมิประเทศเป็นรูปก้นกระทะ
และรายล้อมไปด้วยภูเขา

"ดร. อุเอโนะ เอซาบุโร่ อาจารย์ภาควิชาเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว เป็นคน
รักสุนัขมาก เมื่อฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้ว สุนัขของท่านตายพอดี ท่านอยากจะลองเลี้ยง
สุนัขอาคิตะดูบ้าง" คุณคุริตะ เรโซ วิศวกรด้านเทคนิคการเกษตร ทำงานอยู่ที่
ศาลากลางจังหวัดอาคิตะ และเป็นลูกศิษย์ของ ดร. อุเอโนะ ด้วย ได้บอกกับ
ผู้ใหญ่บ้าน ถึงลูกหมาที่ขอไว้ ที่จะนำไปให้อาจารย์ ดร. อุเอโนะ
"ไม่เป็นไร ๆ คุณคุริตะ ไม่รบกวนเลย ลูกหมาเกิดมาตั้ง 4 ตัว ถ้ามีคนดี ๆ รับไดเลี้ยง
ผมก็ยินดียกให้" ผู้ใหญ่บ้านกล่าว พร้อมทั้งนำไปที่เรือนเก็บของที่มุมสวน ที่เป็น
ที่อยู่ของแม่สุนัขและลูกสุนัขทั้ง 4 ตัว อายุสองเดือนพอดี ตัวอ้วนกลม ขนสีเหลือง
อ่อนเป็นเงาสวย เป็นสุนัขอาคิตะ พร้อมทั้งให้คุณคุริตะเลือกเอาเอง

เริ่มเดินทางจากบ้านเกิด เมื่ออายุได้ 2 เดือน

วันที่ 14 มกราคม 2467 ลูกสุนัขเพศผู้ตัวหนึ่ง ที่คุณคุริตะเลือก เดินทางจากหมู่บ้าน
ของจังหวัดอาคิตะ เข้ากรุงโตเกียว โดยถูกส่งมาทางรถไฟสายด่วน บรรทุกมากับ
ตู้สินค้า ใส่กระสอบมา ซึ่งใช้เวลาเดินทาง 20 ชั่วโมง และคุณคิขุ คนสวน ของ
ดร. อุเอโนะ เป็นผู้มารับที่สถานีรถไฟ ของเช้าของอีกวันหนึ่ง ลูกสุนัขดูท่าทางอิดโรย
มาก อาจเพราะความหิวและหนาวก็เป็นได้

บ้านของ ดร. อุเอโนะ นั้น เดินจากสถานีชิบุยะ ประมาณ 10 นาทีก็ถึง ปัจจุบันคือ
ตำบลโชโท เป็นคฤหาสน์หลังโต เนื้อที่ 300 ตารางวา ตั้งเด่นตะหง่านสะดุดตา

"เพิ่งจะพรากจากแม่มา งั้นคืนนี้ เจ้านอนกับฉันก่อนก็แล้วกัน" ดร. อุเอโนะ พูดอย่าง
อ่อนโยน พร้อมทั้งกอดลูกสุนัขไว้ในอ้อมแขน

ลูกสุนัขโตวันโตคืนอย่างรวดเร็ว ด้วยความรักและการเอาใจใส่ของ ดร. อุเอโนะ และ
ภรรยา
ที่มาของชื่อ "ฮาจิ"
"ให้ชื่อ ฮาจิ ดีไหมคะ เราเลี้ยงสุนัขมาเยอะ แต่ทุกตัวไม่ค่อยแข็งแรงเลย ล้มหาย
ตายจากกันไปหมด ลูกสุนัขตัวนี้ เป็นตัวที่แปดแล้วนะคะ" (ฮาจิ แปลว่า แปด)

"ฮาจิ เป็นชื่อที่ดี งั้นชื่อ ฮาจิ นะ" ดร. อุเอโนะ กล่าวพร้อมทั้งชูอาจิขึ้นเหนือศีรษะ

ดร. อุเอโนะ เลี้ยงดูฮาจิ เป็นอย่างดีเหมือนป็นลูกของตัวเอง และเอานอนด้วยกัน
จนอายุครบ 2 เดือน ตัวโตขึ้นมาก จึงได้แยกให้มานอนเดี่ยว ฮาจิ โตขึ้นผิดหูผิดตา
แต่ว่า หูยังไม่ตั้ง ขนสีเหลืองเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล หางของฮาจิม้วนกลม ลักษณะ
หางม้วนกลมนี้ เป็นลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของสุนัขอาคิตะ
เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ...
เป็นครั้งแรกที่ ดร. อุเอโนะ พาฮาจิ ออกไปเดินเล่นด้วยกัน ฮาจิถูกจับใส่ปลอกคอหนัง
มีเชือกจูง ฮาจิตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นจังเลย ได้พบเพื่อนใหม่เยอะทีเดียว บางตัวก็
เป็นมิตรดี บางตัวก็ท่าทางน่ากลัว ดร. อุเอโนะ ต้องพาแนะนำให้รู้จักไปตลอดทาง
บรรดานกตัวเล็กตัวน้อย ต่างก็ส่งเสียงร้องทักทายฮาจิไปตลอดทางด้วย ฮาจิดูมีความ
สุขไม่น้อย แต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้

วันชมซากุระ ...

รอบ ๆ บ้านของ ดร. อุเอโนะ มีต้นซากุระมากมาย ทุกปีเมื่อถึงฤดู ที่คฤหาสน์อุเอโนะ
จะมีวันชมซากุระ ในปีนี้เลือกเอาวันอาทิตย์เป็นวันชมซากุระ เมื่อถึงวันอาทิตย์ มี
เพื่อนบ้าน ข้าราชการ นักศึกษา ลูกศิษย์ ดร. อุเอโนะ ที่เรียนจบไปแล้ว พากันมา
ชมซากุระอย่างเนืองแน่น ดร. อุเอโนะ ก็ได้จัดอาหารและเครื่องดื่มเลี้ยงต้อนรับ

ฮาจิ ก็ได้ต้อนรับแขกที่มาเยือนด้วย คิขุ คนสวน ที่ไปรับตัวฮาจิที่สถานีรถไฟ ก็มา
ทักทาย และหยอกล้อเล่นกับฮาจิ และนำไก่ย่างเสียบไม้ มาให้ฮาจิด้วย ฮาจิก็
สวาปามเสียจนหมดเกลี้ยงเลย

เดือนกรกฎาคม 2467 ครั้งแรกที่ไปส่ง ดร. อุเอโนะ

ฮาจิอายุได้ประมาณ 8 เดือน ตัวโตขึ้นมากทีเดียว ใกล้จะเป็นหนุ่มแล้ว ขนสีน้ำตาล
ของฮาจิเป็นเงาสวยงาม ขาทั้งสองยืดยาวขึ้น เป็นสุนัขที่สง่างามมาก

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ ฮาจิ จะได้ไปส่งคุณครู ดร. อุเอโนะ ที่สถานีรถไฟชิบุยะ ดร.อุเอโนะ
ถือกระเป๋าสีดำ วันนี้ ดร. อุเอโนะ จะไปที่นิชิงะฮาร่า (ปัจจุบันคือ อำเภอคิตะของ
โตเกียว) ที่นี่เป็นสถานที่สอบไล่ของภาควิชาการเกษตร

จากสถานีชิบุยะ ดร. อุเอโนะ จะต้องขึ้นรถสายยามาโนเตะ แล้วก็ไปลงที่สถานี
โคมาโกเมะ จากนั้น ก็ขึ้นรถรางเทศบาลไปยังสถานที่สอบ

"ฮาจิ เดี๋ยวเราไปสถานีชิบุยะกัน แต่เวลากลับต้องกลับคนเดียว คงไม่เป็นไรนะ
คงไม่หลงทาง จำทางให้ดี ๆ ก็แล้วกัน" ดร. อุเอโนะ คุยกับฮาจิอย่างอ่อนโยน

ประมาณสิบนาที ก็ออกสู่ถนนใหญ่แล้ว ที่นั่นผู้คนมากมาย ต่างเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไป
ยังสถานีชิบุยะกัน

ผู้คนที่เดินทางผ่านไปมาแถวนั้น ต่างเหลียวมองอาจิด้วยความชื่นชม พร้อมกล่าว
ทักทายฮาจิ
"สวยจัง"
"ท่าทางฉลาดเชียว"
ฮาจิเอง ก็รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเป็นที่สุด
"เอาล่ะ ฮาจิถึงแล้ว" ดร. อุเอโนะ หยุดยืนบริเวณที่ตรวจตั๋ว แล้วก้มตัวลงลูบหลัง
ฮาจิ
"ฮาจิ ไปล่ะนะ รีบกลับบ้านเลยนะ" ดร. อุเอโนะ โบกมือให้ฮาจิ

ฮาจิ นั่งนิ่งอยู่ตรงจุดตรวจตั๋ว นั่งมอง ดร. อุเอโนะ จนหายลับตาไป ฮาจิคิดจะตาม
ไปด้วยเหมือนกัน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ ฮาจิ ค่อย ๆ ลุกขึ้น แล้วก้มหน้าก้มตาเดินกลับ
บ้าน

ภรรยา ดร. อุเอโนะ ออกมารับฮาจิที่หน้าประตู พร้อมร้องทัก "ไง ฮาจิ ไปส่งคุณครู
เรียบร้อยแล้วเหรอ เก่งจริง ๆ อาจิ แล้วตอนเย็น ช่วยไปรับคุณครูด้วยนะ" ซึ่งฮาจิ
ก็เข้าใจดี มองหน้าพร้อมกระดิกหาง

ท้องฟ้าในฤดูร้อน ค่อย ๆ มืดสลัวลง พลบค่ำ ฮาจิเดินไปสถานีชิบุยะตามลำพัง
สถานีชิบุยะเป็นเรือนไม้ หลังคามุงกระเบื้องสีแดง (ไม่ทันสมัยเหมือนปัจจุบันนี้)
ฮาจินั่งเรียบร้อยอยู่ตรงจุดตรวจตั๋ว มองผู้คนที่ทยอยเดินเข้ามา

"ไง ฮาจิ มาแล้วหรือ" ดร. อุเอโนะ กล่าวทักฮาจิด้วยความเอ็นดู
วันต่อมา ฮาจิก็ไปส่ง ดร. อุเอโนะ ที่สถานีชิบุยะ พอตกเย็น ฮาจิก็ไปรับ ไปคอยที่
จุดตรวจตั๋ว
หลังจากนั้น ฮาจิก็ไปส่ง ดร. อุเอโนะ ทุกวัน บางวัน ดร. อุเอโนะ ก็ไปไกลหน่อย
กลับช้าหน่อย ซึ่งฮาจิ ก็ไปนั่งรอเป็นประจำ บางวัน ดร. อุเอโนะ บอกว่า ไม่ต้อง
ไปรับ แต่ฮาจิ อดที่จะไปไม่ได้ บางครั้งอดทน นั่งรอเป็นชัวโมง ๆ ถึงสองชั่วโมง
หรือกว่านั้นก็มี จนหิว แต่ฮาจิก็ไม่ได้ย่อท้อ อดทนและรอคอยเสมอ

บางวัน ฝนตก ฮาจิเดินตากฝนไปส่ง ดร. อุเอโนะ จนตัวเปียกโชกก็มี

บางวัน ดร. อุเอโนะ ไปรถรางเทศบาล ซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับสถานีชิบุยะ เพื่อไปที่
กระทรวงการค้าเกษตร (ปัจจุบัน คือกระทรวงเกษตรป่าไม้และการประมง) ฮาจิก็ไปส่ง
แต่ขากลับ ฮาจิไม่แน่ใจว่า ดร. อุเอโนะจะกลับทางไหน เลยต้องเงี่ยหูฟังหาเสียง
ฝีเท้าของ ดร. อุเอโนะ บางทีรอที่จุดตรวจตั๋ว กว่า 30 นาที ก็ยังไม่มีวี่แววของ ดร.
อุเอโนะ ก็มี ฮาจิ ก็คิดว่า คุณครู อาจกลับกับรถรางเทศบาล ก็เป็นได้ ฮาจิตั้งท่า
จะไปรับที่่ป้ายจอดรถรางเทศบาลแล้ว แต่แล้ว ดร. อุเอโนะ ก็วิ่งออกมาจากจุดที่
ตรวจตั๋วก็มี ดร. อุเอโนะ มักจะเลี้ยงมื้อพิเศษให้ ฮาจิ ที่ร้านไก่ย่างเป็นประจำ !!
ปี 2468 วันครบรอบ 1 ปี ...
"ฮาจิ ! เจ้ามาอยู่ที่นี่ ครบปีหนึ่งพอดี ลองมาชั่งน้ำหนักดูซิ" ดร. อุเอโนะบอกฮาจิ
แล้วหิ้วตาชั่งไปที่สวน แล้วอุ้มฮาจิขึ้นชั่ง

" 37.5 กิโล ตัวโตขึ้นเยอะเลย หูก็ตั้งแล้ว หางก็ม้วนไปที่หลังสวย เป็นสุนัขอาคิตะ
ที่ดูดีมาก ๆ เลย" ดร. อุเอโนะ ลูบหลังฮาจิด้วยความพึงพอใจ แล้วจากนั้น ก็แปรงขน
ให้ฮาจิ

ไม่ว่าเป็นวันที่ฝนตกหรือหิมะตก ฮาจิก็ไปส่งไปรับ ดร. อุเอโนะสม่ำเสมอไม่เคยขาด
ดร. อุเอโนะ ก็ให้ความสนิทสนมเอ็นดู รักฮาจิเหมือนลูก
และแล้ว ... วันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิของปีหนึ่ง ก็ได้เวียนมาถึง

เสียงโทรศัพท์ที่บ้าน ดร. อุเอโนะ ก็ดังขึ้น เป็นสายโทรศัพท์ด่วนจากมหาวิทยาลัย
แจ้งแก่ภรรยา ดร. อุเอโนะว่า

"หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ ดร. อุเอโนะ อยู่ที่ห้องพักครู ลูกศิษย์สามคนก็
มาหาให้ ดร. อุเอโนะช่วยอธิบายเกี่ยวกับรถแทรกเตอร์ให้ฟัง อยู่ ๆ ดร. อุเอโนะ ก็เกิด
หายใจติดขัด ตัวไหวโอนเอนไปมา แล้วก็ล้มตกจากเก้าอี้ ลูกศิษย์สามคนช่วยกัน
นำส่งโรงพยาบาล แต่ว่า ช้าไปแล้ว ดร.อุเอโนะ จากไปด้วยโรคหัวใจวาย" ทุกคนใน
บ้านตกใจ ทำอะไรไม่ถูก

รถของโรงพยาบาล นำร่าง ดร. อุเอโนะ บรรจุในโลงศพมาถึงคฤหาสน์เกือบจะค่ำแล้ว
ภายในคฤหาสน์ ผู้คนต่างวิ่งวุ่นชุลมุน อาจารย์ที่มหาวิทยาลัย และญาติ ๆ รวมทั้ง
ลูกศิษย์ เริ่มทะยอยมา จากนั้น พระเริ่มสวด

ฮาจิ ได้กลิ่นของคุณครู คุณครูต้องอยู่ในโลงสีขาว ท่ามกลางดอกไม้นี้แน่นอน
ฮาจิจึงได้มุดไปอยู่ใต้โลงศพสีขาว ไปนั่งอยู่ตรงนั้น ทุกคนในห้องต่างมองอาจิอย่าง
เงียบกริบ

หลังจากนั้น ร่างไร้วิญญาณของ ดร. อุเอโนะ ก็ถูกนำไปเผาที่ฌาปนสถาน แล้วนำ
เถ้ากระดูกที่เหลือไปเก็บไว้ที่สุสานอาโอยาม่า ซึ่งเป็นสุสานของบ้านอุเอโนะ อยู่ถัด
จากชิบุยะไปเมืองหนึ่ง บัดนี้ ดร. อุเอโนะ นอนหลับอยู่ในสุสานนั้นชั่วนิรันดร์
การตายของ ดร. อุเอโนะ ฮาจิไม่เข้าใจ
หลังจากนั้น ตอนเช้า ฮาจิ เดินไปที่สถานีชิบุยะ เพียงลำพัง แล้วก็เดินกลับคฤหาสน์
อย่างหมดแรง ตกเย็น ห้าโมงกว่า ๆ ฮาจิก็จะไปที่สถานีชิบุยะอีก ไปนั่งคอยอย่าง
ใจจดจ่อ อยู่ที่จุดตรวจตั๋ว แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็ไม่เห็นวี่แววของ ดร. อุเอโนะ
เลย
เหตุการณ์เป็นเช่นนี้อยู่ถึง 5 วัน

ฮาจิวิ่งวุ่นอยู่ในบ้าน ในสวนและห้องเก็บของ เพื่อค้นหาเสื้อเชิ้ต ของคุณครู แล้วนำมา
เลียอย่างชื่นอกชื่นใจ

บางครั้ง ภรรยา ดร. อุเอโนะ ต้องไปตาม ฮาจิ ที่สถานีรถไฟชิบุยะ แล้วบอกกับฮาจิว่า
"ฮาจิ คุณครูจากไปไกลแสนไกลแล้ว ต่อให้แกคอยแค่ไหน คุณครูก็ไม่กลับมาหรอก"
แล้วเธอก็ร้องไห้ ส่วนฮาจิคอตกเดินกลับไป

หนึ่งเดือนผ่านไป ... ชีวิตของ ฮาจิ เปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่

พอไม่มี ดร. อุเอโนะแล้ว คฤหาสน์หลังนี้ก็ใหญ่เกินไปสำหรับภรรยา ดร.อุเอโนะ จึง
จำเป็นต้องขาย ทุกคนแยกย้ายกันไป แล้ว ฮาจิ ล่ะ จะทำอย่างไร

"คุณคิขุ ช่วยหน่อยเถอะ ช่วยพาฮาจิ ไปฝากไว้กับ คุณเซ็นคิจิ ที่อาซากุสะ ให้ที
เห็นฮาจิทีไร ก็นึกถึงคุณครู ทนไม่ไหว" ภรรยา ดร. อุเอโนะ บอกกับคิขุ คนสวน
ในวันหนึ่ง

แล้วฮาจิ ก็ถูกพาไปฝากไว้ที่บ้านของ ทาคาฮาชิ เซ็นคิจิ ที่ อาซากุสะ เซ็นคิจิ เป็น
ญาติห่าง ๆ ของภรรยา ดร. อุเอโนะ ทุกคนที่บ้านเซ็นคิจิ เป็นคนรักสุนัข ลูกชาย
คนเดียวของเซ็นคิจิที่ชื่อ โคอิจิโร่ เรียนอยู่ชั้นประถม รักใคร่เอ็นดูฮาจิเป็นพิเศษ

ที่อาซากุสะ สำหรับฮาจิแล้ว ไม่มีวันจะคุ้นเคยได้ ฮาจิอยู่ได้เพียงพักเดียวเท่านั้น
แล้ว ฮาจิ ก็จากบ้านของทาคาฮาชิ มา ฮาจิ วิ่งโดยไม่เหลียวหลัง เร่งฝีเท้า และ
วิ่งจนฝุ่นตลบ มุ่งหน้ากลับไปชิบุยะ วิ่งมาเกือบสามชั่วโมง ฮาจิก็มองเห็นประตู
คฤหาสน์ที่สุดแสนจะคิดถึง
บ๊อก บ๊อก บ๊อก
ไม่ว่า ฮาจิจะเห่าสักเท่าไร ประตูคฤหาสน์ก็ไม่เปิด ฮาจิ หมอบนิ่งอยู่หน้าประตู
คฤหาสน์ ผ่านไปสองชั่วโมง ฮาจิก็เคลิ้มหลับไป

"เฮ้ ! ฮาจินี่นา" คิขุจอดจักรยาน และร้องทักด้วยเสียงดัง
"แกเดินมาจากอาซากุสะ มาถึงที่นี่เลยเหรอ ฮาจิ ต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว แกขึ้น
รถรางไม่ได้นี่นา" จากนั้นคิขุก็กอดรัดฮาจิ
"ฮาจิ คฤหาสน์หลังนี้ เดี๋ยวก็จะขายแล้ว พูดไปแกก็ไม่เข้าใจหรอก ไม่รู้ใครจะมาซื้อ
ไม่ว่าแกจะคอยอยู่ที่นี่นานแค่ไหน ไม่ว่าแกจะเรียกกี่พันครั้ง คุณครูก็ไม่กลับมาแล้วล่ะ"
คิขุบอกกับฮาจิ
ผมเป็นหมาจรจัดไปแล้วหรือนี่ ...

ฮาจิ ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านคิขุ ฮาจิเหงามาก แต่ฮาจิอยู่ที่นี่เพราะหวังว่า สักวันจะได้พบ
กับคุณครู ตกเย็น ฮาจิ ก็เริ่มไปรับ ดร. อุเอโนะ ที่สถานีชิบุยะอีกแล้ว

แล้วคืนหนึ่ง เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ตอนเย็น พอกลับจากทำงาน คิขุนั่งดื่มเหล้า
อยู่ที่ห้องนั่งเล่น แล้วฮาจิก็กลับมา

"ไง ฮาจิ ไปที่สถานีชิบุยะอีกแล้วล่ะสิ แกนี่น่าสงสารจริง ๆ เลย ฉันน่ะเข้าใจ
ความรู้สึกของแกดีนะ ถ้าอยากไปรับก็ไปเถิด เพราะถ้าไปแล้ว รู้สึกดี ก็ไป" แล้วคิขุ
ก็ลุกขึ้น ไปเข้าห้องน้ำ แล้วเขาก็ล้มตึงหลับไปทันที

นั่นเป็นประโยคสุดท้าย ที่คิขุพูดกับฮาจิ จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่หลับไป แต่เขาเสียชีวิต

สำหรับฮาจิแล้ว ที่ชิบุยะ มีคิขุคนเดียวเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งได้ คิขุ จากโลกนี้ไปแล้ว
ไปอยู่ที่เดียวกับคุณครู

ในที่สุด ... ฮาจิก็เหลือตัวคนเดียว ผมเป็นหมาจรจัดไปแล้วสินะ แต่ไม่ต้องเป็น
ห่วงผมหรอก ผมจะมีชีวิตอยู่ที่นี่ต่อไปให้ได้ แล้วฮาจิก็ออกจากบ้านคิขุ วิ่งปะปน
ไปในฝูงชนแถวชิบุยะ

พลบค่ำ ... ฮาจิก็ไปที่สถานีชิบุยะ ไปนั่งหันหน้าไปที่จุดตรวจตั๋ว จับตามองไปที่ผู้คน
บางครั้ง ท่ามกลางสายฝนพรำ ๆ บางครั้งก็จำผิด นึกว่าเป็นคุณครู ดีใจกระโดดเข้าไป
หา แต่ไม่ใช่ กลับถูกพนักงานสถานีวิ่งมาเตะกระเด็นไปก็มี แล้วฮาจิ ก็เดินคอตก
กลับไปอย่างเหงาหงอย

เจ้าของร้านอาหารแถวนั้น จำฮาจิได้ ก็จะนำข้าวปลาอาหารมาให้ฮาจิกินเป็นประจำ
หรือถ้าร้านจะปิดส่งท้ายปี ก็มักจะได้กินอาหารพิเศษไปกับเขาด้วย แต่บางครั้ง
เพียงแค่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้แขกในร้าน ก็โดนเตะก็มี หาว่าเป็นหมาจรจัด สกปรกสิ้นดี
ฮาจิ มองชายคนนั้น ด้วยสายตาโกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

"มีหมาจรจัดสกปรกอย่างแกนี่แหละ โลกนี้ถึงอันตราย จัดการให้หมด ๆ ไปน่าจะดี"
แขกคนนั้นอารมณ์เสียไม่เลิก

เจ้าของร้าน บอกว่า "หมาตัวนี้ ถึงจะสกปรกอย่างที่เห็น แต่ใจของมันสะอาด
ใจของแกมันสกปรกมากกว่าอีก จะบอกให้ ใส่เสื้อผ้าชั้นดี แต่ใจแกน่ะสกปรกกว่าหมา
อีก กลับไปได้แล้ว แกไม่ใช่่แขกของฉันอีกต่อไป"
หน้าสถานีรถไฟชิบุยะ มีหมาจรจัดมาอาศัยอยู่เยอะ ทะเลาะกัน แย่งอาหารกัน
ฮาจิไม่เคยกลัวสักนิด หันหน้าสู้ ในที่สุดก็สามารถปราบได้หมด ฮาจิก็กลายเป็น
จ่าฝูงหมาจรจัดแถวนั้นไปเลย แต่ถึงแม้จะเก่งกาจเพียงไหน ฮาจิก็ไม่่เคยชวน
ใครทะเลาะก่อน
ปี 2475 ฮาจิเป็นดารา หนังสือพิมพ์อาซาฮี ลงข่าว
วันที่ 4 ตุลาคม 2475 หนังสือพิมพ์อาซาอี ฉบับเช้า ลงรูปและเรื่องของฮาจิ****
"เรื่องของสุนัขแก่กับนายที่รัก"

เป็นเวลาเจ็ดปีที่มันมานั่งคอยการกลับมาของนายที่ตายไปแล้ว ...

ที่สถานีชิบุยะ เช้ายันเย็น ท่ามกลางผู้โดยสารที่หนาตา จะเห็นสุนัขแก่ตัวนี้ มานั่ง
คอยนายผู้เป็นที่รัก หลังจากที่ศาสตราจารย์อุเอโนะ นายที่เลี้ยงดูมันอย่างดี นายที่
เปรียบเหมือนพ่อได้ตายจากไป สุนัขแก่ตัวนี้ก็มานั่งคอยตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา ...

ไม่ว่าจะวันฝนตก แดดออก หรือว่าหิมะตก มันมาแทบทุกวันไม่เคยขาด ถึงวันนี้
ดวงตาของมัน เริ่มพร่ามัว เพราะอายุที่มากขึ้น แต่มันก็ยังเฝ้าคอยนายอันเป็นที่รัก
ต่อไป

สำหรับฮาจิแล้ว การตายของนายนั้นเป็นเรื่องที่มันไม่เข้าใจ ผู้คนที่ผ่านไปมาแถวนั้น
พอรู้เรื่องนี้เข้า ก็รู้สึกสงสารฮาจิจับใจ บางคนซื้อของที่ร้านแผงลอยให้ฮาจิกิน เพื่อ
เป็นการปลอบโยน ...

บัดนี้ ฮาจิ ... กลายเป็นสุนัขที่มีชื่อเสียงไปแล้ว คนทั่วประเทศต่างก็ชมเชย
หัวใจอันยิ่งใหญ่ของฮาจิกันทั้งนั้น ฤดูใบไม้ผลิของปีนั้น ฮาจิ ค่อย ๆ มีชื่อเสียงเพิ่ม
มากขึ้น ร้านแผงลอยที่อยู่ใกล้ ๆ สถานีชิบุยะ ต่างพากันตั้งชื่อรายการอาหารเป็นชื่อ
ของฮาจิ เช่น ข้าวเกรียบฮาจิ ช็อกโกแลตฮาจิ แต่ละร้านขายดิบขายดี มีคนเข้าคิว
ซื้อยาวเหยียด

ปีที่ 9 ฮาจิป่วยเป็นโรคพยาธิหัวใจ

ดร. อุเอโนะ ตายจากไป เป็นเวลา 9 ปีแล้ว ฮาจิอายุ 10 ขวบ ถ้าเป็นคน ฮาจิ
อายุใกล้หกสิบปีแล้ว ฮาจินอนหมอบอยู่ที่ป่าเบญจพรรณ บริเวณเนิน นาเบะชิมะยาม่า
นอนฟังเสียงลมที่พัดหวิว ๆ ผ่านไป ขนของฮาจิหลุดเป็นหย่อม ๆ ผิวหนังบริเวณหลัง
เริ่มเป็นผื่นแดง

ในที่สุด ฮาจิก็ป่วยเป็นโรคพยาธิหัวใจ โรคนี้มียุงเป็นพาหะ นำเชื้อพยาธิมาฝังไว้ที่
หัวใจ เป็นโรคที่น่ากลัวและร้ายแรงสำหรับสุนัขมาก



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น