++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ชีวิตเด็กบ้านสวนบางลำเจียก - ไข่เต่ายำเต่า (๑)

แก้ว แกมทอง

            พูดถึงไข่เต่า บรรดานักเลงกินไข่ทั้งหลายคงแลบลิ้นเลียริมฝีปากกันไปตามๆ เพราะจะพูดกันไปที่จริงแล้ว การกินไข่นั้น จะกินไข่อะไรให้มันมันส์เท่ากับการกินไข่เต่านั้นไม่มี  เพราะเป็นธรรมชาติของไข่เต่ามันเอง ที่ไข่แดงของมันย่อมมันส์กว่าไข่อย่างอื่นเป็นอันมาก แต่บางท่านก็ไม่ชอบ เพราะเกลียดไข่ขาวของมันที่ต้มเท่าไหร่เท่าไหร่ ก็ยังเละๆยืดๆ ลักษณะกระเดียดไปทางขี้มูก  ทันโทษ... เอาเต้าส่วนดีกว่า ลักษณะเหมือนเต้าส่วนคนๆที่คนไม่ทั่ว เป็นเละบ้าง เป็นก้อนบ้าง อันเป็นลักษณะที่น่าเกลียด ทำให้เด็กๆ แทบทุกเด้กไม่ชอบกินไข่เต่าเลย

            ตามที่เห็นๆมา ไม่ว่าตำรับไหนตำรานั้น เวลากินไข่เต่าก็ทำกันอย่างนี้ ต้มไข่สุกแล้วก็เอามาฉีกเปลือกออก เอาน้ำปลาใส่ลงไป เอามะนาวบีบ เอาหอมซอย เอาพริกขี้หนูสับใส่ คนไปคนมาก็เอามารับประทานได้ แต่พวกชาวสวนแถวบ้านผู้เขียนนั้น มีนิสัยชอบเอาผลไม้ในสวนมาประกอบเป็นอาหารหวานบ้าง คาวบ้าง เป็นประจำ คือ ผลไม้ทุกชนิดในสวน ทำอาหารได้ทั้งนั้น อย่างการยำไข่เต่านี่ ถ้าเบื่อมะนาวที่จะทำรสเปรี้ยว เขาก็ไปเอาลูกมังคุดมาแกะ เด็ดกลีบๆเนื้อมันใส่ลงไปแทนมะนาว  หยำไปหยำมา ก็ได้รสชาติแปลกไป คือ แทนที่จะได้รสเปรี้ยวจี๊ดอย่างใส่มะนาว  ก็จะได้รสเปรี้ยวๆหวานๆของมังคุด ผสมรสมันส์ๆของไข่ อร่อยกำลังเหมาะไปอีกแบบหนึ่ง

            พูดถึงไข่เต่าแล้ว จะไม่พูดถึงตัวเต่าเลยก็ดูกระไรอยู่ เต่าแถวบ้านผู้เขียนนั้นเห็นมีอยู่สองเต่า คือ เต่าชนิดที่มันเวลาหดหัวเข้ากระดองแล้วปิดหน้าต่างตรงหน้ามันปุ๊บเข้าไปเลย มองไม่เห็นหน้าตา มันเอากระดองตรงส่วนล่างปิดขึ้นมาแน่นหมด เขาเรียกเต่าหับ แต่ทั้งสองชนิดนี้ ไม่ว่าจะซ่อนหัวได้หมดหรือไม่หมด ถ้านักเลงกินเต่ามาพบเข้า มันก้ไม่รอดครือๆกัน

            การแกงเต่านี่เป็นเรื่องวุ่นวายใหญ่โต แต่ก็เป็นเรื่องความลับที่บอกใครไม่ค่อยได้เหมือนกัน เวลาใครจะแกงต้องแอบแกงกันใต้ถุนบ้าน หรือไม่ก็ที่ห้างสวนเฝ้าลำไยโน่นเลยเพราะพวกผู้ใหญ่บนบ้านเขาห้ามเด็ดขาด เขาไม่ให้ใครฆ่าเต่า เขาว่าเต่านี่เป็นสัตว์อายุยืน ใครไปฆ่ามันเข้าก็บาปยืน คือบาปมาก คนเก่าๆเขาจึงชอบปล่อยเต่า (คนละอย่างกับปล่อยเต่าบนรถเมล์นะ การปล่อยเต่าในรถเมล์นี่ คนเป็นเจ้าของเต่าบาปจังเพราะทำให้คนบนรถบางคนได้กลิ่นแล้วอ้วกแตก หรือไม่ก็เผ่นลงจากรถก่อนถึงที่หมายบ่อยๆ) เวลาใครพบเต่าเขาให้จับมา แล้วเขียนชื่อเราไว้บนหลังเต่า แล้วก็ปล่อยเต่านั้นไปจะดี

            ดังมีเรื่องที่เล่ากันมาว่า มีบุคคลผู้หนึ่งซึ่งไม่ประสงค์จะออกนาม เพราะมีความเลวร้ายอย่างเหลือเฟือ คือ เป็นผู้ร้ายน่ะแหละ ไม่ใช่ผู้ดี พอคนผู้นี้ตายไปก็ไปตกนรกหมกไหม้ต้องไปชดใช้กรรมในนรกเสียแทบทุกขุม จนถึงขุมสุดท้าย เขากำลังหิ้วตัวไปนั้น ก็มีเต่าตัวหนึ่งค่อยๆคลานกุบกับมา เต่านี่ก็มาเฝ้ายมบาล ร้องทูลว่า ..โปรดก่อนเจ้าข้า เจ้าข้าโปรดก่อน อันชายผู้นี้ได้เคยกระทำความดีไว้ติ๊ดหนึ่ง คือ ได้ปล่อยข้าพเจ้าไว้ ไม่ได้ทำลายชีวิตเสีย เมื่อได้พบกันในครั้งหนึ่ง... ท่านยมบาลได้ฟังดังน้นจึงสั่งให้ชำระบัญชีดู แล้วปล่อยชายผู้ต้องโทษนี้ให้พ้นจากนรกขุมนั้นไปได้อย่างหวุดหวิด  (เล่นเอาชายผู้ต้องโทษแอบค้อนแล้วนึกด่าเต่าในใจว่า เสือกมาช้า จนตูแทบจะเปื่อยแล้ว ก็ใช่ เต่ามันเดินช้านี่พี่)

             ได้ฟังดังนี้แล้ว อย่ามีใครอุตริคิดอยากปล่อยม้าขึ้นมาล่ะ ขึ้นชื่อว่าทำบาปไว้เยอะแล้ว ให้คิดปล่อยจรวด มันก็ตามไปช่วยไม่ค่อยทันดอกนาย

            นิทานเรื่องนี้ผู้ใหญ่ชอบเล่าซ้ำซี้ซ้ำซากให้พวกเราเด็กๆฟัง เมื่อพูดถึงเรื่องเต่า จนพวกเราจำกันได้ติดใจ ไม่มีใครฆ่าเต่าเลย พอเจอมันเข้าที่ไหนก็ช่วยกันเอาไม้ไล่เขี่ย คือ เขี่ยให้มันหดหัว แล้วก็นั่งรุมล้อมคอยเฝ้าดูมันอยู่อย่างนั้น พอมันยืดหัวออกมาจะเดินไปอีก เราก็เขี่ยอีก มันก็หดหัวอีก ถ้อยทีถ้อยเขี่ย ถ้อยหดกันอยู่ยังงั้นเป็นชั่วโมงๆ จนบางทีเต่ามันทรมานอยู่ในวงล้อมไม่ไหว มันก็ออกวิ่งเอาดื้อๆ จะแหวกวงล้อมออกไปให้ได้ บังเอิญวิ่งไปทางใครเข้าไอ้คนนั้นก็ผงะร้องกรี๊ด ถอยหนีกรูด เกิดอาการเฮฮากันอย่างสนุกตื่นเต้น พอผู้ใหญ่เดินมาพบเข้า แน่นอน โดนด่ากันไปตามระเบียบ แต่ถ้าคนที่มาพบเข้าเป็นพวกไอ้หนุ่มรุ่นพี่ หรือคนไม่หนุ่มบางคนที่ไม่เชื่อนิทานเรื่องเต่า ไอ้เต่าตัวนั้นก็ซวยไปตามระเบียบเหมือนกัน

            (อ่านต่อตอนที่ ๒)

ที่มา ต่วยตูน ฉบับเดือนตุลาคม ๒๕๓๐ ปีที่ ๑๗ เล่มที่ ๒

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น