เครือข่าย 'ระบอบทักษิณ' ซุกที่เกาะสมุยหลายหมื่นไร่

รายงานโดย...ทีมเฉพาะกิจศูนย์ข่าวภาคใต้

จากการลงพื้นที่เกาะสมุยของทีมข่าวเฉพาะกิจศูนย์ข่าวภาคใต้
"ASTVผู้จัดการ" นอกจากจะพบข้อมูลครอบครัวของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
รองนายรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
ถือครองที่ดินทำเลทองทั้งบนภูเขาและชายหาดหลายร้อยไร่
เฉพาะที่เปิดเผยที่มีชื่อลูกชายและลูกสาว 3 คนถือกรรมสิทธิ์รวม 7 แปลง
ก็มีเนื้อที่กว่า 173 ไร่ ซึ่ง 1 ใน 7
แปลงถูกนำไปใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจตามที่นำเสนอในตอนแรกไปแล้วนั้น

ยังมีข้อมูลที่ถูกเปิดเผยจากผู้คนในแวดวงธุรกิจที่ดินบนเกาะสมุยที่
ต้องนับว่าน่าสนใจไม่น้อยด้วยคือ ในห้วงเวลากว่า 10 ปีมานี้
แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อลือชาในฟากฝั่งทะเลอ่าวไทยอย่างสมุย
ถือเป็นเกาะสวรรค์ของนักการเมืองมากหน้าหลายตา
ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองท้องถิ่นหรือในระดับชาติ
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล โดยเฉพาะระดับบิ๊กๆ
และผู้ค่ำหวอดในวงการการเมืองไทย
ต่างแวะเวียนมาด้วยตัวเองหรือส่งคนมาหาซื้อที่ดินผืนงามๆ
บนเกาะสมุยเก็บไว้ในตู้เซฟแล้วมากมาย

ว่ากันว่าเครือข่ายของนักการเมืองใน "ระบอบทักษิณ" นั้น
สมควรที่จะต้องถูกจัดให้เป็นขาใหญ่ที่เข้าไปไล่ล่าเก็บกว้านที่ดินบนเกาะสมุ
ยเลยทีเดียว

กางข้อมูลทางการเกี่ยวกับที่ดินบนเกาะสมุย

ข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุว่า อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
ประกอบขึ้นจาก 7 ตำบล รวม 39 หมู่บ้าน ได้แก่ ต.อ่างทองมี 6 หมู่บ้าน,
ต.ลิปะน้อยมี 5 หมู่บ้าน, ต.ตลิ่งงานมี 5 หมู่บ้าน, ต.หน้าเมืองมี 5
หมู่บ้าน, ต.มะเร็ตมี 6 หมู่บ้าน, ต.บ่อผุดมี 6 หมู่บ้าน และ ต.แม่น้ำมี
6 หมู่บ้าน มีพื้นที่รวมประมาณ 252 ตารางกิโลเมตร
สภาพพื้นที่โดยธรรมชาติเป็นเขากลางทะเล
พื้นที่ราบอยู่บริเวณชายทะเลที่มีลักษณะเป็นดินทรายและที่พรุเป็นส่วนใหญ่
ในอดีตผู้คนจึงได้ปลูกข้าวและมะพร้าวทั้งบริเวณพื้นที่ราบและพื้นที่ภูเขา
ส่งผลให้พื้นที่ภูเขาของเกาะสมุยมีลักษณะเป็นสวนมะพร้าว
และมีการแจ้งการถือครองที่ดินไว้ตามที่กฎหมายกำหนดตั้งแต่ปี 2498
เป็นต้นมา

ขณะที่ข้อมูลจากสำนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาเกาะสมุย
ระบุว่า ปัจจุบันมีที่ดินใน
อ.เกาะสมุยที่ได้รับการออกเอกสารสิทธิ์ไปแล้วทั้งสิ้น 55,028 แปลง
รวมเนื้อที่ 97,152 ไร่ 0 งาน 34.3 ตารางวา
โดยสามารถจำแนกได้เป็นเอกสารสิทธิ์ประเภท "โฉนดที่ดิน" จำนวน 42,073 แปลง
รวมเนื้อที่ 68,877 ไร่ 3 งาน 52.9 ตารางวา เอกสารสิทธิ์ประเภท "น.ส.3ก"
จำนวน 11,057 แปลง รวมเนื้อที่ 21,660 ไร่ 1 งาน 5.1 ตารางวา
c]tเอกสารสิทธิ์ประเภท "น.ส.3" จำนวน 1,898 แปลง รวมเนื้อที่ 6,602 ไร่ 3
งาน 34.3 ตารางวา

นอกจากนี้แล้วยังสามารถระบุได้ว่า
ในจำนวนที่ดินที่ออกเอกสารสิทธิ์ไปแล้วนั้น
เป็นเอกสารสิทธิ์ของที่ดินที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบ จำนวน 35,370 แปลง
หรือคิดเป็นร้อยละ 64.30 และเอกสารสิทธิ์ของที่ดินตั้งอยู่บนพื้นที่เขา
จำนวน 19,658 แปลง หรือร้อยละ 35.70

จากการที่ธุรกิจท่อเที่ยวบนเกาะสมุยบูมขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันจึงมีสถานที่พักผ่อนตากอากาศ โรงแรม ร้านค้าและสถานบันเทิงต่างๆ
เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติกระจัดกระจายอยู่ครอบ
คลุมทั่วพื้นที่ โดยย่านชายหาดที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาของคนเกาะสมุยคือ
"หาดเฉวง" มีชายหาดที่ทอดยาวประมาณ 7
กิโลเมตรถือเป็นถิ่นที่คึกคักมากที่สุดตลอดทั้งกลางคืนและกลางวัน
ย่านชายหาดที่คึกคักเป็นอันดับรองลงมาคือ หาดละไม หาดเชิงมนต์
แหลมโจรคร่ำ หาดท้องยาง หาดหน้าทอน หาดพังกา และหาดตลิ่งงาม

"ระบอบทักษิณ" ไหลตามท่องเที่ยวบูมสวนกระแส

แม้ภาวะธุรกิจท่องเที่ยวบนเกาะสมุยจะหัวทิ่มลงมาบ้าง
นับแต่ช่วงไตรมาสที่สองของปี 2553 มานี้
โดยสาเหตุที่สำคัญก็คือการชุมนุมเพื่อปั่นป่วนบ้านเมืองและถึงขั้นเผาบ้าน
เผาเมืองในย่านใจการกรุงเทพฯของกลุ่มคนเสื้อแดงตั้งแต่เดือน
มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ตลอดช่วงหลายสิบปีมานี้ธุรกิจท่องเที่ยวบนเกาะสมุยจัดว่าอยู่ในเส้นกราฟ
ที่ทะยานขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง

ในห้วงปี 2540 ที่ประเทศไทยเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง
และส่งผลลุกลามไปยังหลายประเทศในเอเชีย รวมถึงในปลายปี 2547
ที่เกิดเหตุคลื่นยักษ์สึนามิถล่ม 6 จังหวัดฝั่งอันดามันนั้น
การท่องเที่ยวของเกาะสมุยก็แทบจะไม่ได้รับผลกระทบ แถมหลายๆ
ครั้งยังสามารถแปรวิกฤตให้เป็นโอกาสได้เป็นอย่างดี
ส่งผลให้กราฟธุรกิจท่องเที่ยวบนเกาะใหญ่ฝั่งอ่าวไทยแห่งนี้กลับยังทะยานขึ้น
ได้ไม่ต่างอะไรจากคลื่นหัวเดิ่งในท้องทะเล

ความบูมอย่างต่อเนื่องของการท่องเที่ยวบนเกาะสมุยนี้เองที่ได้ดึงดูด
เงินจากกลุ่มนักธุรกิจและนักลงทุนในที่ดิน นักการเมือง นักฟอกเงิน
รวมถึงมาเฟียทั้งในและนอกประเทศเข้ามากว้านซื้อที่ดินบนเกาะสวรรค์ของนัก
ท่องเที่ยวทั่วโลกแห่งนี้กันอย่างสนุกมือ
ซึ่งในช่วงเวลาไม่กี่สิบปีมานี้มีเงินสะพัดในธุรกิจที่ดินบนเกาะสมุยหลายแสน
ล้านบาททีเดียว

นับตั้งแต่ที่ผู้ก่อการร้ายและทักโทษชายหนีคดีที่ชื่อ "ทักษิณ
ชินวัตร" ก้าวขึ้นบัลลังก์อำนาจในปี 2543 ซึ่งได้สานสร้างเครือข่าย
"ระบอบทักษิณ" ครอบงำสังคมไทยอยู่นั้น
บรรดาหัวขบวนของทุนสามานย์ในระบอบทักษิณก็ได้ถือโอกาสอาศัยอำนาจทางการเมือง
เข้ากว้านซื้อและหาช่องทางยึดครองเอกสารสิทธิ์ในที่ดินบนเกาะสมุยมาอย่างต่อ
เนื่อง

"เป็นที่ร่ำลือของคนในวงการที่ดินเลยว่า ระหว่างปี 2544-2548
ที่ระบอบทักษิณยังครองอำนาจอยู่นั้น
ห้วงเวลานั้นถือเป็นยุคทองของเครือข่ายทักษิณในการเข้าไปครอบครองที่ดินบน
เกาะสมุย ว่ากันว่าเฉพาะเงินของทักษิณเองก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 5
หมื่นล้านที่ไหลสู่เกาะสมุย หากร่วมเครือข่ายของเขาด้วย อาทิ
กลุ่มทุนสื่อยักษ์ใหญ่ที่ก็ทุ่มเงินไปนับหมื่นล้าน เป็นต้น
เงินในระบอบทักษิณที่ถูกหว่านอยู่ในสมุยก็น่าจะเฉียบหลักแสนล้านเห็นจะได้"
แหล่งข่าวที่คลุกคลี่อยู่ในวงการที่ดินมานับสิบปีระบุ

"ขายฝาก" เทคนิคกว้านที่ดินของทุนใหญ่

เป็นที่น่าสังเกตว่า
การไหลเข้าไปของเงินจากกลุ่มทุนทั้งในและต่างประเทศสู่เกาะสมุย
ส่วนมากจะไม่ใช้วิธีเข้าไปกว้านซื้อกรรมสิทธิ์โดยตรง
แต่จะเป็นไปในรูปแบบของการเข้าไปทำระบบรับ "ขายฝาก"
ทั้งที่เป็นที่ดินทำเลทอง โรงแรม รีสอร์ตและกิจการต่างๆ
ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว
โดยที่หากเป็นทุนไทยก็จะใช้คนในพื้นที่รับเป็นนายหน้าวิ่งเรื่องให้
แต่ถ้าเป็นทุนต่างด้าวก็จะใช้คนไทยรับเป็นให้เช่นเดียวกัน
จากนั้นทรัพย์สินเหล่านั้นก็จะค่อยๆ
ถูกถ่ายโอนเป็นของกลุ่มนายทุนในที่สุด

นอกจากนี้แล้ว
ในส่วนของกลุ่มทุนต่างด้าวก็มักจะใช้รูปแบบของการเข้ามาแต่งงานกันคนไทย
แล้วตั้งบริษัทขึ้นมารองรับโดยใช้คนไทยเป็นนอมินีถือหุ้นใหญ่
จากนั้นก็กว้านซื้อที่ดินและกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ
ในพื้นที่เพื่อนำไปพัฒนารองรับตลาดมหาเศรษฐีชาวต่างประเทศด้วยดัน
ทั้งนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดจากกฎหมายไทยนั่นเอง

จากเทคนิคการกว้านที่ดินและกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว
เข้าไปตุนไว้ในมือของทุนใหญ่ดังกล่าว
แหล่งข่าวในแวดวงธุรกิจที่ดินบนเกาะสมุยหลายคนยืนยันตรงกันว่า
สิ่งนี้ก็ถือเป็นเทคนิคสำคัญที่สุดที่กลุ่มทุนในระบอบทักษิณนำมาใช้
โดยเมื่อช่วงที่กลุ่มทุนของระบอบทักษิณเข้าไปใหม่ๆ
คนในวงการมักจะร่ำลือกันว่า
ตอนี้มีเงินหลายหมื่นล้านถูกทุ่มมารับขายฝากกันแล้ว

เปิดตัว "เจ๊ ส." หัวหอกเครือข่ายระบบทักษิณ

เป็นที่รับรู้ของคนทั่วเกาะสมุยว่า
นับแต่ที่ระบอบทักษิณทุ่มเงินไปกว้านเก็บที่ดินและกิจการท่องเที่ยวที่นั่น
หัวหอกในการทำหน้าที่ทะลุทะลวงสร้างขุมข่ายผลประโยชน์ให้ก็คือ
นักการเมืองหญิงผู้มากบารมีและคร่ำหวอดอยู่ในเครือข่ายระบอบทักษิณที่มีนาม
ย่อว่า "เจ๊ ส." นั่นเอง

ทั้งนี้โดยการให้ผู้เป็นสามีต่อสายไปยังกลุ่มนักการเมืองและกลุ่มทุน
ท่องเที่ยวในท้องถิ่น
โดยเฉพาะนักการเมืองท้องถิ่นนั้นถึงขั้นที่ระบอบทักษิณยอมที่จะทุ่มทุนหว่าน
โปรยเงินไปช่วยเหลือในช่วงที่มีการเลือกตั้งเพื่อให้ได้ยึดอำนาจท้องถิ่นไว้
เป็นฐานรองรับ และภายหลังว่ากันว่าถึงขั้นให้สามีของตนเองลงคลุกวงในทางการเมืองในสนามท้อง
ถิ่นเองด้วย

อย่างไรก็ตาม
แม้ผู้ก่อการร้ายและทักโทษชายหนีคดีทักษิณจะหลุดจากบัลลังก์อำนาจจากการ
ถูกกลุ่มทหารทำการรัฐประหารในปี 2549
และตัวเองมีอันต้องระเห็จระเหเร่ร่อนอยู่ต่างๆ ประเทศในเวลานี้
แต่ทว่าเชื่อสายของระบอบทักษัณกับผลประโยชน์ในที่ดินและธุรกิจท่องเที่ยวบน
เกาะสมุยก็ยังถูกสาวให้ดำเนินต่อเนื่องมาจน ณ วันนี้
ซึ่งแม้จะโรยแรงไปบ้าง แต่บารมีก็ยังมีมากพอให้ผู้คนได้เห็น

"มีเรื่องเล่าหนาหูคนสมุยว่า วันที่ทหารทำการปฏิบัติทักษิณ
วันนั้นโครงการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่ของเจ๊
ส.ที่เคยขึ้นป้ายและมีท่อนซุงไม้สักประมาณ 4-6
ต้นปักไว้เด่นสง่าอยู่หน้าโครงการ
ปรากฏว่าในคืนวันปฏิวัตินั้นไม้สักถูกโค่นหายไปในพริบตา" แหล่งข่าวกล่าว

อย่างไรก็ตาม
มีการประเมินกันในกลุ่มนักธุรกิจที่ดินและท่องเที่ยวบนเกาะสมุยว่า
ในเวลานี้กลุ่มทุนการเมืองที่เกี่ยวข้องและโยงใยกับระบอบทักษิณน่าจะยังถือ
ที่ดินในพื้นที่ไว้นับหมื่นไร่
และในจำนวนของกลุ่มคนเหล่านี้หลายคนอาจจะดูเสมือนว่าได้ไปยืนอยู่ในฝ่ายตรง
ข้ามทางการเมืองแล้ว
แต่แท้ที่จริงแล้วสายสัมพันธ์ยังไม่ได้ถูกตัดขาดจากกัน

โดยจากการสำรวจพบว่า
มีโรงแรมหลายแห่งที่ถูกระบุว่าเป็นของคนในครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ อาทิ
โรงแรมใบตองสุดหรูย่านหาดเฉวง อีกทั้งยังมีที่ดินอีกมากมายมหาศาล
นอกจากนี้คนในระบอบทักษิณที่ถูกระบุว่ามีที่ดินและกิจการในสมุยจำนวนมากก็มี
อาทิ นางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายยุรนันท์
ภมรมนตรี เป็นต้น