++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553

กินพิสดาร - ตุ่น (๓-ตอนจบ)

ปรีดี  อู่ทรัพย์


            จากบริเวณนั้นลุงพาผมเดินไปอีกที่หนึ่ง พอได้ยินเสียงกรอดๆอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ลุงก็ยกมือบอกใบ้ให้ผมหยุดและเงี่ยหูฟัง ส่วนตาของลุงก็ส่ายไปมาโดยรอบ แล้วก็หยุดลงที่ "ขุยใหม่" ขุยหนึ่งที่ดินกำลังขยุ่บๆอยู่ ลุงปลดปืนที่ติดตัวไปออกจากบ่าอย่างรวดเร็ว เอาลูกโดดยัดเติมลงไปแล้วเอาฝอยกาบมะพร้าวยัดตาม ค่อยๆง้างนกสำรวจดูแก็ปดูดินปืนพลางย่องเข้าไปหาขุยตุ่นที่ว่าอย่างเงียบกริบ พอห่างสักวาหนึ่งแกก๋หยุดนิ่ง ประทับปืนจ้องปลายเล็งไปที่ขุยตุ่น พอมันขยับขุยดินอีกครั้งหนึ่งลุงยิงขุยนั้นทันที เสียงปืนลูกหกสลึงดังลั่นป่า ขี้ดินกระจายฟุ้ง ลุงหันมาคว้าอาจอบจากผมอย่างรวดเร็วแล้วขุดบึ่บๆลงไปตรงนั้น ตุ่นตัวหนึ่งนอนแอ้งแม้งอยู่ในรูดินห่างผิวดินไม่ถึงคืบ มันไม่ได้ถูกปืนหรอกครับ แต่มันสลบไปเพราะแรงระเบิดของดินบริเวณนั้น

            ได้ตุ่นแล้วสองตัว ลุงก็พาไปสำรวจขุยตุ่นต่อ หาขุยใหม่ได้ ๔-๕ ขุย ลุงก็สั่งให้ผมเอาจอบขุดลงไปตรงขุยใหม่เหล่านั้น แล้วเอาด้วงดักขวางทางเดินของมันไว้ โดยมี "ใบตะไคร้" ใส่ลงไปในด้วงนั้นด้วย เรื่องใบตะไคร้นี้ฉะมังนักนะครับ ใครที่ดักด้วงโดยใช้เหยื่ออย่างอื่น ไม่ได้ผลแล้ว ขอให้มาลองใช้ใบตะไคร้ดูบ้าง ให้ตุ่นมันแสนฉลาดอย่างไรมันก็ต้องมาติดด้วงใบตะไคร้นี้แน่นอน ตำน้ำพริกแกงคอยได้เลยทีเดียว

            ดักตุ่นเสร็จแล้วลุงก็พาผมกลับ ขระที่เดินลัดมาอีกทางหนึ่งเจอขุยใหม่เข้าอีกแห่งหนึ่ง ลุงเอาจอบจากผมขุดดินตรงขุยใหม่ให้เป็นช่องแล้วล้วงเอาเบ็ดพวงในกระเป๋าที่เตรียมไปออกมา ใส่ลงไปในรูนั้น เอาเชือกสายเบ็ดทางปลายมัดไว้กับต้นไม้ใกล้ๆ ลุงบอกว่า เป็นการดักตุ่นด้วย "เบ็ดเปล่าเป็นพวงนี้" หลอกให้ตุ่นมาติดเบ็ดได้สบายมาก เพราะเมื่อตุ่นเดินตามอุโมงค์มาพบทางดินที่ถูกทำลาย มันก็จะเริ่มอุดทางเดินด้วยดินทันที และในขณะที่มันขุดดินมาปิดอุโมงค์นี่แหละ เบ็ดหลายตัวที่ทำเป็นพวงเข้าไว้ตรงปากอุโมงค์ ก็จะเกี่ยวติดมันเข้าตรงส่วนใดส่วนหนึ่ง และเมื่อมันดิ้นเบ็ดอีกหลายตัวก็จะเกี่ยวหนับเพิ่มขึ้นอีกจนมันดิ้นไม่หลุด

            "พรุ่งนี้ค่อยมาดูกัน ไม่ผิดหวังหรอก"
            ลุงว่าแล้วชวนผมกลับบ้าน ขณะเดินทางมาลุงบอกว่าจะแกงแคตุ่น แกเก็บผักต่างๆมาพร้อม เช่น ขุดหน่อไม้ เก็บยอดผักบุ้ง ผักชะอม ผักตำลึง ดอกแค ถั่วพูและผักอื่นๆอีกหลายอย่างที่ผมไม่รู้จัก แกบอกว่าแกงแคแกงไม่ยาก เอาพริก หอม กระเทียม ข่า ตะไคร้ กะปิ ใส่ครกโขลกน้ำพริกให้ละเอียด นำไปผัดในกระทะให้หอมผสมกับเนื้อตุ่นคนให้ทั่ว เหยาะน้ำปลาจนสุกดีตักใส่หม้อแกง ใส่น้ำพอสมควรตั้งไฟ พอแกงเดือดจึงใส่ผักพร้อมกัน ชิมรสตามชอบ

            ผมฟังลุงบรรยายจนน้ำลายไหล กะว่าไปถึงบ้านคงได้กินแกงแคตุ่นอร่อยแน่ แต่เผอิญขณะที่จวนจะถึงบ้าน กำนันไปรังวัดที่ดินเดินสวนมา แกถามลุงว่า
            "ไปไหนมาล่ะปริก"
            "ไปขุดตุ่นมาครับ"
            "ได้ไหม"
            "ได้ครับ ผมได้มาสองตัว"
           
            "เออ ดีจริงว่ะ ตุ่นนี่หากินยาก มันเป็นสัตว์ป่าไม่มีขาย อร่อยยิ่งกว่าหมู ขอกูเถอะวะปริก จะเอาไปทำอาหารเลี้ยงที่ดินอำเภอเขา เอ็งอยู่บ้านป่าหากินได้ง่ายหรอก แล้วเดี๋ยวไปช่วยถอนขนตุ่นทำครัวเลี้ยงเขาด้วยนะ"

            ลุงล้วงเอาตุ่นจากถุงของผมส่งให้กำนันไปอย่างเงียบๆ ผมมองดูกำนันและคณะเดินหิ้วตุ่นไปอย่างละห้อย โลกและสังคมมันเป็นอย่างนี้แหละครับ บางทีคนกินไม่ได้หา บางทีคนหาไม่ได้กิน คิดมาถึงตรงนี้แล้วน้ำลายของผมแห้งไปจากปากทันที ตุ่นเอ๋ยตุ่น


ที่มา ต่วยตูน ฉบับเดือนตุลาคม ๒๕๓๐ ปีที่ ๑๗ เล่มที่ ๒

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น