++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ชีวิตเด็กบ้านสวนบางลำเจียก - ไข่เต่ายำเต่า (๔ - ตอนจบ)

แก้ว แกมทอง


            ...เวลามีหน้าหมากนี้ ชาวสวนจะขึ้นหมากมากองไว้ใต้ถุนพะเนินเทินทึก การขึ้นหมากนี้แต่ก่อนมีเด็กรุ่นๆ ชอบรับจ้างขึ้นหมากมะพร้าวเป็นการหาลำไพ่กันเยอะแยะ เครื่องมือหรือที่จริงควรจะเรียกเครื่องเท้า ไว้สำหรับขึ้นต้นหมากอันสูงลิบๆนั้น ก็ไม่ต้องอะไรมากใช้ปลอกอันเดียว ทำด้วยทางใบตองแห้ง คือ ใบตองแห้งนั้นตัดมาแล้วรูดใบทิ้งให้หมด  จะเหลือทางของมันเป็นเส้นยาว เขาก็เอามาหลายๆเส้น ผูกกันเข้าเป็นวงกลม ขึ้นต้นหมากก็วงกลมแคบหน่อย แล้วเอาไปชุบน้ำให้เหนียว เวลาขึ้นก็เอาปลอกนี่แหละ สวมเข้ากับฝ่าเท้าทั้งสองเท้า แล้วเหนี่ยวต้นหมากดึงตัวขึ้นไปฝ่าเท้าทั้งสองข้างก็จะถูกปลอกยึดไว้แน่นกับต้นหมาก จะขึ้นไปยืนหรือจะขึ้นไปนั่งพักอยู่บนยอดหมากยังไงก็ได้ นอกจากทำพิเรนทำปลอกหลุดหรือปลอกขาดกลางทาง ยังงั้นก็ช่วยไม่ได้

            หมากหน้าสวยๆ คือ ผ่าออกมาแล้วแดงดี ฝาดดี หรือไม่ก็หวานดี ที่เขาเรียกหมากหน้าหวาน เขาก็ขนเอาไปขายที่ท่าเตียนหมด แต่หมากหน้าไม่สวย คือ ผ่าออกมาแล้วดูซีด จืดชืด เขาเรียกขาวเป็นหน้าเจ๊ก หรือโพลกบุ๋มตรงกลาง คือหน้าไม่เต็ม บางทีก็แก่ไป อ่อนไป พวกนี้เขาก็เอามาผ่าเจียนหมาก แล้วตากแห้งไว้ อย่างนี้เขาเรียกหมากแห้ง

            ส่วนหมากหั่นนั้น คือ หมากที่แก่เกินไปจนเปลือกนอกชักจะเหลืองแล้ว เขาก็เอามาเฉาะ  วิธีเฉาะเหมือนกับการเฉาะฝรั่งกินน่ะแหละ เอามีดสับงัดสับงัด เปลือกหมากก็จะถูกงัดหลุดไปหมด เหลือแต่เนื้อหมากเป็นลูกกลมๆอยู่ข้างใน เขาก็เอามาหั่นขวางลูกให้เป็นแผ่นบางๆ แล้วเรียงใส่ตะแกรงตากไว้ เรียกหมากหั่น

            ส่วนหมากสงนั้น คือหมากที่แก่จนเปลือกเหลืองอ๋อยแล้ว จนเจาะไม่ออก เปลือกหมากที่แก่มากแล้วนี้เหนียวมากนะ ให้สับงัดยังไงก็ไม่ออก  เขาต้องใช้มีดอีโต้มาผ่าเลย เอาลูกหมากวางบนเขียง แล้วเอามีดโต้สับโป๊กลงไป มือแม่นๆงี้ โป๊กเดียวผ่ากลางพอดีสองซีกเลย อย่างที่เขาว่า เอ....เอาเหอะไม่ต้องยกตัวอย่าง พอหมากเป็นสองซีกแล้ว เขาก็เอาปลายมีดงัดเนื้อหากออกตากไว้ เรียกว่าหมากสง

            ความจริงยังมีอีกหมากหนึ่งคล้ายๆหมากสง แต่เขาเรียกหมากยับ หมากนี้เป็นเดนมากจริงๆเลย แต่ยังอุตส่าห์ขายได้ คือ หมากที่แก่แรดเหลืองอ๋อยแล้ว บางทีก็ถูกทิ้งจนแก่หล่นจากต้นลงมาเอง แล้วเขาก็เก็บกองรวมๆไว้ บางทีก็เป็นหมากสงที่เขาไม่มีเวลาทำ เขาก็วางทิ้งๆขว้างๆไว้ จนเปลือกหมากแห้งเกราะเป็นสีน้ำตาล หลุดรุ่ยออกไปเองไม่ต้องผ่า แต่เนื้อหมากยังกลมดิก แข็งโป๊กโดยไม่ต้องตาก เขาก็มาเลือกเอาแต่เนื้อหมากไป แล้วเอาสันขวานทุบโป๊ก เนื้อหมากจะแตกร่วนฉ่า โกยใส่ปี๊บเอาไปขายได้อีก

            จะเห็นว่าหมากทุกชนิดของชาวสวน ขายได้หมด ไม่มีทิ้งเสีย แต่เวลาหน้าหมากทีหนึ่งเดือดร้อนกันทั้งบ้านจนถึงพวกเราเด็กๆ เพราะพวกผู้ใหญ่เขาก็ได้แต่เจียนหรือหั่น หรือผ่าไปตามชนิดของหมาก เด็กๆนั้นซีจะต้องนั่งเรียงหมากลงตะแกรง ตากจนหลังขดหลังแข็ง หมากเจียนนั้นเรียงง่ายหน่อยเพราะชิ้นใหญ่ คือ ลูกหนึ่งเขาผ่าสี่ แล้วเจียนลอกเอาเปลือกนอกเหลือไว้สองชั้น ตัดเปลือกแข็งทิ้งไป เวลาเรียงบนตะแกรง ชั้นแรกก็วางพิงของตะแกรง กลมไปตามรูตะแกรงเลย ชั้นในๆเข้าไปกลางตะแกรงก็พิงกันต่อๆเข้าไปเร็วหน่อย แต่หมากหั่นที่เป็นแผ่นบางๆนั้นโหดมาก ต้องเรียงทีละแผ่น  จะวางทับๆกันลงไปไม่ได้เดี๋ยวราขึ้น แล้วคิดซี ตะแกรงที่ตากหมากนั่นน่ะ ใหญ่ขนาดเด็กสองคนโอบนะ เรียกว่าพอเรียงเต็มแล้ว เด็กยกไม่ขึ้นนั่นแหละ ผู้ใหญ่ต้องเป็นคนยกเอง เอาขึ้นไปตากบนร้านเหนือนอกชานบ้าน บางทีฝนตกเก็บไม่ทัน หมากมันก็ขึ้นรา งานนี้ก็เด็กอีก เขาใช้ให้เอาแปรงสีฟันเก่าๆ มานั่งแปรงหน้าหมาก หมากรานี่มันขึ้นเป็นสีขาว ต้องเอาแปรงปัดแกรกๆให้ไอ้ราขาวๆนั่นมันหลุดไป หยิบขึ้นมาปัดทีละชิ้นเหมือนเมื่อตอนเอาวางเรียงลงไปนั่นแหละ ทรมานที่สุดเลย พวกเราเด็กๆทำไปก็นั่งบิดไปทางโน้นที ทางนี้ที บางทีก็แอบร้องไห้ เอาน้ำตาเช็ดหัวเข่า หูก็คอยฟังว่าจะมีเสียงเพื่อนๆจะโกนเรียกมาจากหัวถนนบ้างไหม แสดงว่าเราเด็กชาวสวนก็มี ตอนโศกเศร้าอยู่เหมือนกัน ไม่ใช่มีแต่เรื่องสนุกสนานเฮฮา

            หมากตากแห้งนี่ถ้าเวลามีฝน แดดไม่ดี เขาต้องเอาตะแกรงขึ้นอังไฟในครัว เตาหุงข้าวนั่นแหละ พอเหลือแต่ถ่านอ่อนๆ เขาก็เอาตะแกรงหมากขึ้นอังเหนือเตา เรียกว่าหมากนี่ต้องแห้งจริงๆ ถึงจะเอาใส่ปี๊บไปได้ ฝาปี๊บเขาก็ต้องไปจ้างเด็กทำสังกะสีไว้ปิดให้มิดชิด ไม่ใช่ใส่แล้ววางทิ้งไว้โล่งๆ มันเป็นขั้นตอนที่ยากลำบากพอดู  กว่าจะเอาไปถึงคนใส่ปากเคี้ยว

            เล่ามาถึงตรงนี้แล้วถึงรู้สึกว่ามันห่างจากเรื่องมะไฟมานานโข จะย้อนกลับไปหาอีกทีก็เห็นจะไม่เป็นการ เพราะมาหลังๆนี่ผู้เขียนชักรู้สึกตัวว่าจะเล่ายาวไปหน่อย เลยชักเกรงใจ บอกตัวเองเสมอว่า ให้น้อยๆหน่อย ก็จะคอยลืม จึงขอประทานอภัยยกเอาเรื่องมะไฟไปไว้ในโอกาสอื่นๆดีกว่า ที่ไม่ไว้โอกาสหน้าก็เพราะถ้ามีการเขียนสืบเนื่องจากเรื่องนี้ ก็เห็นจะเป็นเรื่องซอยสวนพลู  เอ๊ย ไม่ใช่ เรื่องพลูเฉยๆ เพราะเมื่อเขียนถึงเรื่องหมากแล้ว ก็ควรจะเป็นเรื่องพลู ไม่ใช่เรื่องมะไฟ

            คำว่าไข่เต่ายำเต่านี้ ก็เป็นสำนวนคล้ายๆ "อัฐยายซื้อขนมยาย" หรือไม่ก็  "ไม่ได้ตัวเอาวัวพันหลัก" ทำนองนั้นแหละ ผู้เขียนว่า แต่ทีนี้ชาวสวนเขาเป็นคนซื่อ เขาก็เลยว่า ไข่เต่าที่เอาไปยำเต่าน่ะ ก็คือมะไฟไข่เต่านี่เอง  เพราะไข่ของเต่าเองจะไปยำกับเนื้อเต่าเองจะอร่อยได้ยังไง   สู้เอามะไฟไข่เต่าไม่ได้ ใส่เข้าไปให้มันเปรี้ยวๆหวานๆ แล้วก็แกล้มด้วยน้ำอะไรที่มันอยู่ในไห ก็ได้ในขวด...


ที่มา ต่วยตูน ฉบับเดือนตุลาคม ๒๕๓๐ ปีที่ ๑๗ เล่มที่ ๒

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น