++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ต้องดำเนินการก่อนจะถึงเมษายน 2554

โดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง


"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"
ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังถูกรุมเร้าด้วยปัญหายุ่งเหยิง
ยุ่งยาก และลำบากมากที่สุด เท่าที่นายกฯ ของไทยในอดีตเคยประสบมา

ลำบากกว่ารัฐบาลถนอม กิตติขจร และรัฐบาลสัญญา ธรรมศักดิ์
ในช่วงก่อนและหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516

ลำบากกว่ารัฐบาลเสนีย์ ปราโมช และรัฐบาลธานินท์ กรัยวิเชียร
ในช่วงก่อนและหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

ลำบากกว่ารัฐบาลสุจินดา คราประยูร และรัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน
ในช่วงก่อนและหลังเหตุการณ์ 17 พฤษภาคม 2535

รัฐบาลที่มีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น
ต้องรับผลกระทบหลายด้าน

ทั้งก่อนและหลังการเข้ามาเป็นรัฐบาล

โดยรับผลกระทบโดยตรงจากการกระทำ การเคลื่อนไหว
และการต่อสู้เพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนตัวของทักษิณ ชินวัตร
ซึ่งยังมีอำนาจเงิน และยังมีอิทธิพลทางการเมือง จากการที่ครอบงำ ยึดครอง
และซื้อตัวซื้อใจข้า

ราชการ ตำรวจ ทหาร นักการเมือง องค์กรอิสระ หรือแม้แต่ศาล (บางส่วน)
ตลอดช่วงระยะเวลาที่มีอำนาจรัฐเบ็ดเสร็จเด็ดขาดกว่า 5 ปี ทำให้คนคนนี้
มีความคับแค้น ไม่ยอมแพ้ และเห็นแก่ตัวอย่างมาก จึงไม่ยอม

ปล่อยวางจากประเทศไทย

และยังได้รับผลกระทบข้างเคียง
จากกระบวนการขับไล่ระบอบทักษิณที่ดำเนินมาก่อนหน้านั้น
โดยเฉพาะสภาพสังคมที่มีความแตกแยก คุกรุ่น แบ่งฝักแบ่งฝ่าย
การต่อต้านรัฐประหารที่ถูกบิดผันเข้ามาผูกโยงกับการได้

มาเป็นนายกรัฐมนตรีของอภิสิทธิ์ รวมไปถึงการเคลื่อนไหว ปลุกปั่น ต่อต้าน
ของกลุ่มที่สูญเสียอำนาจและผลประโยชน์ไปภายหลังการรัฐประหาร
และไม่สามารถต่อรองได้ผลประโยชน์จากรัฐบาลอภิสิทธิ์ ฯลฯ

ยิ่งกว่านั้น
วิกฤตเศรษฐกิจโลกยังแสดงอาการออกมาชัดเจนในช่วงเวลาเดียวกัน
ส่งผลกระทบถึงเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก
การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องภายในประเทศ

ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในชีวิตส่วนตัว
กลายเป็นสถานการณ์ที่เอื้ออำนวยให้ฝ่ายที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลฉวยโอกาสนำไปปลุกปั่นต่อไปได้

"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีช่วงต้นปี 2552
หลังจากนั้นเพียงไม่เดือน ช่วงเมษายน 2552 ก็ถูกทักษิณ ชินวัตร
และขบวนการเสื้อแดงปฏิบัติการรุนแรง ล้มการประชุมอา

เซียนที่พัทยา และก่อความวุ่นวายในกรุงเทพมหานคร ถึงขนาดว่า นายกฯ
อภิสิทธิ์ ก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดมาแล้ว

ต้นปี 2553 ต่อเนื่องจนถึงเมษายน และพฤษภาคม 2553
ขบวนการแดงกบฏของทักษิณก็ยังได้นับโอกาสให้เคลื่อนไหว
สร้างผลกระทบและความเดือดร้อนในบ้านเมืองอีกครั้ง และรุนแรงยิ่งกว่าเดิม

กลายเป็นเหตุวินาศกรรม เผาบ้านเผาเมือง หวังก่อจลาจล
ก่อสงครามประชาชน แย่งชิงอำนาจรัฐ เปลี่ยนแปลงการปกครอง
มีการใช้กองกำลังติดอาวุธออกมาปฏิบัติการโจมตีทหาร ตำรวจ ประชาชน
กระทั่งเกิดการปะทะ

ต่อสู้ เสียชีวิตจำนวนมาก

ชีวิตของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ถูกไล่ล่า กดดัน
และตกเป็นเป้าหมายของการโค่นล้มทำลายอย่างเต็มตัว

สถานการณ์เช่นนี้
ส่งผลกระทบต่อสภาวะจิตใจของบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศอย่างแน่นอน
หากนักการเมืองอย่าง "อภิสิทธิ์" เห็นแก่ตัวเอง ตัดช่องน้อยแต่พอตัว
หรือต้องการเอาตัวรอด โดย

ไม่เอาอนาคตทางการเมืองของตนเองเข้ามาเสี่ยงกับวิกฤตการณ์ของประเทศชาติ
ก็น่าจะกระทำได้ โดยลาออก หรือยุบสภา
หรือยอมตามการกดดันข่มขู่ของทักษิณและพวกไปเสีย ตนเองก็จะปลอดภัย
ได้ผลประโยชน์

ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตทางการเมืองกับสถานการณ์ที่จะมีคนบาดเจ็บล้มตายในบ้านเมือง
และไม่ต้องเสี่ยงชีวิตของตัวเองกับวิกฤตของบ้านเมืองที่ตนไม่ได้เป็นต้นเหตุ

เป็นเคราะห์ร้ายของทักษิณ ที่ "อภิสิทธิ์" ไม่เลือกที่จะ
"รักษาตัวรอดเป็นยอดดี" เหมือนนักการเมืองส่วนใหญ่ ทั่วๆ ไป

จึงเป็นที่น่านับถือ และไว้เนื้อเชื่อใจ
เมื่อในยามบ้านเมืองมีวิกฤต คนคนนี้ ได้พิสูจน์ตนเองให้เห็น ผ่านการกระทำ
ไม่ถอดใจ ไม่ละทิ้งประเทศชาติส่วนรวม เป็นบทพิสูจน์ภาวะผู้นำ
ความหนักแน่น กล้าหาญ และความ

ไว้วางใจที่ประเทศชาติสามารถจะพึ่งพาได้ต่อไป

แต่จนถึงบัดนี้ สถานการณ์บ้านเมืองก็ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ

ยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นใน เมษายน 2554?

เราควรเรียนรู้ข้อผิดพลาด บกพร่อง จากเมษายน 2552 - เมษายน 2553

1 ปีที่รัฐบาลควรทำอะไรแล้วยังไม่ได้ทำ?

จะได้เป็นบทเรียน และแนวทางที่จะต้องเร่งทำตั้งแต่บัดนี้
เพื่อป้องกันมิให้ประเทศชาติต้องตกอยู่ในวิกฤตเมษายน 2554 อีกครั้ง

1) 1 ปีที่ผ่านมา... ตำรวจ ไม่ได้ถูกปรับโครงสร้าง ถูกปรับเปลี่ยน
โยกย้ายอย่างจริงจัง

ใช้คนให้เหมาะกับงาน

ใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ

เพื่อแก้ไขมะเขือเทศในระบบตำรวจของประเทศไทย

2) 1 ปีที่ผ่านมา... แกนนำขบวนการเสื้อแดง เช่น นายจตุพร นายวีระ
นายณัฐวุฒิ นายอริสมันต์ นายเหวง ฯลฯ ไม่ได้ถูกดำเนินคดีอย่างจริงจัง
เด็ดขาด แม้จะเคยควบคุมตัว แจ้งข้อหา แต่เมื่อ

ได้ประกันตัวก็ยังปล่อยให้ดำเนินการเคลื่อนไหวราวกับเป็นคนที่ไม่มีคดีร้ายแรงติดตัว

เคลื่อนไหวทุกวิถีทางเพื่อมุ่งเอาชนะ อันจะเป็นผลต่อคดีของตัวเอง

และยังเป็นเยี่ยงอย่างแก่แกนนำในเครือข่าย
รวมถึงถูกนำไปปลุกปั่นปลุกระดมประชาชน ทำให้เกิดความฮึกเหิม เหิมเกริม
ไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมือง

3) 1 ปีที่ผ่านมา... ท่อน้ำเลี้ยงของผู้สนับสนุนเงินทุน
ไม่ได้ถูกดำเนินการ ถูกสกัดอย่างจริงจัง และเด็ดขาด

ทั้งๆ ที่เป็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย เนื่องจากสนับสนุน
จ้างวาน หรือร่วมกระทำความเสียหายร้ายแรงต่อบ้านเมือง

นอกจากนี้ ยังทำให้บางส่วนเล่นแทงหวยเสื้อแดง กล่าวคือ
ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนลับๆ บ้าง เพื่อว่าถ้าฟลุ๊ก เกิดล้มรัฐบาลสำเร็จ
ก็จะได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ไปด้วย

4) 1 ปีที่ผ่านมา... ราชการฝ่ายปกครอง และความมั่นคง
ยังไม่ได้ถูกยกเครื่อง ปรับรื้อ ปรับเปลี่ยนให้ตื่นตัว
สอดรับกับสถานการณ์วิกฤตของบ้านเมือง โดยเฉพาะในต่างจังหวัด เช่น
ผู้ว่าราชการ

จังหวัด และกลไกของฝ่ายปกครองที่อยู่ในพื้นที่ทั่วประเทศ

รวมถึงทหาร ที่ยังไม่ได้โยกย้าย ปลด เปลี่ยน
เพื่อกระชับอำนาจตามสายบังคับบัญชา จนทำให้เกิด "ทหารแตงโม"
กลายเป็นไส้ศึก ก่อให้เกิดความสูญเสียแก่กองทัพ
และเกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง

5) 1 ปีที่ผ่านมา... ไม่ได้
"กระชับพื้นที่การเคลื่อนไหวของทักษิณ" ทำให้ทักษิณในฐานะตัวการใหญ่
ยังสามารถเคลื่อนไหว ดำเนินการในต่างประเทศได้มากกว่าที่ควร ทั้งนี้
เพราะไม่ดำเนิน

คดีกับทักษิณในเรื่องสำคัญๆ เช่น กรณีฆาตกรรมในสงครามยาเสพติด
(ฆ่าตัดตอน) ที่น่าจะเข้าข่าย "อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ"
ซึ่งนานาอารยประเทศให้ความสำคัญ
ยังไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาดำเนินการอย่างจริงจัง

รวมถึงการตั้งรางวัลนำจับ ก็ยังมิได้ดำเนินการ

6) 1 ปีที่ผ่านมา... ผู้ชุมนุมเสื้อแดง ไม่ได้เข้าไปทำงานมวลชน
หรือเกาะติด ติดตามการเคลื่อนไหว ทั้งๆ
ที่ได้จัดเก็บข้อมูลของผู้เข้าร่วมชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ตั้งแต่เมษายน 2552
ซึ่งมีทั้งการ

ถ่ายวิดีโอบัตรประชาชน ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่สำคัญ ควรนำมาใช้ติดตาม
ทำงานมวลชน เพื่อแก้ปัญหาการถูกปลุกระดมเคลื่อนไหว
หรือแม้แต่ป้องปรามหรือใช้บังคับกฎหมายอย่างเหมาะสมต่อไป
แต่ก็ไม่ได้กระทำ

7) 1 ปีที่ผ่านมา... สื่อมวลชน
ไม่ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง
แม้แต่สื่อที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐ เช่น สทท.11 ก็ทำเหมือนปกติ ช่อง
9 อสมท ก็กลายเป็นโทรทัศน์พาณิชย์ ส่วนช่อง

3, 5, 7 ก็เล่นละคร บันเทิงเริงรมย์ หาเงินตามปกติ

ในขณะเดียวกัน กลับปล่อยให้ทีวีดาวเทียม และวิทยุชุมชน
โดยเฉพาะส่วนที่จัดตั้งโดยการเมือง ทำการปลุกระดมอย่างรุนแรง

8) 1 ปีที่ผ่านมา... โรงเรียนเสื้อแดง
ที่มีแนวทางแทบไม่ต่างจากโรงรียนคอมมิวนิสต์ ถูกจัดตั้ง ดำเนินการ
ถึงขั้นมีกรรมการกลางประจำจังหวัด กรรมการกลางประจำภาค
พยายามสร้างโครงข่าย

เย้ยอำนาจรัฐ แต่ทางการก็ปล่อยให้ดำเนินการมาโดยตลอด

9) 1 ปีที่ผ่านมา...ขบวนการทักษิณได้จัดตั้งกองกำลังติดอาวุธ
ได้มีการจัดตั้งและฝึกอาวุธ เช่น ที่ราชบุรี และจังหวัดต่างๆ
ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย กระทบต่อความมั่นคง แต่ที่ผ่านมา ทางการ

กลับ "คาดไม่ถึง"

10) 1 ปีที่ผ่านมา... มีการขนอาวุธมาทางเรือ ที่สมุทรปราการ
โดยเฉพาะพระประแดง รวมทั้งยังมีโรงงานปั๊มชิ้นส่วนเครื่องยิงเอ็ม 79
และปืนชนิดต่างๆ โดยไม่มีการสืบสวน จับกุม ขยายผล

เพราะตำรวจเป็นใจ

11) 1 ปีที่ผ่านมา... ยังมิได้มีการสื่อสารกับสังคมโลก
ยังไม่มีการตั้งกองงานเพื่อประสาน สื่อสาร และให้ข้อมูล
จัดสรรคนที่มีความน่าเชื่อถือในระหว่างประเทศ
ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศและ

ในประเทศอย่างเป็นระบบ ทันท่วงที

โดยเฉพาะเมื่อมีกระบวนการบิดเบือน สื่อข้อมูลที่เป็นเท็จ
ทางการก็ยิ่งจะต้องโต้ตอบ ชี้แจง
และอธิบายความอย่างน่าเชื่อถือและทันท่วงที

12) 1 ปีที่ผ่านมา... ภาคสังคมในประเทศ ยังไม่ได้มีการประสาน
ทำความเข้าใจ การระดมพลัง การสร้างมีส่วนร่วมที่ดีเพียงพอ เช่น พระภิกษุ
กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ฯลฯ

ทั้งๆ ที่ภาคส่วนเหล่านี้
สามารถเข้าถึงประชาชนได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพกว่าเจ้าหน้าที่รัฐ

13) 1 ปีที่ผ่านมา... สื่อพื้นบ้าน
ยังไม่ได้ถูกนำมาเป็นเครื่องมือในการสื่อสารทางการเมือง
สื่อข้อมูลข่าวสารที่สำคัญอย่างเพียงพอ เช่น ละคร หมอลำ ลิเก ลำตัด มโนรา
ฯลฯ ทั้งๆ ที่สื่อเหล่านี้

สามารถเข้าถึงจิตใจของชาวบ้านได้อย่างปราศจากกำแพงขวางกั้น
และชาวบ้านมีความรู้สึกเป็นมิตร ใกล้ชิดอยู่เป็นทุนเดิม

ข้อมูลข่าวสารในเรื่องที่ยากๆ ซับซ้อน
ก็อาจทำให้เกิดความเข้าใจได้ง่ายขึ้น
เมื่อสื่อผ่านสื่อพื้นบ้านที่คุ้นชินเหล่านี้

ทั้งหมดนี้ เป็นตัวอย่างของบทเรียน

สิ่งที่ควรทำ แต่ยังไม่ได้ทำ

จากเมษายน 2552-เมษายน 2553 ซึ่งถ้ายังไม่ได้ดำเนินการในคราวนี้
ก็อาจจะมีเมษายน 2554 แบบที่เคยเกิดขึ้น ซ้ำแล้วซ้ำอีกต่อไป

โชคยังดี... ที่ผ่านมา
เราได้พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น