คำตอบก็คือ เวลาขณะปัจจุบัน นั่นคือ เวลาที่เรากำลังนั่งหายใจอยู่ในขณะนี้ เพราะชั่วโมงที่แล้วมันก็จบไปแล้ว ชั่วโมงหน้ามันยังมาไม่ถึง ชั่วโมงนี้ชีวิตเป็นของเราทั้งหมด ดังนั้น มันจึงสำคัญที่สุด เพราะเวลาชั่วโมงนี้ นาทีนี้ วินาทีนี้ เราสามารถบริหารจัดการชีวิตของเราได้ พระพุทธศาสนาจึงให้ความสำคัญกับ "ปัจจุบันขณะ" มาก คือ ถ้าเราทำปัจจุบันดี อดีตก็จะดี อนาคตก็จะดี หลักการปฏิบัติธรรมของพุทธศาสนาคือ "ให้ตื่นรู้ อยู่กับปัจจุบัน"
แค่นี้เอง
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ถ้าตื่นอยู่รู้กับปัจจุบัน ผิวพรรณจะผ่องใส ทำไมผ่องใส เพราะอดีตทำร้ายเราไม่ได้ อนาคตทำร้ายเราไม่ได้ แต่คนส่วนมากบางที่นั่งอยู่ที่นี่ แต่ใจไปอยู่ในอดีตบ้าง อยู่ในอนาคตบ้าง
ใครอยู่ในปัจจุบันขณะ ณ เวลานี้ได้ จะประเสริฐที่สุด กวีคนหนึ่งเขาเคยเขียนคุณค่าของเวลาว่า
" วันไหน ๆ ไม่สำคัญเท่าวันนี้ เป็นวันที่สำคัญกว่าวันไหน
ถึงพรุ่งนี้มะรืนนี้ดีอย่างไร ก็ยังไม่สำคัญเท่าวันนี้ "
ถ้าเราบริหารจัดการวันนี้ให้ดีที่สุด มันก็เป็นวันวานที่ดีได้ เป็นรากฐานที่ดีของวันพรุ่งนี้ แต่ถ้าเราทำวันนี้ไม่ดี เมื่อมันไปเป็นวันวาน แล้วเราหันกลับไปมอง "ตายแล้ว..อดีตของฉัน กระดำกระด่างเหลือเกิน" คงไม่ต้องถามถึงอนาคต เพราะถ้าปัจจุบันไม่ดีแล้ว มันจะเป็นรากฐานของอนาคตที่งดงามได้อย่างไร ฉะนั้น เวลาที่สำคัญที่สุด คือ เวลาขณะปัจจุบันนี้ ตอนที่เรากำลังหายใจอยู่ ดูแลให้ดีที่สุด
มีคนถามท่านพุทธทาสว่า"จะใช้ชีวิตอย่างไรให้ดีที่สุด"
ท่านบอกว่า " ใช้ชีวิตให้เหมือนกับวันนี้ให้เป็นวันสุดท้าย"
ถ้าเราคิดว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต เราจะทำทุกอย่างที่มันเป็นคุณภาพ
อาตมาเคยถามลูกศิษย์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรฯว่า "ถ้าเหลือเวลาหนึ่งชั่วโมง เธอจะอยู่ในโลกนี้อีกหนึ่งชั่วโมง ให้หลับตานึกดูสิ ในชีวิตเธอมีคนที่สำคัญในชีวิตกี่คน" ลูกศิษย์หลับตาแล้วขอต่อเวลา เขาบอกว่า " ๕ นาทีนึกไม่ทันครับพระอาจารย์ คนสำคัญมีเยอะจริง ๆ "
ปกติเราจะไม่นึกว่าในชีวิตนี้ใครสำคัญบ้าง และจะทำดีต่อเขาอย่างไร ต่อเมื่อถึงเวลานาทีเป็นนาทีตาย เราจึงจะเริ่มนึกว่า "ใครบ้างสำคัญ ตายแล้ว เหลืออีกหนึ่งชั่วโมงฉันจะตาย ฉันจะทำอะไรกับใครดี ตอนนี้พ่ออยู่ในรถ รถก็ติดอยู่โน้นบางนา ตายแล้วไม่ทันแล้ว แม่ล่ะ ตายแล้วแม่อยู่ไหน "
ถามหาแม่ ถามหาสามี แต่กลับลืมลูก "ลูกอยู่ไหน อ้าว..ลูกยังอยู่ที่โรงเรียน"
หนึ่งชั่วโมงอย่างไรมันก็ไม่พอ ถ้าเราจะมาทำดีกับคนที่เรารักทั้งหมดในเวลาอันจำกัดแบบนี้ คงเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นขอให้เราทำดีกับคนที่เรารักมาตั้งแต่ต้นอย่างสม่ำเสมอ ในชั่วโมงสุดท้ายของชีวิตจะได้ไม่ต้องเร่งรีบเช่นนี้
ที่มา : คัดลอกมาบางส่วนจาก หนังสืองานสัมฤทธิ์ ชีวิตรื่นรมย์ (ชุดธรรมะบรรยาย) ของท่าน ว วชิรเมธี สำนักพิมพ์ปราณ
ขออนุโมทนาขอบคุณ คุณอภิเชษฐ พงสุพันธ์/ บ. อินโดรามา - ผู้เอื้อเฟื้อหนังสือนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น