เมื่อสหรัฐอเมริกาตัดสินใจทิ้งระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมา เมื่อเวลา ๘.๑๕ น. ของวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๔๘๘ เมืองฮิโรชิมา ก็ราบเป็นหน้ากลอง ผู้คนล้มตายทันที ๖ หมื่นคน และอีกห้าเดือนต่อมามีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น ๑๔๐,๐๐๐ คน นอกจากนั้นคนอื่น ๆ ที่ได้รับกัมมันภาพรังสีก็ล้มเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก
ในเวลาต่อมา หนึ่งในจำนวนนั้นมีเด็กหญิงซาดาโกะรวมอยู่ด้วย ขณะที่เกิดระเบิดเธออายุได้ ๒ ขวบ แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย ซาดาโกะเติบโตขึ้นด้วยร่างกายที่สมบูรณ์ และมีความตั้งใจที่จะเป็นนักวิ่งของโรงเรียน เกือบสิบปีหลังจากนั้น ซาดาโกะพยายามฝึกซ้อมทำสถิติการวิ่งให้เร็วขึ้น ซาดาโกะเป็นที่รักของครู และเพื่อนร่วมชั้น
อยู่มาวันหนึ่งเธอก็เวียนศีรษะและเป็นลม มารู้ในเวลาต่อมาว่าเธอป่วยเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาว หรือลูคีเมีย ขณะอายุได้ ๑๑ ปี ความรุนแรงของโรคนี้ทำลายเรี่ยวแรงของเธอจนหมดสิ้น ปากและเหงือกบวมเป่ง เคี้ยวอาหารไม่ได้ มือบวมพอง แต่ซาดาโกะก็พยายามต่อสู้กับความเจ็บปวดอย่างเด็ดเดี่ยว เธอพยายามพับกระดาษเป็นนกกระเรียน ด้วยมืออันบวมพอง และเจ็บปวด เพื่อให้ได้ครบ ๑,๐๐๐ ตัว จะได้หายจากโรคภัยไข้เจ็บตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น
ในท้ายที่สุด ซาดาโกะก็จบชีวิตลงในอีกหนึ่งปีต่อมา เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๔๙๘ ขณะที่พับนกกระเรียนได้เพียง ๖๔๔ ตัวเท่านั้น เพื่อนร่วมชั้นจึงช่วยกันพับนกกระเรียนอีก ๓๕๖ ตัว ทำให้มีนกกระเรียนครบ ๑,๐๐๐ ตัวในหลุมฝังศพของซาดาโกะ
ความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว และความพยายามต่อสู้กับอาการเจ็บป่วยของซาดาโกะ ทำให้เธอกลายเป็นวีรสตรีในบรรดาเด็ก ๆ และชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก มีการสร้างอนุสาวรีย์ เพื่อเป็นเครื่องรำลึกถึงซาดาโกะ และเด็ก ๆ ทุกคนที่เสียชีวิตเนื่องจากระเบิดปรมาณู
อนุสาวรีย์หนูน้อยซาดาโกะซึ่งทำพิธีเปิดในปี ๒๕๐๑ ตั้งอยู่ภายในสวนสันติภาพ หรือ พีซ เมโมเรียล พาร์ค ณ เมืองฮิโรชิมา ซาดาโกะยืนอยู่บนสุดของภูหินอัคนีแห่งวิมาน เธอประคองนกกระเรียนสีทองไว้ในอุ้งมือที่ชูเด่น ทุกวันที่ ๖ สิงหาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวัน ซึ่งเป็นวันสันติภาพ เด็ก ๆ จะช่วยกันพับนกกระเรียนไปวางไว้ที่อนุสาวรีย์ เพื่อแสดงความรำลึกถึงซาดาโกะ
ที่มา : angelfire.com/ สาระแห่งสุขภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น