'รงค์ วงษ์สวรรค์
เอกอัครราชทูตอเมริกันกินสะตอผัดกะปิรสสมุย
* ไอ้ถายังบ่ปิ๊บ้าน ผมเอนหลังกับขอนหิงไฟและทบทวนบันทึกการทำงานแอลกอฮอลิเดย์ในเวลาที่ผ่านมา ๒๐.๒๐ น. กรกฎาคม ๒๕๓๐ บนหน้าปัดนาฬิกาตัวเลขลบเลือน อเมริกันรุ่น ๕๐ กะรัต ผู้นั้นเดินทางมากับเรือประมงขนาดสิบสามวาถึงอ่าวท้องทราบ, เกาะสมุย เวลาหลังดวงอาทิตย์จมหายลงในทะเลและความมืดสีดำของเวลากลางคืน
เวลาคลาดเคลื่อนหลายชั่วโมงกับการนัดหมาย
ความเร็วของเรือขนาดนั้นและเพียบพร้อมอุปกรณ์สื่อสารระบบเรดาร์ การวิ่ง (และแม้แต่การเดินอย่างขี้เกียจของเครื่องยนตร์) ออกจากท่าทองหรือบ้านดอนบนฝั่งของสุราษฎร์ธานีไม่น่าล่าช้าขนาดนั้น การถามไถ่ผ่านกระแสคลื่นวิทยุจึงค่อนข้างวุ่นวายแทบทุกนาฑี
ความวิตกและกังวลปรากฏบนใบหน้ากร้านลมของหลายคนผู้เกี่ยวข้อง
แต่เขาก็มาถึงแล้วในท่ามกลางเสียงถอนใจ
เขาก้าวยาวบนเรือนร่างโปร่งค่อนข้างสูง มือหิ้วเกือกและถุงไนล็อนกวัดแกว่ง และอย่างไม่หวาดหวั่นการทิ่มแทงของเปลือกหอย เดินท่องน้ำเค็มขึ้นบนหาดทรายเข้าสู่การต้อนรับแบบลำลองโดยเสนาธิการโรงแรมของ อากร ฮุนตระกูล พรั่งพร้อมบรรดาเสนีนุ่งกางเกงและโสร่งสีสันดอกชบา
Tong Sai Bay Hotel & Cottages (ฉากนวนิยาย หักลิ้นช้าง บางบทของ วสิษฐ เดชกุญชร)
ผู้ชายในแสงตะเกียงโคนต้นมะพร้าวถามตัวเองเพื่อบรรจุเหตุการณ์ในเวลาว่างและบนหน้ากระดาษว่าง
"คลับคล้ายคลับคลาว่าใครวะ?"
อเมริกันผู้นั้นทักทายใครหลายคนแบบประเพณีแต่ไม่ใช่พิธี
แนะนำและขานรับคนนั้นคนนี้ ตอบคำถามและพูดคุยแบบ small talk ครึกครื้นรื่นเริง
นาน ๒๐ นาฑี (สถิติเวลากินเหล้าระหว่างแก้วของแมงบาร์อเมริกันที่ปาล์มบีช, ฟลอริดา)
ตรีสุคนธ์ (จุ๋ม) ยุกตะนันทน์ ตกแต่งคำพูดครบถ้วน ไวยากรณ์มารยาทว่า
"เชิญค่ะ ดินเนอร์พร้อมแล้วบนเฉลียงด้านตะวันออก..."
เขาหารืออย่างเปิดเผยกับผู้หญิงทรวดทรงบวบนั่งถัดกันบนเก้าอี้แบบเปล
บวบ หมายความว่าบวบ
หล่อนตอบว่าคงไม่จำเป็นกับเวลาอีกหลายนาฑีในค็อทเทจเพื่อชำระเหงื่อและปรุงความสดชื่น แต่ควรกินกันก่อนกิจกรรมอื่นที่ยังมีเวลา ผ่อนผันมากมายหลังบานประตู และลูกสาวสวยเรียบร้อยน่ารักของเขาสองคนพยักหน้า
"ดิฉันเกรงใจหลายคนที่รอเรานานกว่าคาดหมายค่ะ"
เมียของเขาเน้นเฉพาะคำว่า เกรงใจ ในภาษาไทยชัดเจน
เขายักไหล่และลุกยืนไม่ลังเลพลางพูดว่า
"ในข้อแม้ว่าถ้าทุกคนที่นี่ไม่รังเกียจทูตตีนเปล่า..."
ผู้ชายโคนต้นมะพร้าวรับรู้ในนาฑีนั้นว่าเขาคือเอกอัครราชทูต วิลเลี่ยม เอ.บราวน์
ครับ-และเขย่ามือกัน-มือเปล่า
เมนูเน้นถึงความเลอรสเลอเกียรติของไวน์มากกว่าปลากระพงอบซ้อศดอกเคเพอร์ วัวย่าง (เซอร์ลอยน์ สเต็ค) ตับบด และไก่
ลมและแดด คลื่นและเมล็ดทรายของอ่าวท้องทราย ถูกพูดถึงมากกว่าปัญหาการเมืองระหว่างประเทศและแอสไพริน
ใครบางคนผิวฝาดคล้ำผู้รู้จักกันในนามกำนันปริญญาโทแห่งลุ่มน้ำตาปี และรัฐมนตรี ๓๘ กะรัต สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้รับบทเจ้าบ้าน ถกเถียงกับตัวเองถึงการเดินทางรสผจญภัยอย่างน่าตื่นเต้นด้วยภาษาปากอันฉับไว ภาษามือบ้างแต่ไม่มีภาษาอวัยวะอื่น
ผู้หญิงบางคนถาม
"แต่ทำไมช้ากว่าที่ควรเรียกว่าช้า? ใจหายกันทั้งนั้นค่ะ"
"ท่านทูตชอบชมคลื่นและชมปลา ! " รัฐมนตรีหนุ่มตอบ
"ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานที่และเวลาเป็นการรักษาความปลอดภัยบางแบบให้กับ วี.ไอ.พี."
บางคนในดินเนอร์คิดเป็นคำพูดด้วยความรู้สึกของหน่วยอารักขา
แน่นอน ! บรรณาธิการที่กรุงเทพฯ พลาดข่าวพาดหัวบนหน้าแรกของหนังสือพิมพ์กับการถึงปลายทางอย่างราบรื่นของเรือประมงลำนั้น แต่ยักไหล่และยินดีกับการพักผ่อนอย่างสงบสุขของผู้โดยสารทุกคนในขบวน
เวลาผ่านถึงขนมและผลไม้
เมียท่านทูตผู้ถูกเรียกจากคนคุ้นเคยว่า มาดาม หรือ แหม่ม มองผ่านแตงโมและสัปปะรดอย่างไม่สนใจพิเศษ หล่อนพูดบนรอยยิ้ม และรอยยิ้มนั้นคมราวหนามแหลมเคลือบลิพสติค
"ที่นี่คงมีหมอนทองนะคะ? ดิฉันอยากกินทุเรียนค่ะ"
* (บนเมนู วี.ไอ.พี.) การมองผ่านแก้วเหล้ารัมผสมน้ำมะนาวในแสงแดดวับวาวและพราวพราย โรงแรมบ้านท้องทรายบนลาดไหล่ภูเขาและป้าต้นนางกองบนโขดเขิน วางเหยียดลงแนบอ่าวและผืนทะเล บางคนพูดว่าเขาได้ความรุ้สึกของการมองอาคารปูนฉาบสีขาวเชิงผาแซนโตรินี, กรีศ (โรงแรมฟรังโค'ส) ในความเวิ้งว้างของอากาศและฝูงว่าวสีดำผวาบินสะเทิ้นลม และการกินเหล้าอบกลิ่นเทียนข้าวเปลือกผสมยี่หร่า
บางคนกับการพักผ่อนอย่างเกียจคร้านนึกถึงพลิ้วคลื่นเหนือช่องแคบบอสพอรัสแห่งทะเลดำ, อีสตันบูล บนเฉลียงของวิลลา บนโต๊ะไม้เปลือยผิวและเสี้ยนวางจานปลาแซล์ม็อน ส้มแตง และไวน์
เพื่อนนักเขียนนวนิยายบางคนรำพึงถึงผู้หญิงนุ่งบิกินีผืนเรียวกว่าเส้นเชือกแบบที่เรียกว่า tanga และปลดปล่อยพวงถันพ้นจากการผูกรัดไว้กับอื่นไรนอกจากอากาศ หล่อนเป็นสัดส่วนงดงามของหมู่บ้านชาวประมงบนแหลมบูซีอุช, บราซิล ธุรกิจท่องเที่ยวกำลังเติบโตควบคู่กับการจับปลา และจับเงือกขอดเกล็ดหางในห้องนอน
เกาะสมุยในอ่าวไทย แน่นอน-ความรู้สึกของใครและใครแตกต่างกันตามเจตนาและปรัชญาชีวิต
แหม่มของเอกอัครราชทูตอเมริกันผู้นั้นพูดว่า
"ดิฉันคงขาดทะเลไม่ได้ค่ะ ทะเลสวยอย่างนี้สวยกว่าที่ไหนหลายแห่งในโลก !"
"ขอบใจมาดาม"
"คุณรักทะเลไหมคะ?"
"โอห์! รักขนาดว่าบางคืนหึง ! แต่การห่างเหินเพราะผมบังเอิญมีบ้านที่สองบนภูเขา บนสวนทูนอิน"
"คุณหมายถึงอะไร - ทูนอิน?"
" tune-in !"
"น่าอิจฉา ! บางเวลาฉันรักภูเขาเหมือนกันค่ะ"
หล่อนโดยกิริยาและนิสัยเป็นเมียนักการทูตอย่างสมบูรณ์
(อ่านต่อตอนจบ)
ที่มา ต่วยตูน เดือนมีนาคม ๒๕๓๑ ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น