Theขี้ฝุ่นริมทาง
วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2551
Clip มาดูและฟังกันชัดๆ กรณีหาว่าการ์ดกระทืบคนที่มัฆวาน -ช่อง 7 เผยภาพพันธมิตรทำร้ายร่างกายชายเคราะห์ร้าย การ์ดอ้างพกอาวุธจึงต้องควบคุมตัว
แนะนำให้ฟังคำพูดของวินมอร์เตอร์ไซค์ตอนวินาทีที่ 42 - 46 ซึ่งถ้าคนทั่วไปได้ยินก็จะเข้าใจว่าเหตุการณืที่เห็นมันเกิดอะไรขึ้น
แ ต่ นักข่าวทั้ง คน ของช่อง 7 จงใจไม่เอ่ยถึง แต่ก้มหน้าก้มตา กล่าวหาการ์ดเราว่ากำลังกระทืบคนทั้งๆที่ ดูจากคลิปก้ไม่เห็นว่าฝ่าเท้าการ์ดคนไหนเหยียบไปบนร่างชายคนนั้นเลย
ใครที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริง..คงไม่ทราบว่า เวลานั้น ต่อให้ซุปเปอร์กุ้ย นปก หรือ ซุปเปอร์การ์ด พธม หรือ คนธรรมดาอย่างผมที่ไม่ได้เป็นการ์ด แต่ สวมหัวใจเหลือง ถ้าไม่สู้..ก็ตายสถานเดียว และที่ใครโดนกระทืบซ้ำ..รับรอง 100 % ก่อนหน้านั้น..ไม่ว่าจะเป็นคนฝั่งไหน ก็มีวีรกรรม หรือ วีรเวรอยู่บ้างแน่..ไม่เชื่อ ถามผมสิ..ผมก็โดนเหมือนกัน
แล้วทำไมไอ้นักข่าว 2 8o นั้นมันไม่พูดถึงคำพูดที่ชายที่ใส่เสื้อสีส้มซึ่งคาดว่าเป็นวินมอร์เตอร์ไซค ์เขาเล่าเหตุการณ์ต่อหน้ากล้องว่า "มันมีปืนยาวใส่ไว้ไนกระเป๋ากีตาร์" แล้วพี่วินมอร์เตอร์ไซค์เขาก็ถอดเสื้อวินออกแล้วเดินเข้าไปดูเหตุการณ์ มากล่าวถึงบ้างว่า ชายคนดังกล่าว "จงใจพกปืนยาวเข้าไปในที่ชุมนุม" ซึ่งเป็นเหตุผลที่เพียงพอที่จะมีการจับกุมชายคนดังกล่าว
อะไรบังตานักข่าวทั้ง 2 คนให้มองไม่เห็นภาพให้เป็นอย่างนั้น อะไรปิดหูทั้ง 2 คน ให้ไม่ได้ยินที่วินมอร์เตอร์ไซค์คนนั้นพูดอธิบายเหตุการณ์ แล้วอะไรบังใจทั้งบรรณาธการข่าวของช่อง 7 และ นักข่าวทั้ง 2 คน ให้คิดว่าจะต้องนำเสนอข่าวนี้ไป "แบบนั้น"
แล้วจะบอกให้จากคนเคยไปเป็นการ์ดอาสามาร่วมเดือน ที่ชุมนุม พธม. ทุกวันการ์ดอาสาค้นตัวเจอทั้ง ปืน ปืนปากกา ดาบ มีด คัตเตอร์ มีดสวิสแบบพับ กรรไกร ไขควง (ยาว 4 นิ้ว เป็นอย่างน้อย อันที่เล็กว่านี้ผมปล่อยให้เข้าได้) ทุกวัน (จนตอนนี้มีเกือบเต็มกล่องแฟ๊บ 1 กล่อง ไปขอดูได้ที่สะพานชมัยฯ) แต่ไอ้แบบพกปืนยาวมาแบบนี้ผมก็เพิ่งเคยเจอ "ไอ้บ้า" กล้าพกเข้ามาเป็นคนแรก แล้วถ้าเป็นผมอยู่ตรงนั้นผมก็ล็อคคอ "ไอ้บ้า" แบบนี้ไม่ให้มันดิ้นหลุดเหมือนกัน
สรุป ช่องเจ็ดสีทำหน้าที่สื่อ อย่างที่สื่อควรจะเป็นหรือไม่?
แล้วที่สำคัญไอ้ความเห็นทุกความเห็นที่ร่วมกันด่า พธม. ก็หูหนวกตาบอดได้สมกับเป็นไข่แม้วจริงๆ เลือกดูสิ่งที่อยากจะดู เลือกได้ยินสิ่งที่อยากได้ยิน
อย่างนี้นี่เองเล่า มันถึงเห็นว่า "ทักษิณนั้นแสนดี" และ "พธม. มันโคตรชั่ว"
อยากจะบอกว่าให้ไปตัดแว่นใหม่เพื่อจะได้เห็นคลิปนี้ชัดๆ และก็อยากจะบอกให้ไปทำหูเทียมใหม่เพื่อช่วยให้ได้ยินคำพูดที่วินมอร์เตอร์ไซ ค์คนนั้นพูดให้ดีๆ แต่คิดได้ว่าก็ในเมื่อ "ใจ" มันมืดบอดเสียแล้วแก้ไขอะไรไปก็คงจะเชื่อและคิดแบบเดิม จึงป่วยการจะแก้ไข
+++
ส่งต่อ Forward Mail เลยค่ะ เราไม่มีสื่อสารมวลชวนที่ดีพอ ที่จะช่วยเรากระจายข่าว เพราะฉะนั้น ช่องทางหนึ่งที่เราเองทำได้ คือ แพร่ข่าวสารทาง Email ให้ทุกๆ คนทราบ จะได้ไม่เข้าใจผิด พธม ค่ะ
รบกวนด้วยนะคะ
++
ความจริงก็คือความจริง มั่นคงไว้นะครับ พันธมิตร พี่น้องทั้งหลาย
หาก การ์ดเรา เขากระทืบคนไปมั่ว คงมีสักวัน ที่ผมอาจถูกกระทืบ
แ ต่ผมไป มาเป็น สิบๆ รอบ ยิ่งกว่าเข้าหาเมียอีก ยังไม่เคยแม้แต่โดนลวนลามเลย การ์ดขอตรวจกระเป๋าเราก็เปิด ขอจับเอวเราก็ให้จับ ไม่เห็นว่า พอตรวจกระเป๋าเสร็จ กระโดดชกผมเลย ก็ไม่มี คนไปเป็นเรือนหมื่น เรือนแสน ไม่แปลกก็แปลก มีบักหำนี้คนเดียวที่โดน มันต้องไปทำอะไรให้เขาแน่ ไม่งั้นจู่ๆ เขาจะกระทืบเอาเหรอครับ
นี้ไงเหตุผล คนเราดูแค่นี้ก็คงพอเดาออกนะครับ
หรือเดาไม่ออก ก็ ใช้ ก้อนเนื้อในกะโหลก ลองเดาเอาสักนิดก็ได้นะครับ ชะมะพี่น้อง
++++
คือมีกระบวนการก่อกวน ทำลายความชอบธรรมของฝ่ายพันธมิตรจริงๆ ผมได้ไปนั่งเป็นแบ็คกันตำรวจ ซึ่งอยู่หลังการ์ด ก็ได้พบสิ่งผิดปรกติ แต่รู้ได้หลังจากมาคิดพิจารณาได้ทีหลัง คืนวันที่ 26 สิงหาคม ตอนตี 3 การ์ดจะบอกเราว่าอย่าพกไม้ อย่าถือร่ม ซึ่งจะทำให้ตำรวจเข้าใจได้ว่าเรามีอาวุธ พวกเขาจึงเก็บร่มของพวกเราไป(หายไปเพราะไม่ได้เอาคืนไป 2 คัน), แต่ขณะที่จะปะทะ พลักดันกับตำรวจ ได้มีคนที่อยู่ข้างๆ เรา 2 คนวิ่งมาพร้อมกับถุงพลาสติก ที่มีขวดกระทิงแดงเต็มไปหมด แล้วจะขว้างใส่ตำรวจแบบอแบซ้อนๆ แต่อีกคนก็บอกซุบซิบว่าให้เอาไปเก็บไว้ก่อนข้างประตูทำเนียบแบบมีพิรุจ แต่หลังจากนั้นคนพวกนั้นมานั่งอยู่ด้วยกันข้างๆ เราคุยกันในหมู่คนที่นั่งอยู่แบบไม่พอใจ พวกฝ่ายที่ทุจริต คตโกง ตามปรกติ คือเรื่องที่ว่าขวัญชัย ไพรพนา ได้พบในเว็บ ไทยเลิฟ มีลักษณะ นัดพบ ผู้หญิงไทยจับคู่กับฝรั่ง มังค่า คนพวกนี้ไม่ได้ขายชาติอย่างเดียว มันขายแม้แต่ผู้หญิงไทยให้ต่างชาติ เป็นต้น. คนที่นั่งอยู่ไกล้และผิดปรกตินั้นไม่ขานรับ ทำเลิกๆ ลักๆ แล้วก็ลุกหนีไป ไม่เห็นอีกเลยแบบผิดปรกติ ได้มองย้อนหลังว่า พวกเขาต้องการเอาขวดแอบขว้างตำรวจ แต่ทำในนามของการ์ด และพันธมิตร ซึ่งมันขัดต่อหลักการ อหิงสา และหลักการของฝ่ายพันธมิตร จึงขอให้ทำความเข้าใจและระมัดระวัง กันเอง โดยหลักการที่จะไม่ใช้ความรุนแรงไดๆ และเข้าใจพวกการ์ดอาสา
++++
การ์ดอาสาอีกครั้งคือที่เต้นขอ งเกาะสมุย ผมและเพื่อนได้รับข้าวจากเต้นสมุย ซึ่งขอขอบคุณไว้ ณ.ที่นี้ด้วย...กำลังกินข้าวอยู่ พบว่าการ์ดอาสาได้จับตัว คนอายุราว 30 ปีมาคนมาหนึ่ง ...แล้วถามชายแก่คนหนึ่งซึ่งพิการ ขาขาดข้างหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่หน้าเต้นสนามของตนเอง การ์ดถาม ว่าใช่คนที่ลักเงินไปใช่หรือไม่ ชายแก่พิการ บอกว่าใช่ แล้วร้องต่อว่า “มึงมาอาศัยกูนอน 2 วัน ทำไมมึงทำกับกูอย่างนี้ ได้ยังไง” ชายที่เป็นขโมยทำท่ายึกยัก การ์ดอาสาจึงตบไป 2-3ที ผมต้องร้องตะโกนไปบอกว่า “พอแล้วๆ” เขาก็หยุด. และพาตัวไปลงบันทึกหลังเวที... จากเหตุการนั้น ถ้าเรามองการ์ดให้เข้าใจ เราจะพบว่า เขาต้องทำหน้าที่รักษาความสงบ ความเรียบร้อยให้กับคนที่หลากหลาย มีคนที่จะสร้างปัญหาหลายฝ่าย ตำรวจ, น.ป.ก., เปรตผีจากมิจฉาชีพในสังคมเมือง สิ่งที่การ์ดทำ ก็ทำเพื่อความสงบ และปลอดภัยให้กับพวกเรา พวกพันธมิตรทุกคน ......ขอเรียกร้องว่าอย่าให้เราคือผู้ชุมนุมต้องทำให้เขารู้ศึกหนักใจอะไร และเป็นปัญหาไปด้วยเลย และอย่าตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายที่ต้องการทำลายความชอบธรรมของพันธมิตร ผ่านการโจมตีไปที่การ์ดอาสาเลย และถ้าเราติดตามดูขบวนการสร้างปัญหานั้น มีอยู่จริง โดยขอตั้งข้อสังเกตไปที่สถานีโทรทัศน์ ช่อง11 ไม่รู้มีการแฝงตัวทำหรือไม่? และที่สนามบินภูเก็ต ก็มีคนพยายามใช้ความรุนแรง เพื่อสร้างความไม่ชอบธรรมให้กับพันธมิตร.....และในปัจจุบันฝ่ายทักษิณก็ยังก ่อความวุ้นวาย และแตกแยกแบบเป็นระบบ ตั้งแต่ สมชาย วงสวัสดิ์ เขากำลังใช้ยุทธศาสตร์ อ่อนเพื่อสร้างความชอบธรรม และกำลังทำลายพันธมิตร ด้วยการสื่อว่าเป็นผู้ร้ายในที่สุด ซึ่งฝ่ายพันธมิตร ต้องเฝ้าระวัง แม้แต่มาทำตีกันเองเพื่อสร้าข่าวสารเพื่อเป็นปัญหาให้กับพันธมิตร
19 กันยายน 51 15:24
++++ สรุปเนื้อข่าวจากประชาไทย
วานนี้ (17 ก.ย.) เวลา 17.35 น. สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สีนำเสนอข่าวในช่วง ‘ภาพเด็ด 7 สี’ น ำเสนอข่าวโดยนรากร ติยายนว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาทีมข่าวช่อง 7 ตระเวนไปที่สะพานมัฆวานรังสรรค์พบกลุ่มพันธมิตรฯ รุมกระทืบชายคนหนึ่ง ซึ่งในภาพเห็นกำลังแหกปากร้องและชูมือขึ้นเพื่อขอความช่วยเหลือ
ช ่อง 7 สีรายงานว่าเมื่อกลุ่มพันธมิตรเห็นว่าช่อง 7 สีกำลังจับภาพการรุมทำร้ายผู้เคราะห์ร้ายในระยะไกล แทนที่จะยุติการกระทำต่อเหยื่อ แต่กลับพากันยกผ้าใบสีน้ำเงินขึ้นมาปิดกั้นการถ่ายภาพของกล้อง ซึ่งในช่วงที่มีการรายงานข่าวยังไม่มีรายละเอียดว่าชายที่ถูกรุมทำร้ายเป็นใ คร และเป็นตายร้ายดีอย่างไร
ข ณะที่หนังสือพิมพ์ข่าวสด รายงานเพิ่มเติมว่า ชายที่ถูกรุมทำร้ายดังกล่าวชื่อนายณัฐพงษ์ ธเนศไพศาล อายุ 24 ปี โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อการ์ดพันธมิตรบริเวณเวทีสะพานมัฆวานฯ ได้พบผู้ต้องสงสัย 1 ราย คือนายณัฐพงษ์ถือถุงหนังใบใหญ่สีดำเดินมากับเพื่อนอีก 1 คน
ซ ึ่งการ์ดพันธมิตรสงสัยว่าอาจเป็นอาวุธจึงเข้าล้อมจับกุม แต่ชายคนดังกล่าวไม่ยอมให้ตรวจค้นจึงเกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น บรรดาการ์ดหลายสิบคนจึงกรูเข้าจับชายคนดังกล่าวนอนคว่ำหน้ากับพื้นถนน และพยายามกันไม่ให้ช่างภาพสื่อมวลชนบันทึกภาพ โดยใช้ผ้าใบมาขึงล้อมไว้ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจค้นเบื้องต้นพบว่าในกระ เป๋าหนังเป็นปืนยาวอัดลม 1 กระบอก จากนั้นการ์ดพันธมิตรได้หิ้วตัวชายคนดังกล่าวไปสอบสวนที่ สน. พันธมิตร
น ายอัมรินทร์ ยี่เฮง อายุ 29 ปี นักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวลัยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ การ์ดพันธมิตร ซึ่งเคยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 26 ส.ค. หลังบุกเอ็นบีที ก่อนได้รับการประกันตัว กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ที่บริเวณประตูทางเข้าพื้นที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ฝั่งสะพานมัฆวานรังสรรค์ การ์ดได้ตรวจค้นนายณัฐพงษ์ ธเนศไพศาล อายุ 24 ปี สวม เสื้อเชิ้ตยี่ห้อคาเมล สีเขียว สวมกางเกงยีนส์ พร้อมเพื่อนอีก 1 คน จากการตรวจค้นกระเป๋าของนายณัฐ พงษ์ได้พบปืนยาวอัดลม 1 กระบอก เครื่องกระสุนพลาสติกจำนวนหนึ่ง ซองปืน เข็มขัดสนาม และหมวกไหมพรม ใส่กระเป๋า จากนั้นการ์ดพันธมิตรได้พยายามจะยึดปืนอัดลมไว้
น ายอัมรินทร์กล่าวว่า ขณะที่การ์ดพันธมิตรกำลังขอยึดปืนอัดลม นายณัฐพงษ์ได้ขัดขืนและชกเข้าไปที่บริเวณใบหน้าของการ์ดพันธมิตรรายหนึ่ง ทำให้การ์ดที่ประจำอยู่บริเวณดังกล่าววิ่งกรูเข้ามาช่วยเหลือและทั้ง 2 ฝ่ายต่างฉุดกระชากกันไปมาและทำร้ายร่างกายกันเล็กน้อย ก่อนจะควบคุมตัวนายณัฐพงษ์มาสงบสติอารมณ์ที่เต็นท์ของนักรบศรีวิชัยบริเวณสะ พานมัฆวานฯ ส่วนเพื่อนของนายณัฐพงษ์ได้อาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีเข้าไปในพื้นที่การชุมนุ มได้ ซึ่งการ์ดกำลังติดตามจับกุมตัวมาสอบถามต่อไป
น ายอัมรินทร์กล่าวว่า จากการสอบถามนายณัฐพงษ์ในเบื้องต้นสังเกตได้ว่า มีลิ้นไก่สั้น พูดไม่รู้เรื่อง โดยนายณัฐพงษ์อ้างว่าจะนำอาวุธปืนผ่านม็อบไปยังสวนสัตว์เขาดิน ทางการ์ดพันธมิตรจึงโทรศัพท์ติดต่อไปยังนางนันทนีย์ ธเนศไพศาล มารดาของนายณัฐพงษ์ ให้มารับตัวบุตรชายกลับบ้าน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น