ในสมัยพุทธกาลมีผู้คนมากมายพยายามแสวงหาหนทางสู่พระนิพพาน การพ้นไปจากการเวียนว่ายตายเกิดนั้นเป็นที่ปรารถนาของผู้คนในยุคนั้น นั่นจึงเป็นที่มาที่เราจึงได้เห็นฤาษี ชี ไพร ปริพาชก พยายามประพฤติปฏิบัติกัน ทำกันทุกอย่างไม่ว่าจะทุกรกิริยาซึ่งแสนจะยากลำบาก แต่ก็อดทนทำกัน นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาเหล่านั้นปรารถนาจะพ้นทุกข์จริงๆ พูดไปแล้ว สาวกวันนั้นอาจจะง่ายกว่าวันนี้ก็ตรงมีคนแสวงหาทางออกกันอยู่แล้ว
วันนี้สถานการณ์ต่างออกไป ผู้คนหลงไหลไปกับกามสุข ความหรูหรา สะดวกสบาย เรื่องจะให้มานั่งลำบากนะหรือ? ลืมไปได้เลย
ใน ธัมมจักรกัปวัตตนสูตร พระองค์จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทางสุดโต่ง ๒ สาย ที่บรรพชิตไม่ควรเสพ คือ กามสุขัลลิกานุโยโค การประกอบตนพัวพันอยู่ด้วยกาม เป็นของชาวบ้าน เป็นของชนชั้นปุถุชน และ อัตตกิลมถานุโยโค การทรมานตนให้ลำบาก เป็นสิ่งนำมาซึ่งทุกข์ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่ใช่ข้อปฏิบัติของพระอริยเจ้า
พระองค์พูดกันเอาไว้หมดแล้วทั้งหลงใหลในกามและทรมานตนให้ลำบาก จากนั้นท่านได้ชี้บอกว่าทางสายกลางมีอยู่นั่นเป็นทางสู่พระนิพพาน สู่ความสงบเย็น แล้วก็ประกาศเลยว่าทางสายกลางนั้นเป็นสิ่งที่พระองค์ตรัสรู้ ประกอบด้วยองค์ ๘ประการ คือ อริยมรรคมีองค์๘
ทางออกจากทุกข์ท่านได้แสดงไว้แล้ว ได้เดินนำไปก่อนแล้ว สังสารวัฏนี้คือคุกขังสัตว์ที่แข็งแรง ไม่มีทางที่สัตว์โลกจะออกได้ด้วยปัญญาปุถุชนอันทุพลภาพ มีแต่ความหลงใหลในสิ่งลวงใจ แต่บัดนี้ประตูคุกถูกเปิดแล้วด้วยปัญญาการตรัสรู้ของพระองค์
ในขณะเดียวกันประตูห้องขังของนักโทษแต่ละห้อง แต่ละห้องนั้น ดูเหมือนจะถูกปิดไว้แต่ในความเป็นจริง ประตูแต่ละห้องนั้นกลับไม่ได้ใส่กุญแจ เมื่อสาวกได้ฟังคำพระศาสดา และประพฤติปฏิบัติตาม จึงได้พบความอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ ได้เห็นความจริงว่าประตูใหญ่ของสังสารวัฏได้ถูกเปิดออกแล้วจริงๆ สาวกทุกคนจึงรีบวิ่งกันเข้าไปประกาศให้คนในคุกทั้งหลายรีบตื่นขึ้นแล้วก็กระชากประตูลูกกรงแต่ละห้องอย่างสุดแรงและได้ประหลาดใจพร้อมได้ดีใจเป็นครั้งที่สองคือ ประตูห้องขังแต่ละห้องไม่ได้ล็อค จึงรีบบอกถึงสิ่งอัศจรรย์ที่ได้พบจากปัญญาการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเสียงสั่นระรัว แต่ความสุขความดีใจค่อยสลายๆไปเพราะ..แทบจะไม่มีนีกโทษคนไหนสนใจจะเดินตามออกมาเลย พวกเขาพลีกายเทใจให้กับห้องขังที่พัศดีประดับประดาเอาไว้ให้หลงใหล นี่จึงกลายเป็นคุกที่แยบยล แนบเนียนยิ่งกว่าสมัยใดใด จนพัศดีไม่ต้องใช้ผู้คุม ไม่ต้องล็อคกุญแจห้องขัง แถมนั่งยิ้มอยู่บริเวณประตูใหญ่ และปล่อยให้สาวกเดินไปชักชวนได้ถึงในห้องขังอย่างยิ้มเยาะ หัวเราะด้วยความสมเพศและสะใจ ทั้งต่อสาวกที่ต้องเหนื่อยเปล่าและนักโทษผู้โง่เขลา หลงใหลแค่ของลวงๆ ของชั่วคราว เป็นจริงเป็นจังกับสิ่งไร้สาระ
พัศดีเคยทูลขอพระพุทธเจ้าให้ละขันธ์ ปรินิพพานไปแล้วครั้งหนึ่ง ความจริงประตูคุกควรจะถูกปิดไปแล้วตั้งแต่วันนั้น แต่ด้วยพระปรีชาสามารถและความทุ่มเทของพระพุทธเจ้า ที่ได้ทรงประกาศปาฏิโมกข์ไว้และตั้งธรรมวินัยให้ภิกษุต้องสวดและฟังในทุกกึ่งเดือน จึงทำให้พระพุทธศาสนายังคงอยู่มาถึงวันนี้ ประตูคุกที่เปิดอ้าส้า 180 องศามาเป็นเวลานานถึง 2,600 ปี หลังการตรัสรู้ แต่คนคุกกลับไม่รู้เลยว่าประตูใหญ่ของคุกนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่เรือนจำได้เดินไปดึงประตูเพื่อปิดกลับไปเหมือนเดิม ประตูใหญ่ของคุกนี้กำลังปิดลงอย่างช้าๆ คนคุกหาได้รู้เรื่องไม่ เพราะคาราโอเกะที่กำลังตะโกนแหกปากร้องกันอยู่นั้น มันกลบเสียงทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่รอบๆโดยหมดสิ้น
เพราะมัวแต่หลงใหลสิ่งที่พัศดีสร้างไว้ล่อในห้องขัง คนคุกกลับไม่เห็นความจริงว่า ที่กำลังหัวเราะมีความสุขอยู่กับทีวีจอแบน ipad, iphone, Hi-speed internet กระเป๋า เสื้อผ้า สิ่งยวนใจนั้น ทั้งๆที่เพื่อนร่วมคุก ห้องขังข้างๆถูกลากออกไปประหารทุกวัน สาวกพยายามบอกว่า "เธอก็โดนพิพากษาประหารด้วยเช่นกัน ทำไมไม่หาทางหนีออกไปในขณะที่เวลายังคงเหลือ ซึ่งไม่รู้ด้วยว่าเหลืออยู่เท่าไหร่ ก่อนที่เขาจะมาลากออกไปประหาร"
คำตอบที่ได้กลับทำให้สาวกที่ยืนรอที่จะช่วยชี้บอกทางนั้น ต้องก้มหน้าถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ทั้งๆที่ยืนรออยู่ด้วยใจระทึก ทั้งๆที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรด้วยเลยเพราะความจริงก็คือ "กูไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย แต่ผู้คนกลับมาพูดกันเองว่า นั่นมันหน้าที่ของมึงที่ต้องมาบอกกู ส่วนกูจะทำหรือไม่ทำตามนั่นมันสิทธิของกู"
สาวกเองก็ยืนลุ้นมองดูนาฬิกาสลับกับหันกลับไปมองประตูใหญ่ กลัวมันจะปิดเสียก่อน กลัวเจ้าหน้าที่คุกจะเดินมาลาก คนๆนั้นไปประหารเสียก่อน
แต่คำตอบที่ได้กลับกลายเป็น "เดี๋ยวนะ ขอดูละครให้จบก่อน ตอนนี้เป็นตอนจบซะด้วย ไปบอกห้องอื่นก่อนก็ได้ "
มาจนถึงวันนี้ สาวกทั้งหลายได้พบความจริงจากบทเรียนที่ได้พบเจอมา จึงไม่ทุกข์กับใครๆอีกต่อไป ทำได้แค่ดีที่สุดอย่างเต็มความสามารถในชีวิตที่ยังเหลืออยู่ เพราะยอมรับความจริงแท้แน่นอนแล้วว่า..สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น