11 เหตุผลที่ไม่ควรเป็นมนุษย์เงินเดือน
บันทึกเรื่องเล่าของคนที่ไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือน
บทความก่อนหน้านี้ผมได้เขียนเกี่ยวกับ จุดเริ่มต้นของคนที่ไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือน ซึ่งมาในบทความนี้ผมได้รวบรวมสิ่งที่ผมได้เจอมาในช่วงที่เคยเป็นมนุษย์เงินเดือน (มาสักพักหนึ่ง) ซึ่งเหตุผลเหล่านี้มีผลต่อการตัดสินใจลาออกจากบริษัทนั่นเอง
เหตุผลที่ทำให้ผมตัดสินใจลาออกจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน
• เงินไม่พอใช้ – การเกษียณ แล้วเงินไม่พอใช้ เอาง่ายๆ อย่างน้อยๆ ผมก็หวั่นกับ คุณพ่อและคุณแม่ ของผม ที่รับราชการครู อยู่นี่แหละ
• ใช้เวลาทำงานเยอะเกินไป – ทำงานทั้งชีวิต (อายุ 22-60) ใช้เวลา ถึง 38 ปี แล้วค่อยกินเงินเก็บ มันออกจะใช้เวลานานไปหน่อย แล้วถ้าเงินเก็บไม่พอ ก็ต้องย้อนกลับไปดูหัวข้อก่อนหน้านี้แล้วล่ะ
• นายจ้างได้ผลประโยชน์เต็มๆ – คนที่ได้จากประโยชน์จากมนุษย์เงินเดือนคือบริษัทเต็มๆ และเมื่อไหร่ก็ตามที่หมดความสำคัญแล้ว ทั้งผลงาน ทั้งบทบาท ก็ยุติลงที่นั่นแทบจะทันที
• ทำงานไร้ประสิทธิภาพ – ทำงานเวลา 08.00 – 17.00 น. ไม่ใช่เรื่องที่ดี อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีช่วงเวลาหนึ่งล่ะ ที่มนุษย์เงินเดือน ต้องแอบเล่นเกมส์, ดูหนัง, ฟังเพลง หรือแม้แต่คุยเรื่อยเปื่อยกับเพื่อนร่วมงาน นั่นหมายถึง การทำงานให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ไม่จำเป็นต้องทำในช่วงเวลาของทุกๆวัน วันละ 8 ชั่วโมง เป็นแบบนี้ทุกๆเดือน
• หนี้สิน – มนุษย์เงินเดือนมักจะหลวมตัว ผ่อนรถ, ผ่อนบ้าน, ผ่อนบัตรเครดิต สารพัดการผ่อน และการใช้ฟุ่มเฟือย ไม่ว่าจะเป็น การเที่ยวกับเพื่อนร่วมงาน, การซื้อโทรศัพท์ใหม่ หรือ ชุดใหม่ หรือ เครื่องประดับใหม่ เพื่อไม่ให้น้อยหน้าเพื่อนร่วมงาน และแน่นอน มันทำให้ลาออกไม่ได้ ไม่งั้นจะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้เขา
• กับดักของการเลื่อนขั้น – มนุษย์เงินเดือน มักจะทำทุกวิธีทางเพื่อให้ได้เลื่อนขั้น ได้เป็นหัวหน้า แต่ประสบการณ์ที่น่ากลัวที่สุดที่ผมได้ยินมาก็คือ ตำแหน่งสูงๆของมนุษย์เงินเดือนนั้น ถ้าลูกไล่ออกแล้ว จะหางานได้ยากมาก เพราะค่าตัวสูงเกินที่บริษัทใหม่จะจ้างได้ และแน่นอน มีคนที่ผมรู้จักหลายๆคน หวั่นเรื่องการ Layoff หรือการปลดพนักงานอยู่ร่ำไป และผมได้มีประสบการณ์จากเพื่อนร่วมงาน ที่โดนปลดกลางอากาศ (หมายถึง การที่เจ้านายยื่นซองขาวหรือใบลาออก โดยเดินเอามาให้ที่โต๊ะทำงานกันเลยทีเดียว) น่ากลัวสุดๆ
• ไม่มีเวลา – มนุษย์เงินเดือน มักจะทำทุกอย่างเพื่อเงิน เพื่อเอาเงินไปใช้จ่าย และแน่นอนครับ สิ่งที่ต้องแลกกับเงินคือ เวลาที่หายไปในการทำงาน แถมหลายๆคนก็หมดไปกับการทำ OT (Over Time) อีกด้วยซ้ำไป สิ่งที่ทำให้ผมปวดร้าวมากในข้อนี้ก็คือ เป็นประสบการณ์ตรงที่ทำให้ผมเกือบเสียแฟนไป 2-3 ครั้ง โดยมีปัญหาเรื่องการมีเวลาให้แก่กัน เป็นปัญหาที่รุนแรงมาก เพราะผมบ้างานมาก (อันที่จริงไม่อยากบ้างานขนาดนั้น แต่เจ้านายสั่งมา
ไม่เสร็จห้ามกลับ โว๊ะ! บ้าไปแล้วเจ้านาย)
• สุขภาพร่างกายทรุดโทรม – มนุษย์เงินเดือนกว่าจะได้เงินนั้น ต้องเอาตัวเข้าแลก เพราะถ้าไม่ลงมือทำงานเอง ก็ไม่มีใครอยากจ่ายค่าจ้างหรอก แต่อันที่จริงแล้ว ยุคสมัยที่มีเทคโนโลยีและเครื่องอำนวยความสะดวกขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องลงมือทำเองทั้งหมดหรอก ขนาด Nike ยังจ้างคนจีนทำรองเท้าได้ แล้วทำไมเราจะจ้างบ้างไม่ได้ล่ะ เพราะงานทุกอย่างไม่จำเป็นต้องลุยเองเสมอไป
• เพื่อเงินผมทนได้ – มนุษย์เงินเดือน มักจะตั้งหน้าตั้งตา รอเงินโบนัสออกเป็นก้อน ซึ่งสิ่งที่ต้องแลกมาก็คือ การทำงานอย่างบ้าคลั่ง เพื่อให้ได้โบนัสก้อนโต (เพราะถ้าผลงานดี โบนัสก็จะเยอะตามไปด้วย) ไม่พ้นแม้กระทั่งผมเอง ซึ่งผลงานออกมาดีกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน เลยได้โบนัสเยอะกว่า แต่จริงๆแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก เพราะมันเหนื่อยมาก เผลอๆ เอาเงินที่ได้มานั้น ไปเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวจากอาการโหมงานหนักไปซะอย่างงั้น
• ทำงานทั้งๆที่ไม่ชอบ – ร้อยทั้งร้อย ต้องมีบ้างล่ะที่มนุษย์เงินเดือน ทำงานในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ชอบ เพราะมันเลือกไม่ได้นี่นา บริษัทไหนรับก็เอาหมดนั่นแหละดีกว่าตกงาน นี่ก็เป็นกับดักของมนุษย์เงินเดือน ที่มักจะติดกับทำงานที่ตัวเองไม่ได้ชอบ
• เลือกเพื่อนร่วมงานไม่ได้ – มนุษย์เงินเดือน เลือกเพื่อนร่วมงานไม่ได้ อันนี้ยกเว้นว่า รอให้เพื่อนย้ายแพนกหรือรอให้เพื่อนมันลาออก เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะต้องทำเป็นประจำก็คือ ใส่หน้ากากเข้าหากัน และห้ามทะเลาะกัน เพราะไม่งั้น ทำงานด้วยกันลำบากแน่ และส่วนใหญ่ต้องเจอหน้ากันไปอีกนาน จะมีปัญหามองหน้ากันไม่ติดอีกด้วย
แล้วเหตุผลที่เพื่อนๆไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือน มีอะไรกันบ้าง เล่าสู่กันฟังได้นะครับ
ที่มา http://www.asuradech.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น