++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กินผักมากๆก็ตายไวเพราะมียาฆ่าแมลงในผัก เอาไงดีหว่า


กินผักมากๆก็ตายไวเพราะมียาฆ่าแมลงในผัก เอาไงดีหว่า
 


มีเรื่องน่าสนใจอย่างหนึ่งที่ไกด์ท้องถิ่นเค้าเล่าให้เราฟังตอนไปเที่ยวภูเก็ต
      อย่างที่รู้กันใช่ไหมว่าภูเก็ตเป็นต้นตำเนิดประเพณีกินเจ
      มันมีที่มาที่ไปของประเพณีนี้นะ
   
      สมัยก่อน มีโรคระบาดขึ้นที่เกาะนี้
ซึ่งทางเมืองหลวงก็ได้ส่งหมอ
      ส่งคนมาดู มารักษาแล้ว แต่ปรากฏว่าก็ยังหาสาเหตุไม่ได้
 รักษาไม่ได้
      ทำให้ชาวบ้านล้มตายเป็นจำนวนมาก
แต่ยกเว้นเฉพาะกลุ่มคนกลุ่มนึง
      ซึ่งเป็นชาวจีนที่มาตั้งรกรากอาศัยอยู่ที่นี่
      พอสอบถามกันก็ได้ความว่าชาวจีนกลุ่มนี้กินเจ
   
ไปๆมาๆชาวจีนกลุ่มนี้ก็เลยชักชวนให้ชาวบ้านมากินเจด้วยกันซะเลย
      ผลปรากฏคือโรคระบาดนั้นก็ค่อยๆหายไปจากเกาะภูเก็ต
      ตั้งแต่นั้นมา ที่นั้นก็เลยมีประเพณี
      กินเจมาจนถึงทุกวันนี้
   
      ดังนั้นเราจึงอยากชักชวนเพื่อนๆหันมากินผักกันเถอะ
      ตอนนี้ทางการแพทย์ก็เริ่มมีรนณรงค์ให้คนกินเจกันแล้ว
      เพราะเนื้อสัตว์เป็นพาหะนำโรค หากเลี่ยงได้จะเป็นการดี
      เพราะเลี่ยงได้สารพัด มะเร็งเป็นต้น โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้
   
      เพราะอะไรคนไม่ค่อยกินผักถึงเป็นมะเร็งลำไส้น่ะหรือ
      ก็เพราะเนื้อน่ะเน่าง่ายมาก
มันจะเริ่มเน่าตั้งแต่เราฆ่ามันแล้ว
      คนก็พยายามหยุดการเน่าของมันด้วยการแช่เย็น
      แต่พอเข้าปากลงท้องเราปุ๊ปมันก็จะเริ่มเน่าต่ออย่างรวดเร็ว
      ถ้าเป็นหมา แมว เสือ พวกสัตว์ที่เกิดมาเพื่อกินเนื้อ
ลำไส้มันสั้น
      แค่ 2 เท่าของลำตัว มันกินปุ๊ปมันก็ถ่ายออกปั๊ป
      ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย
   
      แต่คนเราไมใช่ ลำไส้เรายาว 12 เท่าของลำตัวหรือประมาณ
      12-16
เมตร
      อาหารที่กินไปน่ะกว่าจะถ่ายออก นานนะ
อย่าเข้าใจผิดว่ากินวันนี้
      ถ่ายพรุ่งนี้
      ไอ้ที่ถ่ายออกมาน่ะ มันของที่กินไปเมื่อ 4-5
      วันก่อนต่างหาก
   
ยกเว้นกรณีท้องเสีย...เนื้อที่เน่านั่นจะอยู่ในลำไส้เรานานมาก
      ทำให้แบตทีเรียในลำไส้สร้างสารที่เป็นพิษออกมา
      สารนี้มีมากๆเข้าจะทำให้เกิดการผ่าเหล่าของเซล
   กลายเป็นมะเร็งในที่สุด
   
      จะเจก็ดี มังสะวิรัสก็ดี ล้วนดีต่อร่างกายทั้งนั้น
      มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อกินเนื้อ
      เราไม่มีฟันแหลมคม ไม่ได้มีเล็บไว้ตะปปใคร
ไม่ได้รู้สึกน้ำลายไหล
      เมื่อเดินเข้าตลาดแล้วได้กลิ่นเลือด
      กลิ่นเนื้อจากเขียงหมู
      ตรงกันข้ามจะอ้วกด้วยซ้ำ
      ดังนั้นการกินอะไรที่ผิดวิสัยของร่างกายมีแต่จะให้โทษ
      เช่น พวก เอสกิโมไง กินแต่เนื้อ อายุเฉลี่ยแค่ 20-30ปี
เท่านั้น
      สรีระเราจริงๆเป็นพวกกินผัก เรามีฟันตัด
      มีรูขุมขนไว้ระบายความร้อนทั่วร่างกาย
      เหมือนพวกสัตว์กินพืช วัว ควาย(พวกเสือ หมา
      แมวมันระบายโดยการหายใจถี่ๆหรือแลบลิ้น)
      การเคี้ยวข้าวเราเคี้ยวแบบเคี้ยวเอื้อง
      และเรารู้สึกน้ำลายไหลเมื่อนึกถึงหรือได้กลิ่นของ
      เปรี้ยว
   
 
ผักผลไม้......มีใครนึกถึงเลือดสดๆหรือได้กลิ่นเลือดแล้วน้ำลายไหลบ้าง
      ?
   
      เวลากินเนื้อแล้วรู้สึกว่ามันหวาน
รู้ไหมความหวานนี้มาจากไหน
   
   ความหวานนี้คืออะดรีนาลีนเป็นสารก่อมะเร็งที่อยู่ในเนื้อสัตว์ซึ่งมันจะหลั่งตอนถูกฆ่า
     สัตว์เวลาถูกจะฆ่ามันจะตกใจกลัว
      ร่างกายจะหลั่งสารนี้ออกมา
      วิธีการฆ่าสัตว์บ้านเรายังป่าเถื่อนอยู่
      ใครบ้านใกล้โรงฆ่าสัตว์คงพอรู้
      ถ้าเป็นวัวควาย
      เค้าจะมัดมันไว้กับเสาแล้วเอาค้อนที่เค้าทุบตึกกันน่ะ
      ทุบหัวมัน
      เวลาทุบเค้าจะไม่ทุบให้มันตายทันที แต่จะทุบให้มันกลัว
      เอาให้มันตกใจสุดขีด คือทรมานมันน่ะแหล่ะ
      เพื่อให้เลือดสูบฉีดมากๆ แล้วเอาเหล็กแหลม
      แทงเข้าที่หัวใจ
      จากนั้นเอาถังมารองเลือด
   
      ถ้าเป็นหมูเค้าจะเอาไม้หน้าสามตอกตะปูทุบหัวมัน พอมันล้ม
   ขัดขืนไม่ไหว
      ตกใจสุดขีด
      เค้าจะเอามีดหันหมูน่ะ ไม่รู้เรียกมีดอะไร
เห็นตามเขียงหมูในตลาด
      ปักเข้าที่คอแล้วกรีดลงไปถึงอก แทงเข้าไปที่หัวใจ
แล้วเอาถังมารอง
      ถึงตอนนี้แหล่ะหมูมันจะร้องสุดขีด ร้องไห้ สะอื้น
      จนเฮือกสุดท้ายของมัน....
      มีใครอ่านที่เราเล่ามาแล้วน้ำลายไหลบ้าง ?
   
      หยุดกินเนื้อเถอะนะ กินเจได้อะไรมากกว่าคุณที่คิด
      กินเนื้อแค่อร่อยลิ้น
      กลืนลงไปก็ลืมแล้ว
      วันนี้เรากินเค้า ฆ่าเค้า มีรึที่เค้าจะไม่ผูกพยาบาทอาฆาต
      เอาชีวิตคนอื่นต่อชีวิตตัวเอง
      วิบากกรรมของเขา เราต้องแบกรับกับเขาเช่นกัน
   
      คุณไม่ได้แค่ช่วยให้สัตว์โลกรอดพ้น
แต่คุณยังช่วยตัวคุณเองอีกด้วย
      เกิดมาจริงแท้ใช่ตัวเปล่า ผลบุญผลกรรมยังตามติด
      ตายไปสมบัติใคร่จะเอาไป อย่าได้คิด
คุณงามความชั่วเท่านั้นที่ติดไป
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น