++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ใครว่า! การเล่นไม่สำคัญ / ผศ.นพ.ชาตรี วิฑูรชาติ กุมารแพทย์และจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น

ใครว่า! การเล่นไม่สำคัญ / ผศ.นพ.ชาตรี วิฑูรชาติ
กุมารแพทย์และจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น

คุณแม่หลายคนคงกังวลที่ลูกน้อยเอาแต่เล่น ไม่สนใจการอ่านเขียน
แต่จริงๆ แล้ว
การเล่นเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาของเด็กทุกๆ ด้าน
ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้จากสิ่งต่างๆ รอบตัว พัฒนาความแข็งแรง
ความคล่องแคล่วว่องไว ส่งเสริมจินตนาการ
อีกทั้งยังช่วยพัฒนาทักษะการเข้าสังคม การปรับตัว
และการสื่อสารกับผู้อื่นด้วย

สอนอย่างไรให้รู้จักเล่น
ธรรมชาติของเด็กเล็ก ขวบปีแรก จะเล่นคนเดียวกับตนเองจนกว่าอายุ
2-3 ปี จึงจะเริ่มสนใจการเล่นกับผู้อื่นมากขึ้น
เด็กโตเรียนรู้การทำกิจกรรมและเข้าสังคมร่วมกับผู้อื่นโดยผ่านการเล่น
เด็กจะเรียนรู้การให้ การเป็นผู้นำ และผู้ตาม
เรียนรู้ความเป็นมิตรและการแก้ไขปัญหาด้วยตนเองจากการที่เล่นกับคนอื่น

เด็กที่เป็นลูกคนเดียว อาจพอใจที่จะเล่นกับผู้ใหญ่
และไม่ยอมสัมพันธ์กับเด็กอื่น เนื่องจากพอใจกับการที่ผู้ใหญ่มักจะยอมตาม
ให้คำชม ความเข้าใจและการยอมรับ จึงทำให้เด็กไม่สนใจเล่นกับเด็กอื่น
ผู้ใหญ่จึงควรพยายามส่งเสริมเด็กให้เรียนรู้วิธีการเล่นกับผู้อื่น
เพื่อที่เขาจะได้รู้จักใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่นๆ
โดยเริ่มต้นจากญาติพี่น้องหรือคนคุ้นเคย
หาของเล่นที่เหมาะสมและสามารถทำให้เด็กสนุกสนานโดยเป็นของเล่นหรือการละเล่น
ที่ต้องเล่นตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป
จากจุดนี้จะเป็นแรงเสริมกระตุ้นให้เด็กอยากเล่นต่อจนขยายไปสู่การเล่นเป็น
กลุ่มมากขึ้น

เลือกของเล่นอย่างไร
การเลือกของเล่นให้เด็กเป็นสิ่งสำคัญ ควรคำนึงถึงระดับอายุ
และความชอบของเด็ก

เช่น ช่วงอายุ 3-6 ปี
เป็นช่วงที่พัฒนาความแข็งแรงและคล่องแคล่วของกล้ามเนื้อมัดใหญ่
มัดเล็กและพัฒนาจินตนาการความคิดสร้างสรรค์
การเล่นที่เหมาะสมควรเป็นการเล่นในสนาม วิ่ง กระโดด ขี่จักรยาน
หรือการเล่นที่ใช้จินตนาการ เช่น เล่นสมมติกับตุ๊กตา เล่นบทบาทสมมติ
(ครู-นักเรียน, หมอ-คนไข้) เล่นขายของ หรือฟังนิทาน
จะช่วยพัฒนาด้านอารมณ์ สังคม และสติปัญญา

ของเล่นที่ดี ประกอบด้วยลักษณะต่อไปนี้
1.มีความปลอดภัย ทำจากวัสดุไม่เป็นพิษ ไม่แหลมคม ไม่เป็นวัสดุไวไฟ
ไม่มีไฟช็อต ไม่เล็กเกินไปจนกลืนเข้าคอ หรือหยิบใส่จมูก

2.ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้และใช้ความคิดตามวัย ช่วยเร้าความสนใจ
เช่น มีสีสันสะดุดตา กระตุ้นการรับรู้ สามารถดึง ถอด ต่อเป็นรูปต่างๆ
ตามความพอใจ ส่งเสริมให้เด็กใช้ความคิดจินตนาการ พัฒนากล้ามเนื้อ
ประสาทตาและมือ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญสู่การเรียน อ่าน เขียน ต่อไป

3.ประหยัด ของเล่นที่ส่งเสริมพัฒนาการส่วนมากมีราคาไม่แพง เช่น
ตุ๊กตาครอบครัว ลูกบอล ดินน้ำมัน กระดาษ ดินสอสี เป็นต้น
หรือใช้เศษวัสดุรีไซเคิล ทำเองได้ไม่ยาก

4.ประสิทธิภาพ ของเล่นที่ดีจะต้องเหมาะสมกับวัยของเด็ก
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดใน การพัฒนาเด็ก ได้แก่

* อายุ 0-12 เดือน ของเล่นที่ให้เด็กไขว่คว้า เช่น โมบาย กระดิ่ง
ของเล่นที่กระตุ้นการมอง ของเล่นสำหรับการถือ บีบ เขย่าของเล่นที่ใช้ดูด
กัด อม (ต้องแน่ใจด้วยว่าใช้สีที่ไม่เป็น อันตรายและไม่เล็กจนติดคอได้)

* อายุ 1-2 ปี ของเล่นที่ใช้ตอก หรือที่ใช้กด
ห่วงกลมที่มีราวให้สามารถเลื่อนไปมาได้ สมุดภาพสัตว์ สิ่งของเครื่องใช้
เพื่อให้เด็กรู้จักสามารถเรียกชื่อได้ ตุ๊กตา ของเล่นนุ่มๆ รถลาก บอล
แท่งไม้ใหญ่ๆ สำหรับต่อ เป็นต้น

* อายุ 2-3 ปี กล่องที่มีช่องหลายช่องสำหรับใส่รูปทรงต่างๆ
ก้อนไม้สีต่างๆ สำหรับจับคู่สีของเล่นที่ใช้สร้างบ้าน ดินสอเทียน
ดินสอสีไว้ระบายสมุดภาพ กระบะทราย, ฟุตบอล

* อายุ 3-4 ปี ภาพจิกซอว์ง่ายๆ 6 ชิ้นขึ้นไป แท่งรูปทรงต่างๆ
ที่ยากขึ้นสำหรับให้เด็กหยิบใส่ให้ตรงช่อง รูปภาพสัตว์ของง่ายๆ
ให้เด็กจับคู่ แป้งโด LECO ตุ๊กตา กรรไกร (พลาสติก) จักรยาน 3 ล้อ

พึงระลึกไว้ว่า เด็กส่วนใหญ่จะไม่สนใจของเล่นที่ยากเกินวัย ฉะนั้น
การเลือกของเล่น จึงควรเริ่มต้นจากของเล่นที่ง่ายๆ
ค่อยเปลี่ยนเป็นยากขึ้น จะไม่ทำให้เด็กรู้สึกขาดความมั่นใจ
พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะซื้อของเล่นที่ยากเกินไปไม่ตรงกับพัฒนาการของเด็ก
เช่น ซื้อรถบังคับรีโมตให้เด็ก 3 ขวบ เด็กก็จะบังคับไม่เป็น
และของเสียหายเร็ว
หรือจิกซอว์ที่จำนวนชิ้นมากเกินไปสำหรับอายุทำให้เด็กรู้สึกล้มเหลวเมื่อทำ
ไม่ได้

การเล่นพัฒนาเด็กได้จริงหรือ
ในขณะที่เด็กเล่น จะเกิดการประสานงานระหว่างระบบความคิดจินตนาการ
ระบบกล้ามเนื้อ และระบบประสาทสัมผัส เช่น
การเอาแท่งไม้มาต่อให้เป็นรูปตึก
เด็กจะต้องคิดว่าเขาจะเลือกแท่งไม้ชนิดใด จะสร้างรูปแบบอย่างไร
ทำอย่างไรจึงจะควบคุมให้มือเคลื่อนไหวได้เบาที่สุด
เขาควรจะวางแท่งไม้อย่างไร จึงจะสมดุลเพื่อให้ได้หอคอยสูงที่สุด
แต่ละขั้นตอนล้วนมีประโยชน์ต่อการพัฒนาทักษะในด้านต่างๆ
และเป็นพื้นฐานเพื่อพัฒนาไปสู่ขั้นที่สูงขึ้นในอนาคต

ที่ สำคัญ
ผู้ใหญ่ต้องเปิดโอกาสให้เด็กได้สร้างสรรค์การเล่นด้วยตนเอง
ไม่ออกคำสั่งควบคุมเกินไป เปิดโอกาสให้เด็กได้ลองผิดลองถูก
อย่าเอะอะดุว่า เพราะความผิดพลาดนั้นเป็นประสบการณ์ที่มีค่ายิ่ง
เป็นบทเรียนให้เด็กรู้จักป้องกัน ระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
และเมื่อเล่นเสร็จต้องให้เด็กรู้จักเก็บข้าวของให้เป็นระเบียบ
ว่าแต่ต้องไม่ลืมให้เด็กเล่นเป็นเวลาด้วยครับ

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000074579

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น