++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

ควรศึกษาอภิธรรมไหม ?



ปุจฉา - กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ ดิฉันอยากขอเรียนปรึกษาและขอความคิดเห็นจากพระอาจารย์ค่ะ ดิฉันรู้จักกัลยาณมิตรทางธรรมอยู่ 2 ท่าน ที่ผ่านมาทั้ง 2 ท่าน มักจะมีความคิดความเห็นในทางธรรม ที่สอดคล้องกัน สนับสนุนซึ่งกันและกันหรือไปในแนวทางเดียวกันเสมอ แต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่เพิ่งจะผ่านมาไม่นานที่มีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน

ท่านแรกนั้นได้เอ่ยปากชวนดิฉันไปเรียนอภิธรรม โดยให้เหตุผลว่าจะเป็นประโยชน์เกื้อกูลต่อการปฏิบัติธรรม ส่วนท่านที่ 2 นั้นไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง โดยให้เหตุผลว่าอภิธรรมนั้นเรียนไปก็ไม่เกิดประโยชน์ มีแต่การท่องจำ เรารู้ธรรมะหรืออ่านตำราพอให้เกิดศรัทธาก็พอแล้ว เอาเวลามาปฏิบัติจะดีกว่า ยิ่งเรียนจะยิ่งเสียเวลา ทำให้การปฏิบัติช้าไปอีก ต่างคนต่างก็ยกตัวอย่างให้น่าคิด

ท่านแรกบอกว่า พระสงฆ์ท่านก็เรียนอภิธรรมกันทั้งนั้น ถ้าไม่มีประโยชน์ ท่านจะเรียนจะสอนกันทำไม ท่านที่สองบอกว่า หลวงพ่อเทียนไง หนังสือท่านรู้ไม่มากแต่ท่านปฏิบัติจนหลุดพ้นแล้ว ท่านพุทธทาสก็มีทัศนะต่อเรื่องอภิธรรมนี้โดยนัยว่าเป็นส่วนเกิน

ส่วนตัวดิฉันเอง ไม่ได้มีความรู้ในเรื่องนี้มากนัก ดิฉันจึงได้ค้นคว้าเพิ่มเติมหลังจากฟังมา โดยเฉพาะบทความเกี่ยวกับทัศนะของท่านพุทธทาส เรื่อง อภิธรรมคืออะไร ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าบทความที่อ่านนั้นครบถ้วนหรือไม่ เพราะท่านเทศน์ไว้ก่อนดิฉันจะเกิดเสียอีก

ใจหนึ่งดิฉันก็คิดว่าถ้าหลักเราดี จะกลัวอะไร ถ้าลองศึกษาดูแล้วไม่เกิดประโยชน์ก็ค่อยเลิกก็ได้ อีกใจหนึ่งก็คิดว่าอยากให้น้ำหนักกับการเจริญสติ มากกว่าการศึกษาหรือเรียนจากตำรา เกรงว่ายิ่งเรียนมากจะยิ่งรกรุงรังหรือเปล่า ดิฉันจึงอยากขอคำแนะนำจากพระอาจารย์ในเรื่องดังกล่าวค่ะ

1. การศึกษาอภิธรรมเกื้อกูลต่อการปฏิบัติเพื่อถึงซึ่งความพ้นทุกข์จริงหรือไม่ และพระสงฆ์ศึกษาไปเพื่ออะไรคะ
2. การศึกษาอภิธรรมนั้นมีประโยชน์ต่อตนเอง และผู้อื่นหรือไม่ และอย่างไรคะ
3. พระอาจารย์จะสนับสนุนให้ลูกศิษย์เรียนอภิธรรมไหมคะ และเพราะอะไรคะ อยากฟังทัศนะของพระอาจารย์ค่ะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - ในความเห็นของอาตมา การศึกษาอภิธรรมมีประโยชน์ในการทำความเข้าใจเรื่องจิต แต่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับการปฏิบัติ แค่การศึกษาพระสูตรก็มากเพียงพอแล้วสำหรับเป็นแนวทางการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ แต่หากต้องการรู้ให้ลึกในเชิงวิชาการหรือปริยัติ ก็ควรศึกษาอภิธรรมด้วย

มีเกร็ดบางตอนเกี่ยวกับหลวงพ่อชา สุภัทโท ที่ตอบประเด็นนี้ได้เป็นอย่างดี ครั้งหนึ่งมีนักศึกษาอภิธรรมมาถามหลวงพ่อชา สุภัทโทว่า “เจตสิกในพระอภิธรรมมีตั้งหลายสิบดวง โมหะ โลภะ โทสะ ต่างตัวต่างก็มีเจตสิกย่อยไปอีก การปฏิบัติของท่านใช้เจตสิกตัวไหนบ้าง”

หลวงพ่อชาตอบว่า “การปฏิบัติใช้ดวงเดียว คือ ดวงใจ ตามให้รู้ ดูให้ทัน ว่ามันเกิดโลภขึ้นมาแล้วนะ โทสะมันเกิดมาแล้วนะ ของเหล่านี้เวลามันเกิด นับดวงไม่ทันหรอก ส่วนเรื่องของการแจกแจงนั้นไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติ นั่นเป็นเพียงแสดงสติปัญญาของท่านผู้รู้ เสมือนดังเรากินข้าว เวลาหิวเรากินมันเพื่ออิ่ม ไม่นับเม็ดข้าวหรอก แต่ผู้นับเม็ดข้าวคือนักวิทยาศาสตร์เพื่อเรียนรู้บางอย่าง”

หากลูกศิษย์อยากเรียนอภิธรรมเพื่อเพิ่มพูนความลึกซึ้งในทางปริยัติ อาตมาก็สนับสนุน แต่ถ้าต้องการศึกษาอภิธรรมเพื่อการปฏิบัติให้พ้นทุกข์ อาตมาก็ไม่เห็นด้วย แม้เห็นด้วยว่าความรู้ทางอภิธรรมเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติ แต่ไม่ใช่สิ่งจำเป็น หากเอาเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดมาใช้ในการปฏิบัติ ย่อมได้ผลหรือเกิดปฏิเวธได้เร็วกว่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น