++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

Anti-Aging ศาสตร์ชะลอวัย....สามอย่าง



นายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ (International Anti-Aging Medicine Institute) ภายหลังจากจบแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เดินทางไปศึกษาต่อด้านเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ที่อเมริกา จนเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ บอกว่า ถ้าอยากมีชีวิตที่ดีต้องปฏิบัติด้วยตัวเอง ให้อยู่กับสิ่งที่เป็นธรรมชาติ

“มีเรื่องอะไรบ้างที่จะศึกษาได้ตั้งแต่ หัวจรดเท้า กายจรดใจ และใจจรดจิตวิญญาณ ที่ผมเห็นก็เวชศาสตร์อายุรวัฒน์ (Anti-Aging Medicine) เป็นศาสตร์ที่สามารถศึกษาเรื่องพวกนี้ พอได้ไปศึกษาตำรา Anti-Aging ซึ่งเป็นเรื่องของการป้องกันโรค การส่งเสริมสุขภาพก่อนป่วย แต่ต้องเอามาปรับให้เข้ากับคนไทยถึงจะสมบูรณ์”

คุณหมอเล่าให้ฟังและบอกว่า ขณะที่การแพทย์แผนปัจจุบันเน้นการรักษาด้วยยา แต่ Anti-Aging ต้องปฏิบัติด้วยตัวเอง อย่างนอนดึกจะทำให้เราแก่เร็ว ก็ต้องออกกำลังกายกระตุ้นฮอร์โมนหนุ่มสาว

หลักการง่ายๆ ของ Anti-Aging มีอยู่สามอย่าง คือ

1. Healthy Weight

ถ้าไม่อยากแก่ต้องรักษาน้ำหนัก ไม่ให้อ้วนเกินไป จากปกติรับประทานอาหาร 100% ให้ตัดออก 40% เหลือ 60% อาจงดอาหารสักมื้อหนึ่ง อย่ารับประทานแป้งและน้ำตาลเยอะ อาหารทั้งสองอย่างเป็นสาเหตุทำให้แก่เร็ว แป้งไม่ได้มีอยู่ในข้าวอย่างเดียว ยังมีในอาหารชนิดอย่างอื่นด้วย อาทิเช่น ฟักทอง

"ข้าวเป็นอาหารของคนไทยมานาน จะให้เลิกกินไปเลยคงไม่ได้ เราคว รเลือกกินข้าวซ้อมมือ ข้าวมันปู ข้าวโอ๊ต เพราะจะมีกากใยอาหาร ทำให้น้ำตาลไม่เข้าสู่เลือดเร็วเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้แก่เร็ว ถ้าน้ำตาลเข้าไปจับกับโปรตีนเร็ว จะทำให้โปรตีนในตัวเราเสีย ซึ่งจะทำให้ปลายประสาทต่างๆ เสื่อมเร็วกว่าคนปกติ อย่างคนที่เป็นเบาหวาน ถ้าน้ำตาลไปจับที่ตา ตาก็จะเสื่อมเร็วกว่าปกติ

"พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า กินพอประมาณ ยามวิกาลโภชนา ท่านก็มิได้ให้ตัดเลยทีเดียว สามารถดื่มน้ำปานะได้ ซึ่งตะวันตกเพิ่งมาเรียนรู้ในเรื่องการจำกัดแคลอรี (Calorie Restriction) เราต้องกินสารอาหารให้เพียงพอแก่ร่างกาย" คุณหมอกล่าว

2. Healthy diet and Life style

โดยจะเริ่มที่ Healthy diet คือ อาหารสุขภาพ ไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารเสริมราคาแพง อาหารจากธรรมชาติ พวกผักต่างๆ โดยเฉพาะคะน้า ซึ่งถือได้ว่าเป็นราชาแห่งผักเลยก็ว่าได้ แต่ที่สำคัญคือต้องรับประทานให้เหมาะสม ถ้าน้อยเกินไปก็ไ ม่เห็นผล บางคนชราภาพแล้วก็อาจจะไม่สะดวกในการกินผัก อาจกินอาหารเสริม

คุณหมอ ย้ำเรื่อง ธรรมนูญอาหารเสริม 4 ประการ มีดังนี้

1.ให้เลือกกินอาหารธรรมชาติมากที่สุด ข้างฉลากกล่องจะเขียนว่า Natural และ BIOIDENTICAL (ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด)

2. ให้เลือกอาหารเสริมที่มีปริมาณมากพอ อย่างวิตามินซี ถ้าจะรับประทานควรประมาณ 500-1,000 มิลลิกรัม

3. อาหารเสริมที่ทานต้องจับคู่ให้ถูกต้อง ถ้าจะทานวิตามินเอ อย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องมีวิตามินซีและวิตามินอีด้วย ถ้าจะกินแคลเซียมก็ต้องเลือกกินแมกนีเซียมด้วย เพราะแมกนีเซียมจะช่วยดึงแคลเซียมเข้าไปในกระดูก

และ

4. ราคาของอาหารเสริมไม่ควรถูกเกินไป ถ้าถูกเกินไปอาจเป็นวิตามินสังเคราะห์ ซึ่งอันตราย และไม่ควรเลือกแพงเกินไป และที่สำคัญก็คือ อย่าพึ่งพาอาหารเสริมอย่างเดียว ต้องมีอาหารธรรมชาติด้วย

ส่วนเรื่องไลฟ์สไตล์ อย่างการออกกำลังกายแบบ Interval Training ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรให้สิ้นเปลือง แค่การวิ่งสัก 2 นาทีสลับกับเดินอีก 2 นาที ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องประมาณ 20 นาที เพื่อออกกำลังหัวใจและปอดโดยตรง และนี่เป็นการต้านความชรา

3. Healthy Mind
ออกกำลังใจ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ

1. ออกกำลังสมอง มีวิธีการง่ายๆ ให้ลองหัดทำอะไรที่ไม่เคยทำ อย่างเคยเขียนหนังสือมือขวา ก็ลองเขียนมือซ้าย หัดแปรงฟันมือซ้าย หวีผมมือซ้าย หรือเล่นกีฬาที่เราไม่เคยเล่น ลองคบเพื่อนใหม่ เพื่อทำให้สมองอีกด้านที่ไม่ได้ใช้ได้ออกกำลัง

2. ออกกำลังใจ เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่มีการวิจัยเพื่อทำให้อายุทางชีวภาพเด็กลง นั่นก็คือ ทำสมาธิ

คุณหมอแนะว่า บางคนอาจไม่เคยนั่งสมาธิมาก่อน จะทำได้ยาก หากทำสมาธิมาถึงจุดหนึ่งจะมีสารความสุขหลั่งออกมา ดร.ริชาร์ด เดวิดสัน (Dr.Richard Davidson) ที่สหรัฐอเมริกาเคยทำวิจัยพระในทิเบตที่นั่งสมาธิเปรียบเทียบกับคนธรรมดา แล้วเอามาสแกนสมอง ปรากฏว่าคนที่ทำสมาธิจะมีสมองที่ไวและหนุ่มกว่าอายุจริง เพราะหัวใจทำงานน้อยลง ไม่เหนื่อยง่าย

"ท่านใดไม่เคยฝึก ก็ลองทำสมาธิแบบง่ายๆ คือ การทำจิตให้อยู่กับปัจจุบัน ถ้ายังทำไม่ได้ ก็อาจหาหนังสือดีๆ มานั่งอ่านเป็นการฝึกจิตให้รู้จักการจดจ่อ หรือจะฟังเพลงก็ได้ อะไรที่ทำให้เราต้องจดจ่ออยู่กับจิต ไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิอย่างเดียว

"ถ้าได้ออกกำลังใจ สติปัญญาก็จะเกิด จะรู้จักคำว่า แก่ก่อนแก่ เจ็บก่อนเจ็บ ตายก่อนตาย แล้วเราจะไม่กลัวความตาย คนที่กลัวแก่กลัวเจ็บและกลัวตาย มักจะตายเร็ว แต่ถ้าเราไม่กลัวเราจะไม่แก่เร็ว ทำให้มีสุขภาพที่ดีด้วย อันนี้คือหลักสูตรของ Anti-Aging ที่ฝรั่งไม่เคยสอนเลย แต่พระพุทธเจ้าทรงสอน ทางสถาบันจะมีนโยบายหลักก็คือ Buddha logy หรือเทคโนโลยีทางพุทธ เข้ามา ซึ่งทำให้ชีวิตสมบูรณ์” ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเวชศาสตร์ กล่าว

ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=685712


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น