++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

ลำดับความเป็นมาเรื่อง ช่อง 3 จอดำ + ออกอากาศคู่ขนานไม่ได้.. จริงหรือ?

เพราะเป็นสื่ออิสระ
ไม่จำเป็นต้องพูดเข้าข้างใคร แต่ขอพูดเข้าข้างชาติ
อยู่ฝั่งที่เป็นจริงที่สุด และตอบทุกคำถามที่สงสัย
เรื่องช่อง 3 จอดำ หรือออกคู่ขนานไม่ได้ เพราะผิดกฎหมายนี่
จะลำดับความและประเด็นให้ฟังดังนี้นะครับ
-------------------------

1.ประเทศไทยมีแผนจะ "จัดสรรคลื่นความถี่ใหม่" มานานแล้ว แต่ติดตรงที่ ตั้ง กสทช. ไม่สำเร็จสักที จนกระทั่งมี กสทช.

2.ในเวลานั้น คลื่นความถี่ต่างๆ ถูกใช้ตามใจชอบ เช่น ตั้งวิทยุชุมชนกันตามใจชอบ ออกอากาศตามช่องทางต่างๆ อย่างไม่มีกฎเกณฑ์

3.เมื่อมี กสทช. ก็เริ่มตั้งแต่จัดระเบียบวิทยุชุมชน ด้วยการออกใบอนุญาต ประเภท "ทดลองออกอากาศ" ให้ ในภายหลังเมื่อมีการจัดสรรคลื่นความถี่จริงๆ แล้ว จึงจะมีใบอนุญาตประกอบการและอนุญาตให้ออกอากาศอย่างถูกต้องอีกครั้ง

4.ในสายโทรทัศน์ มีการวางแผนจะเปิดการประมูลโทรทัศน์ระบบดิจิตอล และยุติระบบอนาล็อกซึ่งล้าหลัง และใช้ช่วงความถี่มากเกิน 1 ย่านความถี่ของอนาล็อก เอามาแบ่งซอยเป็นดิจิตอลได้อีกหลายช่อง ซึ่งเท่ากับใช้ทรัพยากรของชาติ (ความถี่ = ทรัพยากรของชาติ) ได้อย่างคุ้มค่า ด้วยคุณภาพที่ดีขึ้นด้วย (ระบบดิจิตอล คมชัดกว่าระบบอนาล็อก) โดยยังให้เวลาโฆษณาสินค้าต่อชั่วโมงได้ 12 นาที เหมือนช่องอนาล็อก

5.ก่อนมี กสทช. มีการต่อสัญญากันอย่างรู้กัน ในราคาต่ำ และกินเวลานาน เช่น ช่อง 7 และช่อง 3 เป็นต้น (ปัจจุบัน กสทช. กำลังตรวจสอบสัญญาสัมปทานระหว่าง อสมท. กับช่อง 3 ว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่) แล้วเอาสัญญาที่ตนถือนั้น เป็นเครื่องต่อรองกับ กสทช.

6.ในที่สุด กสทช. ประกาศเปิดประมูลช่องดิจิตอล ช่อง 3 ประมูลได้มา 3 ช่อง (SD, HD และ Family)

7.ต่อมา กสท. ใช้อำนาจตามกฎหมาย ประกาศยกเลิกสภาพความเป็นฟรีทีวี ต่อสถานีที่ออกอากาศด้วยระบบอนาล็อกทุกช่อง และประกาศให้ระบบดิจิตอลเป็นฟรีทีวี ตามหลักการว่า คลื่นความถี่เป็นสมบัติของชาติ ผู้ประมูลคลื่นความถี่ที่จ่ายให้ประเทศชาติ ก็ได้สิทธิเป็นฟรีทีวี ส่วนพวกที่จ่ายเงินให้กันเอง เช่น จ่ายให้กองทัพบก จ่ายให้ อสมท. ก็ให้ถือสัญญาเดิม ใช้สิทธิออกอากาศในระบบอนาล็อกต่อไปจนสิ้นสัญญา ไม่มีการปิดสถานีอนาล็อก ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว ความถี่ทั้งหมดต้องหวนกลับมาเป็นของรัฐ โดยรัฐให้อำนาจ กสทช. เป็นผู้จัดการและจัดสรร อย่างไรก็ตาม กสทช. มิได้ไปคุกคามระบบอนาล็อก แต่จัดระเบียบว่า อนาล็อกต้องออกอากาศตาม "ช่องทาง" ที่ถูกต้องของตน คือ รับชมด้วยเสาหนวดกุ้งกับก้างปลา

8.เสมือนการจัดระบบจราจรนั่นเอง คือ รถไฟวิ่งบนราง รถยนต์วิ่งบนถนน แต่ถ้าเป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ วิ่งบนนถนนไหนได้ ถนนไหนวิ่งไม่ได้ รวมทั้งจำกัดระยะเวลาที่ออกวิ่งอีกด้วย ส่วนรถจักรยานยนต์ วิ่งบนถนนพื้นราบ สะพานข้ามแยกห้ามวิ่ง ทางยกระดับห้ามขึ้น อย่างนี้เป็นต้น โดยที่ก่อนหน้านั้น คุณจะวิ่งกันตามอำเภอใจอย่างไรมาก่อนไม่สำคัญ นี่คือการจัดระเบียบใหม่ ตามกฎหมายที่ให้อำนาจแก่ กสทช.

9.ดังนั้น 3, 5, 7, 9, 11 และไทยพีบีเอส ระบบอนาล็อก พ้นสภาพความเป็นฟรีทีวีเหมือนกันหมด แต่ช่องดิจิตอลทั้งหมด เข้าสู่สภาพความเป็นฟรีทีวี โดยที่ระหว่าง กสท. ยังวางโครงข่ายระบบดิจิตอลเพื่อรองรับการออกอากาศยังไม่ครบและไม่พร้อมนี้ ขอช่องเคเบิ้ลและดาวเทียม (ซึ่งต้องมีใบอนุญาตจาก กสท. เหมือนกัน) เกี่ยวสัญญาณของช่องดิจิตอลทั้งหมดไปออกอากาศด้วย เรียกว่ากฎ "มัสต์ แครี่" คือ ต้องแบกมันไปด้วย

10.ช่อง 5, 11 นั้น ได้สิทธิยกเว้นไม่ต้องประมูลช่องดิจิตอล แต่ได้ช่องไปเลย เพราะถือเป็นองค์กรของรัฐ ทำหน้าที่บริการสังคม ไม่ใช่องค์กรธุรกิจที่ประกอบการเพื่อผลกำไร ส่วนไทยพีบีเอสเป็นโทรทัศน์สาธารณะเพื่อบริการสังคมอยู่แล้ว ก็ได้ช่องดิจิตอลโดยไม่ต้องประมูลเช่นเดียวกัน

11.ช่อง 7 กับช่อง 9 ไปประมูลช่องดิจิตอลไว้ จึงออกอากาศในระบบดิจิตอลได้ เพียงแต่ไม่ได้ผลิตเนื้อหาใหม่ แต่ทำหนังสือขออนุญาต กสท. ขอถ่ายโอนเนื้อหาทั้งหมดจากช่องอนาล็อกไปออกอากาศในระบบดิจิตอล (ซึ่งยังโฆษณาได้ 12 นาที ต่อชั่วโมง) ได้รับอนุญาตให้ออกอากาศได้ เรียกว่า "ออกอากาศคู่ขนาน" (แพร่ภาพใน 2 แพลตฟอร์ม คือแพลตฟอร์มภาคพื้นดิน = อนาล็อก กับแพลตฟอร์มดาวเทียม)

12.อ้าว! แล้วทำไมช่อง 3 ไม่ออกอากาศคู่ขนานกับเขาบ้างล่ะ จะได้ไม่ต้องโวยวายว่าจอดำ-จอดับ

13.ช่อง 3 เขาอธิบายว่า เขาติดเงื่อนไขทางกฎหมาย ที่ กสท. กำหนดว่า ใครประมูล คนนั้นต้องดำเนินการ/ประกอบการ ซึ่งก็เป็นข้อกฎหมายที่หมอก้องเขาชื่นชมว่านายประวิทย์พูดได้ชัดเจนนั่นแหละ กล่าวคือ ผู้ประมูลทีวีดิจิตอลคือ บ.บีอีซี มัลติมีเดีย แต่ผู้ถือสัญญาสัมปทานช่อง 3 อนาล็อกคือ บ.บางกอกเอนเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ซึ่งข้อนี้คุณประวิทย์พูดถูกต้อง

14.แต่...อย่าเพิ่งเคลิ้มครับ ช่อง 3 อนาล็อก ผู้เป็นเจ้าของสัมปทาน คือ บางกอกเอนเตอร์เทนเม้นต์ แต่ในทางปฏิบัติ ก็ให้ บีอีซีเวิลด์ ดำเนินการแทนด้วยใช่ไหมครับ แล้วลองดูชื่อผู้ถือหุ้นของ 3 บริษัทนี้ดูนะครับ (ตามภาพประกอบ) ตระกูลมาลีนนท์ โดยคนชื่อซ้ำกัน ถือหุ้นใหญ่มาก ชี้นกเป็นนก ชี้ไม่เป็นไม้ได้อยู่แล้ว การแบ่งย่อยบริษัทเป็นแค่เทคนิคทางบัญชีเพื่อลดการจ่ายภาษีอัตราก้าวหน้าเข้ารัฐเท่านั้นครับ บวกกับความคล่องตัวทางการบริหารอีกเล็กน้อย แต่ทั้งหมด คุมโดยนายประวิทย์ใช่ไหมครับ ยกตัวอย่างเช่น เวลาซื้อสื่อ เช่น หนังสือพิมพ์ รถไฟฟ้า ป้ายตามสี่แยก คุณขึ้นโฆษณาป้ายเดียวกันได้ยังไง ในเมื่อคนละนิติบุคคลกัน แล้วนิติฯ ไหนเป็นคนจ่ายค่าป้ายล่ะ? จ่ายแล้ว ต้องไปเรียกเก็บจากอีกนิติฯ ไหม หรือใจดี กูจ่ายให้มึงฟรีนะน้องนะ อะไรทำนองนี้หรือครับ?

15.การติดขัดทางข้อกฎหมาย จึงเป็นแค่การใช้เงื่อนไขนี้เป็นเกราะป้องกันตัว และเป็นหอกทิ่ม กสท. เท่านั้นแหละ เพราะหากเป้าหมายมีแค่ "ขอให้ได้ออกอากาศ-เพื่อประโยชน์ของผู้ชม" ก็ทำตามที่ กสท. เสนอก็ได้

16. กสท.เสนอ ว่า
16.1) ทำข้อเสนอมา ว่าอยากออกอากาศคู่ขนาน แล้ว กสท. ซึ่งมีอำนาจในการพิจารณา จะดูช่องทางและมีมติ ตามที่เป็นไปได้ เพื่อประโยชน์ของประชาชน
16.2) ขออนุญาต เป็นผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม (ค่าธรรมเนียมถูกมาก เมื่อเทียบกับฐานะของช่อง 3 แต่โฆษณาได้แค่ 6 นาทีต่อชั่วโมง) ทำข้อหนึ่งข้อใดก็ได้ จบปัญหา ดังนั้นโดยรูปการณ์ กสท. ไม่ได้ทำตัวมีปัญหา แต่ช่อง 3 ต่างหากที่ทำตัวมีปัญหา ซึ่งหากอยากทำตามกฎหมาย ที่ตัวเองออกคู่ขนานไม่ได้ ก็ไม่ควรโวยวายว่า "จอดำ" เพราะ กสท. เขาก็ทำตามกฎหมายเช่นเดียวกัน

17.และเพราะเสียดายเวลาที่สามารถโฆษณาได้ถึง 12 นาทีต่อชั่วโมงหรือเปล่า จึงไม่เข้าสู่ระบบโทรทัศน์ดาวเทียม เสียดายโฆษณาที่ทำสัญญากันไว้ล่วงหน้าแล้วใช่หรือเปล่า จึงเพียงขอยืดเวลาให้ช่องอนาล็อกยังได้ออกทางเคเบิ้ลกับดาวเทียมต่อไป ยื้อเวลาไปพลางๆ ตอบด้วยนะครับ รวมไปถึงเรื่องที่มาแถลงเกี่ยงงอนว่า เรตติ้งของทีวีดิจิตอลยังต่ำเหลือเกิน จะไม่ต่ำได้ยังไงล่ะครับ ก็ช่อง 3 เล่นดักตีกินอยู่ทางอนาล็อกควบเคเบิ้ลและดาวเทียมอยู่อย่างนี้ กระโดดเข้าไปเป็นดิจิตอลกันให้หมดสิครับ เอเยนซี่ ลูกค้าโฆษณา จะได้กระโดดเข้ามาในเวทีดิจิตอลกันเสียที ไม่ใช่แห่ไปหาช่อง 3 อนาล็อก แล้วปล่อยดิจิตอลอื่นๆ แห้งตาย มีน้ำใจหน่อยสิครับ

18.เดิมช่อง 3 ไปฟ้องศาลปกครอง ว่าคำสั่งให้พ้นสภาพความเป็นฟรีทีวี เป็นคำสั่งที่มิชอบ และขอให้ศาลคุ้มครอง ให้ได้ออกอากาศทางเคเบิ้ลและดาวเทียมต่อไป จนกว่าศาลจะมีคำตัดสิน เรื่องนี้ ศาลรับเฉพาะข้อแรก คือรับพิจารณาว่า คำสั่งของ กสท. ชอบด้วยอำนาจและกฎหมายหรือไม่ ส่วนการคุ้มครองชั่วคราว ศาลมิได้รับ นั่นแปลว่า 28 กันยายน ช่อง 3 อนาล็อก จะไม่มีสิทธิออกอากาศทางช่องเคเบิ้ลและดาวเทียม โดยไม่ต้องรอให้ศาลตัดสิน เหมือนข้อความใน IG ของผู้จัด ผู้กำกับ และนักแสดงช่อง 3 หลายรายที่ตั้่งคำถามว่า "ทำไมไม่ให้ศาลตัดสินก่อน ทำไมต้องรีบจอดำ" ส่วนหลังจากนี้ ศาลจะตัดสินอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ ช่อง 3 อาจจะได้รับประโยชน์จากคำพิพากษาก็ได้ หรือศาลอาจพิพากษาว่า กสท. มีอำนาจโดยชอบตามกฎหมาย และได้มีมาตรการเยียวยาให้แล้วด้วยกฎมัสต์ แครี่ก็เป็นได้ ตรงนี้ก็รอคำพิพากษาของศาลอย่างเดียวเท่านั้น

19.ส่วนข้ออ้างที่ตำหนิ กสท. ว่า โครงข่ายระบบดิจิตอลยังไม่พร้อม ทำไมต้องรีบบังคับให้ทุกคนเป็นดิจิตอลนั้น ก็เข้าใจได้ว่า เป็นมาตรการเร่งรัดให้ทุกคนปรับตัวเข้าสู่ระบบดิจิตอลโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อเร่งเข้าสู่ระบบใหม่ให้เร็วขึ้น ในขณะที่โครงข่ายดิจิตอลยังไม่พร้อม กสท. ก็ใช้กฎ "มัสต์แครี่" บังคับให้เคเบิ้ลกับดาวเทียม "แบกไปออกอากาศให้ฟรีๆ" แล้วไง ไม่รู้หรือว่า ช่องทีวีดาวเทียม เช่น ฟ้าวันใหม่, นิวส์วัน, ทีนิวส์ เขาต้องจ่ายค่าเช่าช่องสัญญาณดาวเทียม เดือนหนึ่งหลายล้านบาท แถมต้องจ่ายค่าออกอากาศให้แก่กล่องรับชมต่างๆ ด้วย แต่คุณได้สิทธิออกอากาศฟรี ตามกฎ "มัสต์ แครี่" แล้ว ยังไม่พอใจอีกหรือ ยังคิดว่า กสท. ไม่เป็นธรรมอีกหรือ

20.ส่วนเหตุผลด้านมนุษยธรรม ว่า ทำไมไปเพิ่มภาระให้คนจน คนมีรายได้น้อย ต้องติดกล่องรับสัญญาณ ต้องติดจานดาวเทียม ต้องเป็นสมาชิกเคเบิ้ลทีวีนั้น ไม่ต้องห่วงนะ เพราะคนจนเขาก็ปักหนวดกุ้ง ตั้งเสาก้างปลา ซึ่งดูช่อง 3 อนาล็อกได้สบายๆ ไม่ต้องติดจาน หรือเป็นสมาชิกเคเบิ้ลด้วย ไม่เปลืองเลย หรือไม่จริง?

21.หยุดหลอกลวงประชาชนเรื่องจอดำ แต่จงบอกเขาว่า ช่อง 3 ไม่มีสิทธิออกอากาศผ่านดาวเทียมและเคเบิ้ลตามกฎหมาย ใครอยากดู ดูผ่านหนวดกุ้งกับเสาก้างปลาได้ จอไม่ดำ เราไม่ได้ถูกปิด ใครไม่มีหนวดกุ้ง เดี๋ยวให้สรยุทธแจก แทนแจกเสื้อ เอางี้สิครับ

22.ส่วนทำอย่างไรเพื่อจะออกทางเคเบิ้ลและดาวเทียมได้ เป็นธุระของช่อง 3 ไม่ใช่ธุระของ กสท. ไม่อยากออก ก็อยู่ในแพลตฟอร์มภาคพื้นดิน คือ ระบบอนาล็อกต่อไป อย่าปลุกประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม ให้รู้สึกเกลียดชังการปฏิบัติหน้าที่ของ กสท. เลย เช่น ทำตัวหนังสือ "ช่อง 3 จะจอดำ ในระบบดาวเทียม เคเบิ้ล" ตัวหนังสือต้องใหญ่เท่ากัน ไม่ใช่ใหญ่มากตรงคำว่า
"จะจอดำ"
แต่คำว่า
ในดาวเทียม-เคเบิล ตัวเล็กๆ และถ้าเกิดละความละโมบได้บ้างแล้ว อยากจะออกอากาศคู่ขนาน ก็ทำหนังสือเข้าไปให้ กสท. พิจารณา อย่าเอาแต่อ้างว่า คุณสุภิญญา กลางณรงค์ พูดอยู่คนเดียว คนอื่นยังไม่เห็นพูดอะไร ก็เขารอให้คุณทำหนังสือเข้าไปไงครับ เขาจะได้นัดกรรมการคนอื่นๆ ประชุม และมีมติ เข้าใจไหมครับ ไม่ใช่มานั่งมโนเองอยู่อย่างนี้

23.ไม่ต้องโพสต์ ไม่ต้องให้สัมภาษณ์ ไม่ต้องวานคอลัมน์นิสต์ย้ำว่า น่าเสียดายนะคะ ละครหลายเรื่องต้องเร่งตัดจบ โดยเฉพาะคนที่นั่งอมหัวแม่ตีนเงียบ ตอนที่ละคร "เหนือเมฆ" ถูกประหารชีวิตออกอากาศ ทั้งๆ ที่เหลือ 2 ตอนก็จบ ถ้าตอนนั้นคุณนั่งหุบปาก นั่งขมิบกันอยู่ได้ ตอนนี้ก็ขอให้หุบและขมิบกันต่อไปเงียบๆ

ป.ล.การใช้สื่อของตัวเอง พูดอยู่ข้างเดียว โดยไม่ให้ กสท. ได้พูด ไม่ใช่วิธีการของสุภาพบุรุษ หรือแสดงออกซึ่งความเป็นสื่อที่มีจริยธรรม!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น