++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556

พอใจเมื่อได้มา ยอมรับเมื่อเสียไป



บุญชูได้เลขดีมาเขาจึงซื้อหวยใต้ดิน ๑๕ บาท เที่ยวนี้โชคเป็นของเขา เขาถูกหวยเลขท้าย ๓ ตัว ได้เงินมา ๖๐๐ บาท เขาดีใจจนยิ้มแก้มปริ แต่เมื่อเจอสาครเพื่อนร่วมก๊วน เขาหุบยิ้มทันทีที่รู้ว่าสาครก็ถูกหวยตัวเดียวกัน แถมได้เงินถึง ๒,๐๐๐ บาท เพราะแทงมากกว่า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาซึมไปค่อนวันทีเดียว เพราะอดโมโหตัวเองไม่ได้ว่าทำไมฉันไม่แทงให้มากกว่านี้

ใคร ๆ ก็อยากได้ลาภ แต่การได้ลาภมาฟรี ๆ ก็ใช่ว่าจะทำให้มีความสุขเสมอไป หากวางใจไม่เป็นก็ทำให้ทุกข์ได้ โดยเฉพาะเมื่อไปเปรียบเทียบกับคนที่ได้มากกว่า

คนเรามักจะทุกข์เพราะการเปรียบเทียบ ไม่ว่ากับคนอื่น กับสภาพตัวเองในอดีต หรือกับความแปรเปลี่ยนที่เกิดขึ้นในภายหลัง

น .พ.ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม เป็นนักเล่นหุ้นมืออาชีพ เขาเล่าว่าวันหนึ่งได้คุยกับคุณป้าที่เป็นนักเล่นหุ้นเหมือนกัน คุณป้าเปิดเผยว่าช่วงนี้เธอขายหุ้นได้กำไร ๑๐ ล้านบาท เขาจึงแสดงความยินดีกับคุณป้า แต่เธอกลับมีสีหน้าเศร้าหมอง แล้วตอบว่า ดีใจอะไรล่ะ ป้าเสียใจมากเลย เพราะถ้าตอนนั้นไม่ขาย แต่มาขายวันนี้ ป้าจะได้กำไรถึง ๒๐ ล้านบาท

หมอยรรยงเล่าต่อว่าหลังจากวันนั้นคุณป้าก็หายหน้าไป สอบถามก็ได้ความว่าเธอล้มป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล

ได้กำไรถึง ๑๐ ล้านบาทก็ยังทำให้เป็นทุกข์ได้ ตราบใดที่คิดว่าตนเอง “น่าจะ”ได้มากกว่านี้ แต่ก็น่าสงสัยว่าหากคุณป้าเปลี่ยนใจไม่ขายวันนั้น แต่ขายวันนี้แล้วได้กำไร ๒๐ ล้านบาท คุณป้าจะดีใจไปได้นานเท่าใด หากพรุ่งนี้พบว่าราคาหุ้นพุ่งขึ้นอีกและถ้าขายก็จะได้กำไร ๓๐ ล้านบาท

ความคิดว่าตนเอง “น่าจะ”ได้มากกว่านี้ ทำให้เราไม่เคยพอใจสิ่งที่ได้มาเลย เพราะไม่ว่าได้มาเท่าไร ก็มักมีเหตุผลต่าง ๆ นานาให้คิดว่าเราน่าจะได้มากกว่านั้นอยู่ตลอด เช่น คนอื่นเขายังได้มากกว่าฉัน แต่ก่อนฉันได้มากกว่านี้ ถ้าไม่ขายตอนนั้นป่านนี้ฉันรวยอู้ฟู่ไปแล้ว ฉันทำงานหนักกว่าคนอื่นทำไมได้แค่นี้ ฯลฯ

คนอย่างบุญชูไม่มีความสุขกับ ๖๐๐ บาทที่ได้มาก็เพราะคิดว่า ๒,๐๐๐ บาทต่างหากคือเงินที่ตัวเองน่าจะได้หากเพียงแต่ลงเงินแทง ๕๐ บาทเหมือนอย่างสาคร แต่ก็น่าสงสัยว่าถ้าเขาได้ ๒,๐๐๐ บาทเขาจะมีความสุขหรือหากรู้ว่าเพื่อนอีกคนได้มา ๖,๐๐๐ บาทจากหวยตัวเดียวกัน

สำหรับนักช็อปปิ้ง ถึงแม้จะซื้อได้ของถูก แต่ความดีใจจะเปลี่ยนเป็นความเสียใจทันทีที่คิดว่าฉันน่าจะซื้อได้ถูกกว่านี้ อะไรเป็นเหตุให้คิดแบบนี้หากไม่ใช่เป็นเพราะไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ซื้อได้ถูกกว่าตน

ในขณะที่ “ความน่าจะ”ทำให้เราไม่เคยพอใจในสิ่งที่ได้มา “ความไม่น่าจะ”ก็ทำให้เราเป็นทุกข์ยิ่งขึ้นกับสิ่งที่เสียไป

ผู้คนเป็นอันมากเสียทรัพย์แล้ว ก็ยังเสียใจไม่สร่างก็เพราะเอาแต่คิดว่าฉันไม่น่าจะให้เขายืมเงินเลย ฉันไม่น่าจะวางกระเป๋าไว้ตรงนั้นเลย ฯลฯ เสียคนรักหรือเสียสุขภาพก็เช่นกัน สิ่งที่ทำให้ทุกข์ใจหนักขึ้นก็คือความคิดที่ว่าฉันไม่น่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้เลย ใช่หรือไม่ว่าทุกครั้งที่เราอุทธรณ์ร้องบ่นว่า “ทำไมต้องเป็นฉัน ?” เรากำลังคิดว่าเหตุร้ายไม่น่าจะเกิดขึ้นกับฉันเลย

“ความน่าจะ”หรือ “ความไม่น่าจะ” มีประโยชน์ก็ต่อเมื่อเรายังสามารถทำอะไรให้ดีขึ้นได้ หรือสามารถป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ป่วยการจะคิดถึงว่ามันน่าจะดีกว่านี้ หรือมันไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะคิดแล้วก็เป็นทุกข์เปล่า ๆ นอกจากทำให้เราไม่พอใจในสิ่งดี ๆ ที่ ได้มาแล้ว ยังทำให้เราไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น แทนที่จะหาทาแก้ไข ก็มัวแต่กลัดกลุ้ม แทนที่จะใคร่ครวญหาทางออกหรือสรุปบทเรียน ก็กลับคร่ำครวญฟูมฟาย

อดีตนั้นผ่านไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ ป่วยการที่จะนึกถึงว่าเราน่าจะทำอย่างนี้ ไม่น่าจะทำอย่างนั้น หากพอใจสิ่งดี ๆ ที่ได้มา และยอมรับสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้น เราจะมีความสุขกับปัจจุบันได้มากขึ้น

พระไพศาล วิสาโล

http://www.visalo.org/article/Image255111.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น