ปุจฉา - เพื่อนฝากถามค่ะ พ่อ+แม่ แยกกันตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อนอยู่กับพ่อ (ลูกคนเดียว) แต่แม่ก็ส่งเสียเมื่อเรียนมหาวิทยาลัยด้วย เมื่อเรียนจบมีงานทำ ก็ส่งเงินให้แม่ตลอด ให้แม่ทุกเดือน (ปัจจุบันพ่อเสียแล้ว) แม่อยู่ ตจว. เพื่อนอยู่กทม. แม่มีแฟนใหม่ 6-7 ปีที่ผ่านมา แม่จะขอเงินพิเศษ เพิ่มเป็นระยะๆ 3-4 เดือน ครั้ง ประมาณ 2-3หมื่นบาท (โดยบอกว่าไม่มีเงินซื้อของเข้าร้าน แม่เปิดร้านขายของ) เพื่อนก็ให้เท่าที่มี ปีที่แล้ว แม่ขอให้ขายที่ให้ (ที่เป็นของแม่ แล้วยกให้เพื่อน) เพื่อนก็เซ็นต์ชื่อขายให้ ได้เงิน 1 ล้านบาท (ให้แม่หมด แม่ให้สร้อยทองมา 2 สลึง)
เดือนนี้ โทรมาขอเงิน 5 หมื่นบาท เพื่อนก็เครียด เพราะแม่บอก เงินจากการขายที่หมดแล้ว และไปกู้นอกระบบมา ดอกเบี้ย วันละพันกว่าบาท กู้มาซื้อของเข้าร้าน เพื่อนบอกให้เซ้งร้านถ้าขายแล้วขาดทุน จะเช่าคอนโดให้อยู่และให้เงินใช้ทุกเดือน แม่ไม่ยอม เพื่อนโทรมาบอกว่าทุกข์ใจ เพราะไม่รู้แม่เอาไปทำอะไร เชื่อตามที่แม่บอก หาทางแก้ปัญหาให้ ก็ไม่ยอม เลยบอกเพื่อนว่า ถ้างั้นให้ถามแม่ว่าให้บอกตรง ๆ ว่ามีหนี้เท่าไหร่ จะรับผ่อนใช้หนี้ให้ แต่อย่าไปสร้างหนี้ใหม่ แม่ก็ไม่ยอมพูด บอกว่าถ้าไม่ให้จะหนี ไปอยู่ที่อื่น
เพื่อนฝากถามว่า ถ้าเกิดเรื่องอะไรกับแม่ เค้าจะเป็นลูก อกตัญญูมั้ย เค้าจะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะคาดเดาว่า ถ้าให้ก้อนนี้ไป ไม่นานก็คงโทรมาขอใหม่ เพราะที่ผ่านมาเป็นอย่างนี้ตลอด ทั้ง ๆ ที่ให้เงินประจำทุกเดือนอยู่แล้วค่ะ เค้าไม่อยากรู้สึกผิด ถ้าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่สบายใจที่สถานการณ์เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพราะตนเองก็ต้องผ่อนบ้านผ่อนรถ และเงินที่หามาก็ช่วยกัน 2 คนกับแฟน ขอบคุณค่ะ
พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - ปัญหานี้จะแก้ได้จะต้องเริ่มจากการรู้ความจริงก่อนว่า เหตุใดแม่ของเขาจึงต้องการใช้เงินมากมายอย่างต่อเนื่อง ข้อเท็จจริงที่เล่ามานั้นล้วนได้จากการคุยกับแม่ แต่ความจริงอาจไม่ใช่เช่นนั้นก็ได้ ทางที่ดีลูกควรไปหาแม่ที่บ้าน เพื่อรู้ให้ชัดแม่ว่าปัญหาของแม่นั้นอยู่ที่ตรงไหน จะได้ช่วยแม่แก้ปัญหาได้ถูก อีกทั้งจะได้มีโอกาสพูดคุยอย่างเปิดอกกับแม่อย่างจริงจัง ดีกว่าการคุยผ่านโทรศัพท์ หากแม่มีปัญหาพฤติกรรมบางอย่าง ลูกก็จะได้แนะนำแม่หรือให้กำลังใจแม่เพื่อแก้ปัญหานั้นด้วยตนเอง แทนที่จะคิดพึ่งผู้อื่นอย่างเดียว (ที่จริงถึงไม่มีปัญหาอะไร คุณควรหาเวลาเยี่ยมแม่บ้าง)
การช่วยเหลือแม่นั้น นอกจากทำด้วยเมตตาหรือความรัก จำต้องใช้ปัญญาด้วย การสนองทุกอย่างตามที่แม่ร้องขอนั้น อาจเป็นการทำร้ายแม่ทางอ้อมได้ (เหมือนกับแม่ที่ตามใจลูกทุกอย่าง ย่อมเป็นการทำร้ายลูก) หากแม่มีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องจนเกิดปัญหาหนี้สิน แล้วคิดว่าลูกจะช่วยแม่ได้ทุกครั้งไป แม่ก็จะได้ใจและถลำไปในทางที่ผิดพลาดหนักขึ้น โดยไม่คิดจะแก้ปัญหาด้วยตนเอง
ดังนั้นลูกจึงอาจจำเป็นต้องบอกแม่หรือส่งสัญญาณให้แม่รู้ว่า ลูกไม่สามารถตามใจแม่ได้ และแม่จะต้องรับผิดชอบตัวเองด้วย การทำเช่นนี้ไม่เรียกว่าอกตัญญู เพราะทำไปด้วยความปรารถนาดีต่อแม่ (เช่นเดียวกับแม่ที่ไม่ตามใจลูกทุกเรื่อง โดยเฉพาะการสนองกิเลสของลูก ก็ไม่อาจเรียกว่าเป็นแม่ที่ใจร้ายขาดเมตตาต่อลูกได้)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น