++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ปราสาทพระวิหาร การเสียดินแดนอีกล้านไร่ อีกบทพิสูจน์ของนายกฯอภิสิทธิ์

ปราสาทพระวิหาร การเสียดินแดนอีกล้านไร่ อีกบทพิสูจน์ของนายกฯอภิสิทธิ์
โดย คำนูณ สิทธิสมาน


จำการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนายสมัคร
สุนทรเวชเมื่อเกือบปีที่ผ่านมาได้ไหม
พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะฝ่ายค้านมืออาชีพหยิบประเด็นแถลงการณ์ร่วมไทย
-กัมพูชาที่ไปรับรองการขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารต่อคณะกรรมการมรดกโลก
ยูเนสโก ซึ่งเป็นประเด็นร้อนอย่างยิ่งในขณะนั้น
มาขึงพืดถล่มรัฐบาลเสียยับเยิน
โดยผู้อภิปรายที่ชี้แจงแสดงเหตุได้เนื้อได้หนังมากที่สุดก็คือตัวผู้นำฝ่าย
ค้าน

นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ !

วันนี้ อดีตตามกลับมาหลอกหลอนแล้ว
เมื่อประเด็นร้อนเดิมกลับมาร้อนอีกครั้ง
และจะยังร้อนต่อไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2553
ซึ่งเป็นกำหนดเส้นตายที่กัมพูชาจะต้องยื่นแผนสุดท้ายต่อคณะกรรมการมรดกโลก
เพื่อให้ความเป็นมรดกโลกของปราสาทพระวิหารสมบูรณ์
หลังจากเลือกมาจากเดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคม 2552

นายกฯอภิสิทธิ์ที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดคนหนึ่งจะทำอย่างไรไม่ให้ไทย
"เสียดินแดนในทางปฏิบัติ" ครั้งใหม่ ?

ผมเคยเขียนมาครั้งหนึ่งแล้วว่านี่คือการล่าอาณานิคมยุคใหม่ โดยใช้
"วัฒนธรรม" เป็นข้ออ้าง

ครั้งนั้น ผมวาดภาพรวมให้เห็นว่ากรณีปราสาทพระวิหารนี้
ประเทศไทยไม่ได้เสียดินแดนเพียงครั้งเดียวในปี 2505
จากคำพิพากษาของศาลโลกตามที่คนไทยโดยทั่วไปเข้าใจ ทว่าในรอบ 46 ปีมานี้
(หรือนับจนถึงวันนี้ก็ 47 ปี) ประเทศไทยไทยเสียดินแดนมารวมทั้งหมด 4
ครั้ง และถ้าคนไทยยังนิ่งนอนใจ ไม่ตระหนักในมหันตภัยของ
"ลัทธิล่าอาณานิคมยุคใหม่ - ล่าสุด" ที่ใช้ "วัฒนธรรม" เป็นข้ออ้าง
ประเทศไทยจะเสียดินแดนเป็นครั้งที่ 5 ภายใน 2 ปีนับจากนี้
(ซึ่งเมื่อมาถึงวันนี้ก็เหลืออีกเพียง 1 ปี)

อันจะนำไปสู่การเสียดินแดนชายแดนไทย-กัมพูชาทั้งบนบกและในทะเลต่อเนื่องไปอีกหลายครั้งในอนาคต
!

วันนั้น เมื่อ 1 ปีที่แล้ว คำว่า "เสียดินแดนครั้งที่ 5"
ในความหมายของผมยังคงอยู่แค่สิ่งที่กัมพูชาและคนไทยจำนวนมากเรียกว่า
"พื้นที่ทับซ้อน" จำนวน 4.6 ตารางกิโลเมตร เท่านั้น

แต่วันนี้สถานการณ์ไปไกลกว่านั้น

ในนามของการ "บอก" (หรือ "หลอก" ?) คนไทยทั่ว ๆ ไปว่า
เรากำลังจะได้ประโยชน์ โดยการขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกับกัมพูชา
ซึ่งแท้จริงแล้วคือการนำเอาพื้นที่ทั้ง 4.6 ตารางกิโลเมตร
และพื้นที่อื่นที่เป็นอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยรอบเข้าไป
ผนวกกับปราสาทพระวิหาร

ตัวเลขกลม ๆ คือมากกว่า 1 ล้านไร่ !

โครงการพัฒนาพื้นที่ในอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าใน
ความรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเริ่มดำเนินไปอย่าง
เงียบ ๆ แล้ว ทั้ง ๆ
ที่โดยคำสั่งศาลปกครองและคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุว่าแถลงการณ์ร่วม
ไทย-กัมพูชาไร้ผล และให้หยุดดำเนินการทุกเรื่องเกี่ยวกับกรณีนี้
แต่ก็พยายามเลี่ยงบาลีกระทำกัน

ถ้าเราเอาพื้นที่กว่า 1 ล้านไร่ไปผนวกกับปราสาทพระวิหารมรดกโลก
หลายคนอาจคิดตื้น ๆ ว่าไทยได้ประโยชน์

จริงอยู่ อธิปไตยในทางทฤษฎียังคงเป็นของไทย
แต่การจัดการในพื้นที่เป็นของคณะกรรมการร่วม 7 ชาติ
ไทยเป็นเสียงเดียวในนั้น
ยังมิพักต้องพูดถึงปัญหานานัปการที่จะตามมาอีกมากบริเวณชายแดน

ความจริงโดยหลักการของคณะกรรมการมรดกโลก
ปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยกัมพูชาประเทศเดียวไม่ได้อยู่แล้ว

ประการหนึ่ง - ยังมีปัญหาข้อพิพาทชายแดนอยู่กับไทย มีการสู้รบ สูญเสีย

ประการหนึ่ง - มีแต่ตัวปราสาท ไม่มีอาณาบริเวณโดยรอบ

ถ้าไม่มีการตอบสนองยอมรับจากไทย คณะกรรมการมรดกโลกก็สุดจะ
"ดันทุรัง" ขึ้นทะเบียนให้กัมพูชา

จึงเป็นที่มาของแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาในยุครัฐบาลสมัคร สุนทรเวช

แต่ก็ถูกต่อต้านโจมตีอย่างหนักจากภาคประชาสังคม
และพรรคประชาธิปัตย์ "รับลูก" เข้าไปเปิดโปงโจมตีรัฐบาลในสภา

มาวันนี้ คนไทยไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องครบถ้วนทั้งหมด
แต่ได้รับข้อมูลครึ่ง ๆ กลาง ๆ จากนายสุวิทย์
คุณกิตติว่าไทยกำลังจะได้ประโยชน์ร่วม โดยได้ขึ้นทะเบียนร่วม
เหมือนเราพลิกฟื้นกลับมาทำคะแนนในยก 2 ยก 3 ได้ดี หลังจากถูกถลุงในยก 1

คำว่า "ข้อมูลครึ่ง ๆ กลาง ๆ" เป็นคำสุภาพครับ !

ต้องเข้าใจว่าการขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมแบบนี้
คือการเอาดินแดนกว่า 1
ล้านไร่ไปผนวกกับปราสาทพระวิหารมรดกโลกที่คณะกรรมการมรดกโลกระบุชื่อ
"กัมพูชา" (ไม่ใช่ "ไทย-กัมพูชา")
และการยอมรับการจัดการร่วมของคณะกรรมการ 7 ชาติ

ผมไม่ได้คัดค้านการที่ไทยกับกัมพูชาจะขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกร่วมกัน

แต่จะต้องให้จบขั้นตอนการขอขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียวของกัมพูชาไปก่อน

ให้เขาทำไม่สำเร็จไปก่อน

แล้วค่อยกลับมายื่นขอขึ้นทะเบียนร่วมกันหลังจากปักปันเขตแดนให้ชัดเจนแล้ว !

ไม่ใช่อ้างแบบมั่ว ๆ ในลักษณะให้ข้อมูลครึ่ง ๆ กลาง ๆ กับคนไทย

นายกฯอภิสิทธิ์เคยรู้เรื่องดีอย่างทะลุปรุโปร่งเมื่อครั้งเป็นฝ่าย
ค้าน วันนี้มาเป็นประมุขฝ่ายบริหาร
อย่าปล่อยให้รัฐมนตรีที่อาจจะไม่เข้าใจปัญหาลึกซึ้งออกมาให้ข้อมูลที่อาจทำ
ให้สังคมสับสนเลย

เวลายังเหลืออีก 8
เดือนที่การขึ้นทะเบียนของกัมพูชาจะสมบูรณ์หากไทยไปร่วมมือ

คิดให้ดี

และอย่าคิดคนเดียว
ต้องบอกสภาและบอกคนไทยทั้งหมดด้วยว่าความจริงทั้งหมดคืออะไร

เราเสียตัวปราสาทพระวิหารโดย "ศาลโลก" เมื่อปี 2505
ถ้าเรายอมรับอธิปไตยในทางปฏิบัติของคณะกรรมการร่วม 7 ชาติบนพื้นที่กว่า 1
ล้านไร่ จะเสมือเป็นการยอมรับต่อ "ยูเนสโก" กลาย ๆ
ว่าดินแดนเหล่านี้ไม่ได้เป็นของเราโดยสมบูรณ์

จะมีผลเป็นว่าเรายอมรับแผนที่ของฝรั่งเศสที่เราปฏิเสธมาตลอด

ซึ่งจะหมายถึงการเสียเกาะกูด และพื้นที่แหล่งพลังงานในอ่าวไทยไปอีกในอนาคต

*บทความนี้จะตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการ
ฉบับวันจันทร์ที่ 6 กรกฏาคม


http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000074718

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น