++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ริบบิ้นสีฟ้า มีความรู้สึกดีๆมาให้

ริบบิ้นสีฟ้า
มีความรู้สึกดีๆมาให้

ครูคนหนึ่งที่นิวยอร์คตกลงใจจะแสดงความชื่นชมนักเรียนไฮสคูล

ชั้นปีสุดท้ายที่เธอสอนด้วยการบอกเขาเหล่านั้นว่าแต่ละคนมีคุณค่า

พิเศษต่างจากคนอื่นอย่างไรบ้าง

เธอเรียกนักเรียนทุกคนไปหน้าชั้นทีละคน

แรกสุดเธอบอกแต่ละคนว่าพวกเขามีคุณค่าเพียงใดทั้งต่อตัวครูและ

ต่อเพื่อนร่วมห้อง
จากนั้นเธอก็มอบริบบิ้นสีฟ้าพิมพ์ด้วยตัวหนังสือ

สีทองเป็นของขวัญให้
ข้อความบนริบบิ้นมีว่า
'ฉันเป็นคนมีคุณค่า'

จากนั้นครูให้นักเรียนทำงานกลุ่มของชั้นขึ้นมาชิ้นหนึ่ง

ด้วยวัตถุประสงค์

เพื่อดูว่าการแสดงความชื่นชมยกย่องผู้อื่นส่งผลอย่างไรต่อคนในชุมชน

เธอมอบริบบิ้นแก่นักเรียนคนละสามเส้น
ให้นักเรียนเผยแพร่การรับรู้และ

ชื่นชมคุณค่าผู้อื่นในวงกว้างออกไป
จากนั้นนักเรียนจะต้องติดตามผลและ

ดูว่าใครยกย่องใครบ้าง
แล้วนำกลับมารายงานในห้องภายในหนึ่งสัปดาห์

นักเรียนชายคนหนึ่งเข้าพบผู้บริหารระดับรองที่ทำงานในบริษัทใกล้ๆ

เพื่อยกย่องที่ชายผู้นี้เคยช่วยเขาวางแผนอาชีพในอนาคต
แล้วมอบริบบิ้นติดให้บนเสื้อเชิ้ต

จากนั้นก็มอบริบบิ้นอีกสองเส้นที่เหลือพร้อมกับกล่าวว่า...

'เรากำลังทำงานกลุ่มของชั้นเรียนเกี่ยวกับเรื่องการแสดงความยกย่องชื่นชม
ผู้อื่นครับ
ผมอยากขอให้คุณช่วยหาใครสักคนที่คุณต้องการยกย่อง'

แล้วให้ริบบิ้นเขา

ส่วนอีกเส้นก็ให้เขาไว้สำหรับมอบให้คนต่อไปเพื่อเผยแพร่การยกย่องชื่นชม

นี้ให้กระจายต่อไป
แล้วช่วยกลับมาบอกผมด้วยครับว่าผลเป็นยังไงบ้าง'

ต่อมาในวันเดียวกัน
ผู้บริหารท่านนี้เเข้าพบเจ้านายเขา

ซึ่งเป็นคนที่ใครๆ

รู้กันดีว่าเกรี้ยวกราดอารมณ์ร้าย
เขานั่งลงคุยกับเจ้านายบอกเจ้านายว่าลึกๆ
เขายกย่องชื่นชมเจ้านายว่าเป็นผู้มีหัวคิดสร้างสรรค์ระดับอัจฉริยะ

ดูเหมือนเจ้านายเขาจะประหลาดใจอย่างยิ่ง
เขาถามเจ้านายว่าจะยินดี

รับริบบิ้นสีฟ้าเป็นของขวัญแสดงความชื่นชม
และอนุญาตให้เขาติดริบบิ้นให้ได้หรือไม่
เจ้านายผู้ประหลาดใจตอบว่าได้

เขาจึงติดริบบิ้นสีฟ้าเส้นนั้นบนปกเสื้อนอก
บริเวณเหนือหัวใจ

เมื่อเขามอบริบบิ้นเส้นสุดท้ายแก่เจ้านาย

;เขาบอกเจ้านายว่า
ช่วยอะไรผมสักอย่างได้ไหมครับ
ผมอยากให้เจ้านายช่วยส่งต่อริบบิ้น
เส้นสุดท้ายนี่ด้วยการยกย่องชื่นชมใครสักคน

พ่อหนุ่มที่ให้ริบบิ้นผมมาเป็นคนแรก
กำลังทำงานกลุ่มของชั้นอยู่

เขาอยากให้ช่วยกระจายการยกย่องชื่นชมนี้ให้เผยแพร่ในวงกว้างออกไป
แล้วดูว่าการทำแบบนี้ส่งผลต่อใครๆ
ยังไงบ้าง
ค่ำวันนั้น
ชายผู้เป็นเจ้านายกลับบ้านไปหาลูกชายวัยรุ่นอายุสิบสี่

;เขาเรียกลูกชายให้นั่งลง
แล้วกล่าวว่า
วันนี้เกิดเรื่องเหลือเชื่อที่สุดกับพ่อ
ตอนอยู่ห้องทำงาน
ลูกน้องคนหนึ่ง
เข้ามาบอกว่าเขาชื่นชมพ่อ

แล้วให้ริบบิ้นเส้นหนึ่งเป็นการยกย่องว่าพ่อเป็นอัจริยะเรื่อง

ความมีหัวคิดสร้างสรรค์

ลองนึกดูเขาคิดว่าพ่อมีหัวคิดสร้างสรรค์เข้าขั้นอัจฉริยะเชียวนะ

แล้วเขาก็เอาริบบิ้นเส้นนี้ที่เขียนว่าฉันเป็นคนมีคุณค่า

ติดให้บนปกเสื้อนอกตรงหัวใจนี่แล้วยังให้ริบบิ้นพ่อมาอีกเส้น

ให้พ่อมองหาใครสักคนที่จะยกย่องชื่นชมต่อ

ระหว่างที่พ่อขับรถกลับบ้าน
ก็คิดว่าริบบิ้นเส้นนี้จะให้ใครดี

แล้วพ่อก็นึกถึงแก

พ่ออยากชื่นชมแกนะ
วันๆ  พ่อทำงานยุ่งเหยิงมาก

พอกลับมาบ้านก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจแกสักเท่าไร

บางทียังอาละวาดอีก
เรื่องแกเรียนได้เกรดไม่ดี
เรื่องทำห้องนอนรก

แต่ยังไงไม่รู้สิ
วันนี้พ่อกลับอยากนั่งลงตรงนี้กับแก

อยากบอกว่าแกมีค่ากับพ่อมากแค่ไหน
นอกจากแม่แกแล้ว

ก็มีแกนี่แหละที่เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตพ่อ
แกเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมเลยแหละ
แล้วพ่อก็รักแกนะ...

เด็กหนุ่มผู้ตื่นตะลึงเริ่มสะอื้น
แล้วก็สะอื้น
เขาไม่อาจหยุดร้องไห้

ร่างสั่นเทาไปทั้งตัว
เขาเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อแล้วกล่าวทั้งน้ำตา
'พ่อครับ
เมื่อตอนเย็น  ผมอยู่บนห้อง
นั่งเขียนจดหมายถึงพ่อกับแม่

เพื่ออธิบายว่าทำไมผมถึงฆ่าตัวตาย
แล้วก็ขอให้พ่อยกโทษให้ผม

ผมตั้งใจจะฆ่าตัวตายคืนนี้ตอนพ่อหลับ
ผมคิดว่าพ่อไม่เคยแคร์ผมเลย

จดหมายอยู่บนห้องครับ
แต่ผมคิดว่าผมคงไม่ต้องการมันแล้วล่ะ'

พ่อของเด็กหนุ่มเดินขึ้นไปบนห้องพบจดหมายข้อความสะเทือนใจ

บรรยายถึงความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน
จดหมายฉบับนั้นจ่าหน้าถึงพ่อกับแม่

ชายผู้เป็นเจ้านายกลับไปที่ทำงานอย่างเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

เขาเลิกเป็นคนขี้โมโหแต่จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้พนักงาน

ใต้บังคับบัญชารู้ว่าพวกเขามีค่าอย่างไรบ้าง

ส่วนชายผู้เป็นนักบริหารระดับรองก็ช่วยให้คำแนะนำเด็กหนุ่มอื่นๆ

ต่อมาอีกหลายคนเรื่องการวางแผนอาชีพในอนาคต

แล้วก็ไม่เคยลืมบอกเด็กเหล่านั้นว่าแต่ละคนมีคุณค่าต่อชีวิตเขาอย่างไรบ้าง

หนึ่งในนั้นก็คือเด็กหนุ่มลูกชายเจ้านายเขา

ส่วนเด็กหนุ่มกับเพื่อนร่วมชั้นก็ได้เรียนรู้บทเรียนที่มีค่าเรื่องหนึ่งนั่นคือ

เราต่างเป็นคนที่มีคุณค่าด้วยกันทั้งนั้น

คุณไม่จำเป็นต้องส่งเมล์ฉบับนี้ต่อให้ใครแม้แต่คนเดียว..

อย่าว่าแต่สองคนหรือสองร้อยคนเลย

สำหรับฉัน(ผู้เขียนเรื่องนี้)
คุณอาจจะลบเมล์ฉบับนี้ทิ้ง

แล้วไปเปิดดูเมล์ฉบับต่อไป

แต่ถ้าคุณมีใครสักคนที่มีความหมายกับคุณมาก

ฉันขอสนับสนุนให้คุณส่งข้อความนี้

ไปให้เขาหรือเธอผู้นั้น
เพื่อให้เขาได้รับรู้ความรู้สึกของคุณ

คุณไม่มีทางรู้หรอกว่า

การให้กำลังใจเล็กๆน้อยๆ
มีคุณค่าแค่ไหนกับคนสักคน

ส่งเรื่องนี้ไปยังคนทุกคนที่คุณเห็นว่ามีความหมายต่อคุณ

มีความสำคัญต่อคุณ

หรืออาจส่งไปให้คนหนึ่ง.สอง..หรือสามคนที่มีความหมายต่อคุณมากที่สุด

หรือคุณอาจจะแค่ยิ้มที่ได้รู้ว่ามีใครบางคนคิดว่าคุณเป็นคนสำคัญ
ไม่งั้น
คุณก็คงไม่ได้รับเมล์ฉบับนี้แต่แรก

.........จำไว้นะ
ฉันให้ริบบิ้นสีฟ้าแก่คุณแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น