++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ตามหาแก่นธรรม 45 บ้า.


ตามหาแก่นธรรม 45 บ้า....    บ้า




                                     นักเขียนเรื่องตลกชวนหัวสมัครเล่นชื่อวิทย์ นักศึกษารุ่นเก๋าที่ทำงานแล้ว ได้เข้าโครงการศึกษาต่อที่มหาลัยเกษตร์ศาสตร์บางเขนที่มีมุมมองแตกต่างจากผู้อื่นเเล่าให้ฟังว่า
                                     ไปเจอชายหนุ่มคงแก่เรียนคนหนึ่งผมเผ้ากระเซิงแต่งกายนักศึกษา หอบตำรากองใหญ่นั่งอยู่ท้ายรถเมล์ที่แกขึ้นเพื่อเดินทางกลับบ้านโดยไม่มีใครกล้า นั่งใกล้เลย เพราะท่าทางหงุดหงิดตาขวาง
                                      แกจึงรีบเข้าไปนั่งประกบตีสนิท จนคุย ได้ประเด็นว่าชายคงแก่เรียนกำลังเล่าวิชากฏหมายมาตราต่างๆให้แกฟังอย่างออกรส เป็นเรื่องเป็นราว เหมือนได้นั่งคุยกับเพื่อนสนิท ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปเป็นร่าเริงมีความสุขแล้วเริ่มสุภาพอ่อนโยนเป็นคนละคนกับ ตอนแรก
                                      ก่อนจะลาจากกันด้วยรอยยิ้ม แถมยังให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ด้วยเผื่อมีข้อสงสัยในวิชากฏหมาย ให้โทรไปถามได้ทุกมาตรทุกเวลาหรือหากตีความไม่แตกกับคนสติแตกเยี่ยงเขาได้ เขายินดีแก้ปัญหาให้ วิทย์สารภาพว่าลงจากรถเมล์มาด้วยความมึนงงเพราะตัวเองเรียนเศรษฐศาสตร์ไม่ใช่ วิชากฏหมาย
                                      เรื่องตลกที่วิทย์แกเขียนเป็นที่กล่าวถึงกันมากก็คือเรื่องยายหูตึงกับหลานตัวน้อย เรื่องมีอยู่ว่ายายหูตึงนอนกับหลานตัวน้อย ตอนดึกเจ้าหลานตัวน้อยร้องบอกยายว่าปวดท้องฉี่อยู่หลายหน ยายก็ไม่รู้เรื่องทั้งง่วงทั้งหูตึงก็เลยตัดบทหลานไปว่า
                                     "จ้อยเอ้ยจะทำอะไรก็รีบมาทำข้างๆหูยายนี่แหละโว้ย "คืนนั้นยายหูตึงก็ได้รู้ความจริงว่าหลานปวดท้องฉี่

                                      ต้นเป็นเด็กเรียนดีมากแต่ชอบวิชาศิลปะ อยากเรียนในสายนี้ แต่โดยที่พ่อแม่เป็นหมอก็เลยบังคับให้ต้นเจริญรอยตาม
                                      ต้นไม่ได้ปริปากบ่นหรือโต้เถียงอะไรเลยสักคำกับแม่ สอบเข้าหมอได้ก็เรียนจนจบสำเร็จรับพระราชทานปริญญาบัตร ต้นออกอาการซึมเล็กน้อยในวันนั้น
                                      ในเช้าวันต่อมาต้นเป็นศพข้างล่างคอนโดมีเนียมที่อาศัยเขียนจดหมายถึงพ่อแม่ว่า "ผมได้ทำสิ่งที่แม่อยากให้เป็นตามประสงค์ทุกอย่าง แม่คงจะมีความสุขนะครับ แต่ผมไม่สามารถจะเป็นหมอได้เพราะไม่ใช่ทางของผม แต่ไม่อยากให้แม่เสียใจ ผมทำดีที่สุดแล้ว รักแม่นะครับ"
                                      เบิ้มเป็นเด็กผู้ชาย น่ารักสดใสพ่อแม่และครอบครัวอบอุ่น ว่านอนสอนง่ายมาแต่เล็ก เพื่อนฝูงรักใคร่เพราะเป็นเด็กนิสัยดี จนเข้ามหาวิทยาลัย
                                      ในปีที่สองเบิ้มเริ่มมีแฟน เป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาดี เอาแต่ใจตัวเอง เจ้าอารมณ์ ติดวัตถุสูง มีเด็กผู้ชายมาติดพันหลายคนแต่ก็ตีตัวออกห่างเพราะทนนิสัยไม่ได้
                                      จนมาถึงเบิ้มที่แสนจะเอาใจ ครับทุกเรื่อง แต่พอเบิ้มกลับบ้านกลายเป็นคนหงุดหงิดไม่ฟังเสียงใครเหมือนก่อนเลย จนใกล้จบการศึกษา เบิ้มยิ่งอารมณ์ฉุนเฉียวมากขึ้น
                                      ไม่มีอะไรที่ใครจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา จนสุดท้ายมีข่าวออกมาว่าเบิ้ม จับแฟนสาวกรอกปากด้วยยาพิษแล้วกรอกปากตัวเองตายตามกันไป เขียนจดหมายให้แม่ฉบับหนึ่งมีใจความว่าว่าเชอร์รี่ จะทิ้งผม แต่ผมขาดเขาไม่ได้และรักเขาอยู่คนเดียว
                                      "แม่ครับผมขอโทษหากชาติหน้ามีจริง ผมขอให้ได้เกิดมาเป็นลูกแม่ใหม่นะครับเพราะไม่มีใครรักผมเท่าแม่กับพ่อแล้วครับ และผมจะเป็นเด็กดี จากเบิ้ม"
                                      แม่ของเบิ้มร้องไห้ราวกับจะขาดใจตายกับความหลงผิดของลูกและมีพ่อของเบิ้มยืนสะอึกสะอื้นอยู่ข้างๆ เพราะความเข้าใจผิดและอ่อนต่อโลกของลูกชายที่กำลังเติบโต
                                      อี๊ดนักบัญชีดีกรีปริญญาโททางด้านบัญชีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐทำงานกับบริษัทฯขนาดกลางกลุ่มหนึ่ง
                                      อี๊ดชายหนุ่มที่แสนจะสุภาพเรียบร้อยที่มีคำว่า"ครับ"เป็นคำตอบทุกคำที่ถูกผู้บังคับบัญชาเรียกใช้ ไม่เคยโต้เถียงพูดจาไพเราะ สุภาพเรียบร้อยกับทุกคน ทำงานอยู่ที่นั่นเกือบสิบปี แล้วก็ลาออกไปทำงานโรงพยาบาลเพราะรายได้ดีกว่า จนท้ายสุดก็เข้าไปทำงานกับโรงงานยาชื่อดังแห่งหนึ่ง
                                      ค่ำคืนหนึ่งอี๊ดโทรหาอดีตผู้บังคับบัญชาขอยืมเงินด่วนสองแสนบาทอ้างว่าแม่ไม่สบาย อดีตผู้บังคับบัญชาท่านนั้นโทรหาลูกน้องที่เป็นเพื่อนอี๊ดก็ได้ความว่าอี๊ดเป็นกระเทยที่เรียกว่าตุ๊ด ใช้เงินกับผู้ชายจนหนี้สินล้นพ้นตัว ถูกธนาคารหลายแห่งยี่นโนติ๊สไปแล้วแถมยังพบหลักฐานว่ายักยอกเงินของบริษัทฯ ไปใช้อีก จึงตอบปฏิเสธอี๊ดไป ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยมีข่าวคราวของอี๊ดอีกเลย
                                       สมหมายเป็นพนักงานธนาคาร เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี แคล่วคล่องว่องไว สุภาพ ช่วยเหลืองานพี่ๆที่ทำงาน จนทุกคนอดหลงรักสมหมายไม่ได้ทำงานอย่างกับเครื่องจักร ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอด ผ่านมาหลายปี                                           มีอยู่วันหนึ่งสมหมายนั่งหัวเราะในธนาคารสาขาที่เขาทำงานอยู่ อย่างไม่ยอมเลิก
                                       จนต้องตามพี่ๆที่บ้านมารับตัวไปแต่ทางบ้านของสมหมายกลับส่งเขาไปโรงพยาบาลศรีธัญญา ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้ข่าวคราวของสมหมาย ชายหนุ่มน่ารักของพี่ๆทุกคนอีกเลย
                                      ชายมอมแมมแต่งกายสกปรกตาถมึงพูดจาเสียงดังราวกับโกรธใครมาจนเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เดินหาเศษบุหรี่ที่เขาทิ้งมาสูบต่อ ปากก็พร่ำบ่นด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยวไม่เลิก เห็นขวดน้ำก็จับกรอกปาก แล้วก็เดินหายไปจากสายตาริมฟุตบาธข้างถนน โดยไม่มีใครสนใจใยดีเลย
                                      หญิงชราคนหนึ่งแบกถุงใบใหญ่สองใบ ใบเล็กๆทั้งเหน็บทั้งแขวน รอบตัวอีกหลายใบบ่นพึมพรำกับตัวเอง คุ้ยถังขยะหาอะไรก็ไม่รู้ใส่ถุงที่ตัวมีมาอย่างไม่สนใจใคร และก็ไม่มีใครสนใจเธอ มือดำๆเพราะไม่ได้ผ่านน้ำและผ่านเศษขยะมานาน แต่ยังกำธนบัตรยี่สิบบาทสองใบในมือแล้วก็เดินหายไปจากสายตาเช่นเดียวกันกับชายคนดังกล่าวข้างต้น
                                      วิโรจน์หนุ่มนักธุรกิจผู้เคยมีเงินหลายสิบล้านบาทนั่งเหม่อลอยมองท้องฟ้า มีภรรยานั่งข้างๆป้อนข้าวป้อนน้ำให้ แถมคอยบอกบทให้เคี้ยวและดื่มน้ำตามด้วยอย่างเหนื่อยอ่อน วิโรจน์เป็นเช่นนี้ตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ตลาดหุ้นจนเงินทองที่หาได้มามากมายหมด ไปในพริบตา เพราะเอาเงินไปซื้อหุ้นเกินตัวจนถูกบังคับขาย
                                      ทุกวันวิโรจน์จะมานั่งมองท้องฟ้าตั้งแต่เช้าจนเย็นถึงจะยอมเข้าบ้าน เขาคิดอะไรอยู่ยากจะรู้
                                       เพ็ญศรีแต่งตัวเหมือนสาวอ็อฟฟิศ มีกระเป๋าสะพายใบหนึ่ง มือถือแฟ้มที่เต็มไปด้วยกร๊าฟของหุ้น  เธอดูมีความสุขที่มานั่งพล๊อตกร๊าฟอย่างใจจดใจจ่อ และดูมีความหวังกับมันมาก แต่ที่เธอลืมเสมอก้คือเธอลืมที่จะใส่รองเท้า
                                       วีระช่างรับเหมาก่อสร้าง จบนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเปิดที่มีชื่อเสียง มีนิสัยดีใจดี พูดไปหัวเราะไป แม้กระทั่งตอนเล่าเรื่องโดนโกงจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่ง ที่วีระไปรับงานช่วงมาอีกต่อหนึ่งมาทำจนเสร็จ แล้วเก็บเงินไม่ได้มาหลายปี ก็ยังยิ้มแย้ม จนใกล้ตอนจบบทสนทนากับเพื่อนที่นั่งคุยกัน วีระบอกเพื่อนว่าให้รีบๆออกจากตึกกันเถอะเดี๋ยว เครี่องบินจะมาบินชนตึกที่นั่งคุยอยู่
                                        พร้อมทั้งช่วยเพื่อนหิ้วของมาส่งที่รถอย่างโอบอ้อมอารี แถมจับมือกันอีกและบอกว่า ค่อยเจอกันใหม่นะครับ
                                       เทียน ผู้จัดกาสาขา รธนาคารเก่าแก่แห่งหนึ่งของเมืองไทยเป็นผู้จัดการสาขาดีเด่นมีโล่ห์และถ้วย รางวัลเต็มตู้โชว์ ซึ่งยืนยันผลงานของเทียนว่าเป็นคนทำงานจริงจังแค่ไหน
                                       จนกระทั่งเทียนป่วยหนักอยู่นานก็ยังนอนละเมอเพ้อถึงเป้ายอดต่างๆที่ธนาคารให้มา ท้ายสุดธนาคารก็ยื่นซองขาวให้ออกจากงานเพราะทำงานให้ไม่ได้
                                        ก่อนจะตายจากโลกนี้ไปเทียนสั่งเสียภรรยาให้เลี้ยงลูกชายคนเดียวให้ดี สำหรับบ้านที่สร้างอยู่ก็ปล่อยให้ธนาคารยึดไปเพราะเป็นชื่อของเขาคนเดียวต้องผ่อนอีกหลายล้านบาท ไม่อยากให้ภรรยาแบกภาระตรงนี้แล้วเขาก็จากไปด้วยความเจ็บปวดจากโรคร้าย
                                        แต่ที่เจ็บยิ่งไปกว่าก็คือภรรยาแสนรัก ทุกข์ใจกับสามีที่เจ็บป่วยและเจ็บปวดตามไปด้วยเพราะความรัก
                                       โลภ โกรธ หลง อกุศลมูล หรือฐานที่มั่นแห่งกิเลสทั้งปวงหากตามมันไม่ทัน ไหนเลยจะครองสติได้เล่าท่านผู้อ่าน แล้วชีวิตก็จะมืดมนไปจนกว่าจะหาแสงสว่างได้
                                        แสงสว่างใดๆไหนเลยจะเท่ากับแสงสว่างแห่งปัญญา หากปัญญามากความคิดมันจะน้อยถอยลง ความทุกข์เกิดธรรมสะเทือน
                                        พระอริยเจ้าท่านไม่กลัวความทุกข์หรอก เพราะพระนิพพานอยู่ฟากตาย หากไม่กลัวตายไฉนเลยจะกลัวทุกข์ นั่นเพราะละแล้วซึ่งความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน
                                         พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า รูปเป็นของไม่เที่ยง ความไม่เที่ยงเป็นทุกข์ ความทุกข์เป็นอนัตตาคือไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน

                                                                 ธรรมะสวัสดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น